ที่ประชุมรัฐสภามีมติคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของ“เพื่อไทย” เหตุ สว.ไม่เห็นชอบ ที่เหลือผ่านฉลุย ร่างน้ำเงินลอยมา สว.ตั้งการ์ดพากันงดออกเสียงให้ร่างพรรคแดง “บิ๊กเกรียง”รับหลักการ ปชน.-ภท. แต่ไม่เอา“เพื่อไทย” ด้าน“กอบ-เดชา-รัชนีกร” สว.ตัวตึงไม่เอาสักร่าง ค้านแก้รัฐธรรมนูญ ขณะ“นันทนา”จับมือ“สิริน”คว่ำร่าง“ภูมิใจไทย”พรรคเดียว ส่วน“อลงกต-สวัสดิ์”ชัดเจนเอาแค่ร่างน้ำเงินเท่านั้น พบ“อนุทิน-บิ๊กป้อม-ธรรมนัส-เดชอิศม์”หายเข้ากลีบเมฆ ไม่มาร่วมประชุม ส่วน“ไอซ์ รักชนก” โพล่งหารือระหว่างขานขื่อ ขอให้โชว์รูปคนโหวตด้วย ประชาชนจะได้รู้ไปเลย

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่.. พ.ศ. .... 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย เพื่อแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 เพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายหลังจากที่มีการเปิดให้สมาชิกอภิปรายตลอดทั้ง 2 วัน รวมถึงให้ตัวแทนผู้เสนอร่างฯ ทั้ง 3 พรรคการเมือง ได้อภิปรายสรุปแล้วนั้น

ในเวลา 15.09 น.ได้เริ่มลงมติรับหลักการทั้ง 3 ร่างฯ ด้วยวิธีการขานชื่อเป็นรายบุคคล ทั้ง สส. - สว.รวมทั้ง 690 คน ว่าจะลงมติรับหลักการ ไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียง ในร่างฯ ใดทั้ง 3 ร่างฯ ใช้เวลาลงมติกว่า 2 ชั่วโมง จนกระทั่งเวลา 17.18 น.ประธานการประชุมได้แจ้งผลการลงมติดังนี้

ฉบับที่ 1 ร่างฯ ของ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ ที่ประชุมมีมติ สส.รับหลักการ 460 คน สว. 108 รวม 568 ไม่รับหลักการ 10 งดออกเสียง 74 เป็นอันว่าที่ประชุมรับหลักการ ในวาระที่ 1

ฉบับที่ 2 ร่างฯ ของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และคณะ รับหลักการ 629 คน เป็น สว. 167 คน ถือว่ารับหลักการในวาระที่ 1

และฉบับที่ 3 ร่างฯ ของ นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และคณะ ผลปรากฎว่า รับหลักการ 521 คน แต่มี สว.รับหลักการ 60 คน ไม่ถึง 1 ใน 3 ถือว่าไม่รับหลักการในวาระที่ 1

ทั้งนี้ ในการลงมติพบว่า สว.ส่วนใหญ่ งดออกเสียงให้กับร่างของพรรคเพื่อไทย อาทิ พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ , นายเดชา นุตาลัย , ส่วนน.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ ไม่รับหลักการเลยสักร่าง ขณะที่ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง และ พล.ต.ท.บุญจันทร์ นวลสาย งดออกเสียงให้กับร่างฯ ของพรรคเพื่อไทย ส่วน พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา และนายอลงกต วรกี รับหลักการเฉพาะร่างของพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส รับหลักการร่างของพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย แต่ไม่รับหลักการร่างของพรรคภูมิใจไทย

สำหรับการลงมติในฝั่งของ สส.ส่วนใหญ่รับหลักการทั้ง 3 พรรค แต่มี นายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่รับหลักการของทุกร่าง ขณะที่ นายสิริน สงวนสิน สส.กทม.พรรคประชาชน รับหลักการร่างของพรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย แต่ไม่รับหลักการร่างของพรรคภูมิใจไทย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการลงมติไประยะหนึ่ง นายมงคล สุระสัจจะ รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในขณะนั้น ได้แจ้งว่าวิปรัฐบาล ได้ประสานมาว่าอยากให้ขานชื่อทีละร่าง  แต่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้แย้งว่า จะขานแบบไหนก็เป็นการเห็นชอบ และประหยัดเวลา ตนไม่เห็นว่ามีใครสับสนหรืองง ไม่เห็นว่ามีความจำเป็น

ขณะที่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน ลุกขึ้นขอหารือว่า ในช่วงแรกได้มีการขึ้นรูปสมาชิกที่ลงมติ แต่ติดปัญหาขัดข้องทางเทคนิค ตนจึงอยากขอให้ขึ้นรูปผู้ลงมติ เพราะพ่อแม่พี่น้องประชาชนได้ประโยชน์จะได้โชว์ให้เห็นเลยว่าผลการโหวต แต่ละคนโหวตอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงมติครั้งนี้ มีสมาชิกที่ไม่อยู่ในห้องประชุม เช่น นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่1, นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง, นายเกรียง กัลป์ตินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย, นายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา พรรคกล้าธรรม, นายนิติศักดิ์ ธรรมเพชร สส.พัทลุง พรรครวมไทยสร้างชาติ, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว., นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน

โดยนายไชยา และนายฉลาด แจ้งผ่านสื่อมวลชนว่า ติดภารกิจเข้าเฝ้ารับเสด็จ ตามหมายกำหนดการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ส่วนนายรังสิมันต์ และนายปกรณ์วุฒิ ติดภารกิจต่างประเทศ จากนั้นได้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาจำนวน 43 คน ตามสัดส่วน โดยใช้ระยะเวลาในการแปรญัตติ 15 วัน

สำหรับคณะกรรมการวิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จำนวน 43 คน โดยแบ่งออกเป็นสัดส่วนกรรมาธิการที่มาจาก สว. 12 คน และ สส. 31 คน

สว.มีสัดส่วน 9 คน ได้แก่ นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ, นายเอนก วีระพจนานันท์, นายชวภณ วัธนเวคิน, นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล, นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์, นางสาวรัชนีกร ทองทิพย์, นายกฤษณุ เหลืองพิบูลกิจ, นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร, นายกิตติพันธ์ อนันตกูลจิรโชติ, พันตำรวจโท สุริยา บาราสัน, นายวอน หินดี และ นายจำลอง อนันตสุข

พรรคประชาชน 9 คน ได้แก่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ, นายณัฐวุฒิ บัวปทุม, นายสหัสวัต คุ้มคง, นายปรีติ เจริญศิลป์, นายอนุสรณ์ แก้ววิเชียร, นายภัณฑิล น่วมเจิม, นายเชตวัน เตือประโคน, นายรอมฎอน ปันจอร์ และนางสาวพนิดา มงคลสวัสดิ์

ส่วนพรรคเพื่อไทย 9 คน ได้แก่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายจาตุรนต์ ฉายแสง, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, นายสุธรรม แสงประทุม, นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์, นางสาวขัตติยา สวัสดิ์ผล, นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายเอกพร รักความสุข

พรรคภูมิใจไทย 4 คน ได้แก่ นายภราดร ปริศนานันทกุล, นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล, นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์, นางสาวแนน บุณย์ธิดา สมชัย

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แก่นายวิทยา แก้วภราดัย และนางสาวทิพานัน ศิริชนะ พรรคกล้าธรรม ได้แก่ นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน และนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ พรรคประชาธิปัตย์ ได้แก่ นายชัยชนะ เดชเดโช และนายทรงศักดิ์ มุสิกอง

พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ พรรคชาติไทยพัฒนา คือ นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ และประชาชาติ คือ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง

- 006