‘พท.’ไล่บี้‘รัฐบาลอนุทิน’เข้มยกระดับเชิงรุกล้างบาง‘แก๊งคอลฯ’ ยกโมเดล3ตัด ยุค‘อิ๊งค์’ได้ผลจริง

‘พท.’ไล่บี้‘รัฐบาลอนุทิน’เข้มยกระดับเชิงรุกล้างบาง‘แก๊งคอลฯ’ ยกโมเดล3ตัด ยุค‘อิ๊งค์’ได้ผลจริง

วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 14.41 น.

‘เพื่อไทย’ไล่บี้‘รัฐบาลอนุทิน’เข้มยกระดับเชิงรุกล้างบาง‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’ ยกโมเดล 3 ตัด รัฐบาล‘แพทองธาร’ได้ผลจริง จวกอย่าแค่หวังคะแนนนิยม-ผลทางการเมือง ทวงถามคืบหน้าปมสินบน 40 ล้าน‘ไชยชนก’ ลั่น หลักฐานอยู่ในมือไม่ต้องรอ 30 วัน

เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) แถลงกรณีปัญหาสแกมเมอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ ว่า ปัญหานี้เคยได้รับการแก้ไขจนเห็นผลเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดที่แล้ว กลับมาเป็นปัญหาสำหรับพี่น้องประชาชน และประเด็นใหญ่ระดับโลกอีกครั้ง สืบเนื่องจากกรณีที่มีการกดดันจากสหรัฐสหราชอาณาจักร และเกาหลีได้ เดินหน้าปราบปรามติดตามขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชาอย่างจริงจัง


นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า พรรค พท. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ยกระดับมาตรการปราบปรามขบวนการกล่าวเพื่อไม่ให้ประเทศไทยส่วนหนึ่งของอาชญากรรม ดังนี้ 1.ดำเนินมาตรการ 3 ตัด คือ ตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต ตัดการขนส่งน้ำมัน เพื่อสกัดศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยอาจพิจารณายกระดับจากโมเดลความร่วมมือระหว่างประเทศไทย จีน เมียนมา ที่สำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร 

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า 2.กลับมาเข้มงวดเรื่องการปิดเส้นทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการหลอกลวงเอาคนไทยข้ามไป และการลักลอบหนึกลับเข้ามาในประเทศอย่างผิดกฎหมาย 3.เร่งสานต่องานจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่เกี่ยวข้องอื่นเพื่อตั้งศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) ระดมความร่วมมือจากนานาประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ข้ามชาติอย่างเป็นรูปธรรม แก้ไขขั้นเด็ดขาดช่วยเหลือเหยื่อกลับบ้าน 

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า 4.เจรจากดดันเพื่อให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขข้อที่ 3 คือ การร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งอยู่ในเงื่อนไข 4 ข้อเดิมตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สมัยรัฐบาลน.ส.แพทองธาร เคยเสนอไว้ ผ่านการลงนามข้อตกลงสันติภาพในการประชุมอาเซียนซัมมิท วันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 5.ให้รัฐบาลกลับมาจริงจังเรื่องของการระงับบัญชีม้า และซิมที่ผูกกับโมบายแบงก์กิ้งที่ได้รับการพิสูจน์ยืนยันว่าเกี่ยวข้อง ตลอดจนการปราบปรามเว็บพนันและเว็บหลอกลวงผิดกฎหมายเพื่อป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ในประเทศ โดยในรัฐบาลชุดที่แล้วก็ได้ไช้มาตรการนี้ในการระงับบัญชีม้ากว่า 5 แสนบัญชี และป้องกันการสูญเสียได้กว่า 2 หมื่นล้านบาท 6.เร่งออกกฎหมายลำดับรองเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) ป้องกันและปรามอาชญากรรมด้านไซเบอร์และพ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล

นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า 7.ให้รัฐบาลใช้ศูนย์ AOC 1441 ที่ได้ตั้งขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว เพื่อเป็น One Stop Service ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการหลอกลวงออนไลน์แบบแร่งด่วน เพื่อให้เรื่องร้องทุกข์ เรื่องระงับธุรกรรมทางการเงิน และเรื่องการประสานงานกับธนาคารและตํารวจไซเบอร์กลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง

“พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นตัวตั้งในการแก้ไขปัญหาชาชายแดนไทย กัมพูชา แบบหวังผลจริง ด้วยการเดินหน้ามาตรการปราบปรามสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง ให้เป็นยุทธศาสตร์หลักในการกดดันกัมพชาเพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างถูกต้อง ไม่ได้เพียงแต่ทำงานตามกระแสเพียงเพื่อหวังคะแนนนิยม และผลทางการเมืองเท่านั้น” นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวต่อว่า นี่คือข้อเสนอที่พรรค พท.ยื่นให้รัฐบาลเพื่อนำไปสู่การแก้ไข เป็นการเพิ่มเติมจากมาตรการเดิมที่รัฐบาลมีการตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าว เป็นการตั้งตามการบริหารนโยบายเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีคณะกรรมการที่ขับเคลื่อนนโยบาย คือคณะกรรมการตามพ.ร.ก.ในข้อเสนอที่ 6

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงท่าทีของรัฐบาลชุดใหม่ที่ยังไม่มีท่าทีจริงจังในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายประเสริฐ กล่าวว่า รัฐบาลควรมีความชัดเจนในเรื่องนี้ จะโยนความรับผิดชอบไปให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ และต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้กับประชาชนได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น ที่ผ่านมาตนรู้สึกว่านายกรัฐมนตรีพยายามบ่ายเบี่ยงในการตอบปัญหาอย่างจริงจัง

เมื่อถามว่า ทั่วโลกพยายามกดดันกัมพูชา พรรคพท.ในฐานะฝ่ายค้านจะจี้เรื่องนี้อย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นหนึ่งในข้อเสนอของพรรค พท. เพราะขณะนี้นานาชาติได้กดดันรัฐบาลกัมพูชา จึงเป็นโอกาสที่รัฐบาลไทยจะแสดงจุดยืน ในการร่วมมือกับนานาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นจีน สหรัฐฯ อังกฤษ และเกาหลีใต้ที่ได้ดำเนินการแล้ว ก็อยากให้ประเทศไทยได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน 

เมื่อถามว่า กรณีของนายเบน สมิธ ทางการไทยจะดำเนินการอย่างไร นายประเสริฐ กล่าวว่า อะไรที่เป็นเรื่องผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินการได้เลย และรัฐบาลต้องตรวจสอบ 

ถามย้ำว่า สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมีข้อมูลของนายเบน สมิธ บ้างหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการรายงานมา ฉะนั้น เรื่องนี้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ยืนยันว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องอยู่แล้ว หากมีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ก็เปิดเผยออกมาได้เลย จะได้ช่วยกันดู

เมื่อถามว่า เรื่องมาตรการ 3 ตัด ควรจะจะต้องดำเนินการทันทีเลยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลน.ส.แพทองธารเคยใช้การประชุมสมช.ในการกำหนดทิศทาง ซึ่งรัฐบาลนายอนุทินสามารถใช้แนวทางนี้ได้เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาในรัฐบาลชุดที่แล้วได้ดำเนินการอย่างได้ผลและมีตัวเลขชัดเจน รวมถึงการหลอกลวงผ่านโซเชียลมีเดียก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ อีกทั้งตัวเลขอาชญากรรมทางออนไลน์ ก็มีค่าความเสียหายลดลง

เมื่อถามถึง กรณีที่นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ออกมาแฉการสภาฯ ว่า 40 ล้านบาทมีบุคคลยื่นสินบน จำนวน 40 ล้านบาท แลกกับการไม่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นายประเสริฐ ย้ำเรื่องนี้ว่า สมัยตอนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ 2 ปี ไม่เคยมีใครมาพูดเรื่องนี้เลย แต่รัฐมนตรีคนใหม่ยังไม่เคยมานั่งในตำแหน่งเลย กลับมีคนมาเสนอเรื่องนี้แล้ว ฉะนั้น เรื่องนี้ที่รัฐบาลบอกว่าจะปราบอย่างจริงจังและบอกว่าจะใช้เวลาในการตรวจสอบภายใน 30 วันนั้น ความจริงไม่ควรใช้เวลาถึง 30 วันด้วยซ้ำ เพราะเรื่องนี้ท่านทราบดีว่าใครเป็นคนให้ข้อมูล นั่นก็คือ สส. 2 คนจากพรรคภูมิใจไทย และมีผู้ช่วยสส.อีกหนึ่งคน เรื่องนี้ต้นตอหาไม่ยาก โดยสิ่งที่รัฐมนตรีรับปาก ว่าจะหาคนผิดให้ได้ภายใน 30 วัน ตนคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก วันนี้จึงขอทวงถามว่าเรื่องไปถึงไหนแล้ว แม้ว่าจะยังไม่ถึง 30 วันแต่เรื่องนี้ไม่ซับซ้อน เพราะเป็นคนใกล้ตัวนายไชยชนกทั้งสิ้น เพราะสามารถเรียกมาให้การและดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิด

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top