‘กมธ.มั่นคงฯ’เข้มถกปัญหาทุจริตโยง‘รมช.อุตสาหกรรม’ หลัง‘ป.ป.ช.’ ชี้มูลความผิด แต่ศาลยกฟ้อง ขณะที่จำเลย 2-7 โดนคดี โอดหากใช้หลักการแบบนี้ คงไม่มีนักการเมืองฝ่ายบริหารคนไหนผิดอีกแล้ว
16 ตุลาคม 2568 ที่รัฐสภา นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระการพิจารณาของกมธ.ฯวันนี้ ที่เกี่ยวกับกรณีของจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รมช.อุตสาหกรรม ที่มีการกล่าวหาเรื่องการทุจริตว่า เป็นการติดตามความคืบหน้า การชี้มูลความผิดของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)มติ 8 ต่อ 0 ก่อนที่จ่าเอกยศสิงห์ จะดำรงตำแหน่งรมช.อุตสาหกรรม
ที่ประชุมกมธ.ฯได้มีการเชิญ ป.ป.ช , อัยการสูงสุด , ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และนายอำเภอบางปะกง มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การชี้มูล และมีคำสั่งออกจาก ป.ป.ช ว่าให้ดำเนินการไปยังกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นที่จ่าเอกยศสิงห์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศบาลตำบลบางผึ้ง มีความคืบหน้าอย่างไร การชี้มูลและการดำเนินการทางยุติธรรมเป็นอย่างไร
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า เอกสารที่ตนได้มา พบว่าช่วงเวลาขณะนั้นการชี้มูลเกิดขึ้นเมื่อปี 2565-2566 กระบวนการยุติธรรมหลังจากนั้นพบว่าจำเลยในคดีมี 7 คน จำเลยคนที่ 2-7 มีความผิด ส่วนจ่าเอกยศสิงห์ ซึ่งเป็นจำเลยที่1 ยกฟ้องในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดถึงมีการยกฟ้อง และมีการอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งจากกรณีนี้มีข้อพิรุธเยอะมาก
"เราต้องตามหาข้อเท็จจริงกันต่อเพื่อตามหาข้อกระจ่างให้สังคม เพราะบุคคลที่ดำรงตำแหน่ง เป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูง มีความรับผิดชอบและมีภารกิจเกี่ยวกับงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ จะสร้างผลกระทบได้มากกว่าเดิมหากมีการดำเนินการที่ผิดพลาดในการดำรงตำแหน่ง เหมือนในอดีตที่ผ่านมาจนโดน ป.ป.ช.ชี้มูล" นายชุติพงศ์ กล่าว
นายชุติพงษ์ กล่าวต่อว่า ประเด็นหลักๆ จะเน้นไปที่ผลการสอบสวนในชั้นต้น และ ผลการสอบสวนของ ป.ป.ช. ที่นำสู่การมูลมติ 8ต่อ0 จนมีการฟ้องศาล และมีการยื่นอุทธรณ์จำเลยที่มีการยกฟ้อง เพราะจำเลยที่ 1 เป็นตัวตั้งต้น และมีส่วนร่วมแต่แปลกมากที่จำเลย 2-7 โดนคำพิพากษาลงโทษ แต่จำเลยที่ 1 ได้รับการยกฟ้อง ถ้าใช้หลักการแบบนี้ ตนคิดว่าไม่มีนักการเมืองคนไหนที่อยู่ฝ่ายบริหารจะผิดอีกแล้ว
เมื่อถามว่า สุดท้ายเมื่อตรวจสอบแล้ว พรรคประชาชนจะยื่นเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของจ่าเอกยศสิงห์ หรือไม่นายชุติพงศ์ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการพิจารณาเรื่องจริยธรรม และคุณสมบัติ เพราะเป็นมาตรวัดที่ไม่ชัดเจน ในการตัดสินการดำรงตำแหน่ง แต่ในฐานะสส. ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร มีความจำเป็นที่จะต้องทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อรักษาประโยชน์ของประเทศชาติ และคงไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าทำหน้าที่อย่างเต็มที่หรือไม่ ถ้าปล่อยบางอย่างที่ยังมีข้อสงสัยไป
เมื่อถามถึงพฤติกรรมการทุจริตของจ่าเอกยศสิงห์ นายชุติพงศ์ กล่าวว่า มีการอนุมัติก่อสร้างอาคารที่อยู่ห่างจากสำนักงานเทศบาล ในระยะไม่กี่ร้อยเมตร ในเอกสารพยานยืนยันว่า จ่าเอกยศสิงห์เป็นผู้ไปตรวจสอบการก่อสร้างอาคารดังกล่าวอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในเอกสารที่เซ็นเบิกเงินออกมาจ่ายให้กับผู้รับจ้าง และเอกสารที่แนบมาระบุว่าการก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ แต่ยังเซ็นเบิกออกมา เรื่องแบบนี้กลายเป็นว่าไม่มีความผิด ทั้งที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูล8ต่อ0 วันนี้จึงต้องถาม ป.ป.ช. และอัยการสูงสุดว่าจะดำเนินการหลังจากนี้อย่างไรต่อ เพราะจำเลยที่ 2-7 คือผู้รับจ้างและข้าราชการมีความผิดหมดเลย มีแต่คนเซ็นสุดท้ายที่มีอำนาจในการระงับเหตุแห่งการทุจริตคอร์รัปชั่นครั้งนี้ไม่มีความผิด มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ในหลายกรณีที่มีลักษณะเช่นนี้ นักการเมืองระดับสูงไปจนถึงข้าราชการ ส่วนใหญ่แล้วนักการเมืองจะโดนก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นว่า คนที่เป็นผู้เซ็นมีอำนาจสูงสุดรอด วันนี้เราจะไปตามหาข้อเท็จจริงกันเพิ่มเติม ข้อตั้งข้อสงสัยว่าหากดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นเป็นรัฐมนตรี จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีการเซ็นแล้วข้าราชการที่ทำหน้าที่ในการส่งเอกสารจะกลายเป็นผู้รับผิดชอบหรือไม่ นี่เป็นปัญหา ของอำนาจบริหาร ที่อยู่ในมือของผู้ที่เคยมีพฤติการณ์ ที่เคยถูกชี้มูล ซึ่งหลังจาก ป.ป.ช. ชี้มูล ได้มีคำสั่งให้ถอดถอน แต่จ่าเอกยศสิงห์ได้มีการลาออกไปก่อน จึงไม่อาจถอดถอนได้ตามขั้นตอน” นายชุติพงศ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี