‘ชูศักดิ์’เซ็ง! ร่างแก้รัฐธรรมนูญ ‘เพื่อไทย’ ตกรอบ เชื่อเพราะการเมืองล้วนๆ

‘ชูศักดิ์’เซ็ง! ร่างแก้รัฐธรรมนูญ ‘เพื่อไทย’ ตกรอบ เชื่อเพราะการเมืองล้วนๆ

วันพุธ ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 21.31 น.

’เพื่อไทย‘ เซ็งหนักเจอเล่นแต่การเมืองล้วนๆ! ทำร่างแก้ รธน.ตกรอบ  หวังหลักการปชต. ยึดโยงประชาชน แจงโหวตหนุนร่าง ’พรรคส้ม‘ เหตุใกล้เคียงกันปชช.มีส่วนร่วม เตรียมสู้ต่อในกมธ.ร่วม 

วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เวลา 19.45 น. ที่รัฐสภา นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังโหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ ว่า ที่ประชุมมีมติรับร่างของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ด้วยคะแนนเกินกึ่งหนึ่ง และเสียงสนับสนุนจากสว. 1 ใน 3 ทั้งนี้ในส่วนของร่างของพรรคเพื่อไทยคะแนนเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา จำนวน 521 คะแนน แบ่งเป็นสส. 461 คะแนน แต่ได้คะแนนสว.เพียง 60 ซึ่งไม่เกิน 1 ใน 3 ซึ่งเป็นอันว่าผ่านไป 2 ร่าง โดยพรรคเพื่อไทยไม่ผ่านเกณฑ์รัฐธรรมนูญมาตรา 256 ทั้งนี้พวกเราก็ต้องเสียใจเนื่องจากร่างของพวกเราพยายามทำอย่างสุดความสามารถ ยึดโยงกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึง ยึดโยงกับรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256  ในหมวด 15 ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ 


นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หากเปรียบเทียบร่างแก้ไขทั้ง3 ร่าง ตนคิดว่าร่างของพรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นร่างที่เหมาะสมมากที่สุด จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ขณะที่ร่างแรกถูก วิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ยึดโยงกับประชาชน กล่าวคือ พอประชาชนมาสมัครแล้วเลือกที่รัฐสภา จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าท้ายที่สุด ว่าอาจเป็นร่างของพรรคการเมือง เป็น สสร.ของพรรคการเมือง สีนั้นสีนี้ ส่วนอีกร่างหนึ่งก็ถูกวิจารณ์ว่ายึดโยงกับประชาชนจนสูงเกินไป แต่ของพรรคเพื่อไทยเดินสายกลางมีความยืดหยุ่นกับประชาชนขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ตัวแทนองค์กรต่างๆเข้ามาร่วมเป็นสสร. จำนวน 51 คน และเมื่อมีการจัดตั้งกรรมาธิการจำนวน 21 คน จากผู้ทรงคุณวุฒิ 

“ดังนั้นร่างของพรรคเพื่อไทย จึงเป็นร่างที่ควรจะต้องสนับสนุนมากที่สุด หากเปรียบเทียบจาก3 ร่างทั้งหมด โดยเหตุนี้ จึงเป็นที่น่าเสียใจว่าร่างของพรรคเพื่อไทยเป็นอันต้องจบต้องจบไป แต่เราก็ได้มีการวิเคราะห์สาเหตุว่าการตกไปนั้นเกิดจากอะไร ว่าเกิดจากหลักการหรือเหตุผลหรือร่างไม่ดี หรือเหตุผลอะไร ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการปรึกษากันแล้วและมองว่าไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเหตุผลทางการเมืองเท่านั้น ที่ทำให้ร่างของพรรคเพื่อไทยตกไป”นายชูศักดิ์ กล่าว

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่าซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนทราบดีเพราะเราไม่ได้ไปทำMOA ที่เค้าทำกันแค่2พรรค จึงทำให้ร่างทั้ง2พรรคผ่านร่างไป ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องแก้ไขหมวด1หมวด2 แต่ท้ายสุดร่างของพรรคประชาชน ก็ไม่มีการห้ามในการแก้ไขหมวด ดังกล่าวเหมือนร่างของพรรคเพื่อไทย จึงสรุปได้ว่าน่าจะเป็นเหตุผลทางการเมืองเสียมากกว่า เราจึงปล่อยให้ประชาชน เป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์

ทั้งนี้ตนมองว่าหากที่ประชุมสภารับร่างของพรรคเพื่อไทย ตนก็เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ร่างหลักในวันนี้จะเป็นร่างของพรรค ภูมิใจไทย และเชื่อว่าจะไม่ต้องไปโหวตถึงครั้งที่2แบบนี้ ดังนั้นเมื่อร่างของพรรคเพื่อไทยตกลงไป เราจึงมองว่าจำเป็นที่จะต้องโหวตสนับสนุนร่างของพรรคประชาชนเพราะ ร่างของพรรคประชาชนนั้นมีความใกล้เคียงกับของพรรคเพื่อไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการที่จะมาเป็นสสร. แม้จะมีการเลือกโดยตรงมากเกินไปแต่ตนคิดว่าการยึดโยงกับประชาชนนั้น คือวิสัยที่เราจะต้องสนับสนุน ในการที่จะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตย แม้ร่างเราจะตกไปแต่เราก็จะทำหน้าที่ใน กรรมาธิการร่วมกันผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้เกิดขึ้นให้ได้ ซึ่งพวกเรา9 คนพรรคเพื่อไทย ก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถ ในการใช้ความรู้ความสามารถเพื่อให้รัฐธรรมนูญนี้เป็นประชาธิปไตยและยึดโยงกับประชาชน จึงถือโอกาสนี้ยืนยันว่าเรายังมุ่งมั่นและตั้งใจ ส่วนจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด 

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า หากตกลง ในMOA เสียให้เสร็จแต่แรก ก็คงไม่ต้องเหนื่อยแบบในวันนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่าMOA เป็นปัญหา จึงฝากพรรคประชาชน ช่วยตรวจสอบและไตร่ตรองให้ดี เพื่อทำให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ได้

เมื่อถามว่า ในการโหวตวาระ2และวาระ3มีความกังวลอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า ต้องดูว่ารูปแบบของสสร.เป็นอย่างไร ซึ่งรูปแบบของพรรคประชาชนนั้นยึดโยงประชาชน แต่ของพรรคภูมิใจไทยไม่มี ซึ่งตนมองว่าเผลอๆอาจจะต้องเอาร่างของพรรคเพื่อไทยไปประกอบในญัตติ เพื่อให้เป็นทางออกซึ่งเป็นจุดตัดที่สำคัญ ส่วนนอกจากนั้นก็เป็นรายละเอียดปีกย่อยเช่น จะแก้ไขปัญหาในมาตราหมวด1 หมวด2 แต่อย่างไรก็ตามตนมองว่าร่างทั้ง2ร่างที่ผ่านตนมองว่ายังขาดอะไรไปเยอะ  

 นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนอีกเรื่อง ที่กำลังมีข้อกังวลคือเวลาที่จำกัดมากในเรื่องของการจัดทำประชามติ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับเรื่องของพ.ร.บ.ประชามติที่จะต้องนำมาใช้ ซึ่งมีเวลาจำกัดมาก ดังนั้นการเถียงกันในสาระสำคัญแบบนี้ อาจจะมีเวลายกร่างไม่เกิน2เดือน เพื่อทำให้เสร็จ  

ส่วนกรณีข้อกังวลเกี่ยวกับฝั่งส.ว. ที่มองว่าอาจจะเป็นการเปิดช่องไปสู่การแก้ไข มาตราหมวด1 หมวด2 จะทำให้เกิดความยุ่งยากในชั้นกรรมาธิการหรือไม่นั้นตนมองว่าการแก้ไข รายมาตราหมวด1 หมวด2 ไม่ใช่กรรมาธิการเป็นคนแก้  จริงๆแล้วกฎหมายไม่ได้ห้ามแก้ แต่ถ้าจะแก้ต้องทำประชามติแต่ตนเชื่อว่าไม่มีการแก้ไขเหตุผลเพราะว่า จากที่เห็นในอดีตก็ไม่มีการแก้ไขแต่พรรคเพื่อไทยไม่ห้ามเพราะ หากจำเป็นจริงๆ ต้องแก้ไขเดี๋ยวมันจะไม่มีทางออก 

ทั้งนี้ถ้าร่างของพระประชาชนเป็นร่างหลักแต่มี มีคนไปตั้งคำถามต่อศาลว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายชูศักดิ์เผยว่าตามหลักแล้วจะต้องถาม ศาลจะต้องใช้มติของรัฐสภา ตามมาตรา 210 เพื่อวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา ไม่ใช่อยู่ดีๆจะไปยื่นต่อศาลเลย หากไม่มีมติให้ถามก็ไม่สามารถถามได้ 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top