ทอ.ยันทิ้งบอมบ์เป้าหมายทหาร  โต้ข่าวปลอมเขมร  แจงปฏิบัติการเพื่อปกป้องคนไทย

ทอ.ยันทิ้งบอมบ์เป้าหมายทหาร โต้ข่าวปลอมเขมร แจงปฏิบัติการเพื่อปกป้องคนไทย

วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ทอ.ยันทิ้งบอมบ์เป้าหมายทหาร

โต้ข่าวปลอมเขมร

แจงปฏิบัติการเพื่อปกป้องคนไทย

ทบ.แฉซ้ำกัมพูชาไม่หยุดปลุกม็อบ

เตะถ่วงแก้ชายแดนจึงต้องเลื่อนRBC

ทบ. แจงปม กัมพูชา อ้างคำพูด สว. อังคณา ผิดข้อเท็จจริง ห่วงคนไทย ให้ข้อมูลไม่ครบจนถูกใช้เป็นเครื่องมือ ชี้บทเรียนมีให้เห็น หากขาดความไว้เนื้อเชื่อใจ ผู้ไม่หวังดีเข้ามาแทรกแซง แฉซ้ำเขมรยังไม่หยุดจัดฉากสร้างสถานการณ์ปลุกระดมมวลชนจัดตั้งป่วนไทย แจงเหตุเลื่อนถก RBC เพราะเขมรไม่จริงใจไม่ร่วมมือเตะถ่วงการแก้ปัญหาพิพาท ไม่ส่งแผนปฎิบัติการตาม 4 ข้อตกลง‘โฆษก ทอ.’แจง F-16 ทิ้งระเบิดถล่มทหารเขมร ถูกต้องตามหลักกฎหมาย อาศัยสิทธิป้องกันตนเองตามมาตรา51กฎบัตรสหประชาชาติด้าน มทภ.1น้อมรับพระกระแสรับสั่ง’กรมพระศรีสวางควัฒนฯ’ เร่งสร้างกำแพงรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา

เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม จากกรณีสื่อกัมพูชานำเสนอข่าวโดยระบุว่า นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภาออกมายอมรับกับสื่อว่าไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ทิ้งระเบิด MK-84 โจมตีกัมพูชาก่อนซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า เป็นการนำคำพูดของนางอังคณาฯ ที่กล่าวว่า “การใช้ F-16 ของไทยโจมตีกัมพูชาก็ทำให้กัมพูชาได้รับความสูญเสียไม่น้อย” มาบิดเบือนและสร้างเนื้อหาข่าวให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม


ฉะเขมรอ้างคำพูด‘อังคณา’ไปบิดเบือน

พลตรีวินธัยสุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวในเรื่องนี้ว่า การใช้อากาศยาน F-16 เข้าสนับสนุนปฏิบัติการครั้งนั้น เพื่อเป็นการทำลายขีดความสามารถในการโจมตีจากฝั่งทหารกัมพูชา ในลักษณะที่สามารถควบคุมและจำกัดวงความเสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการทำลายเฉพาะเป้าหมายทางทหารที่ส่งผลคุกคามต่อกำลังทหารฝ่ายเราและประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งถูกฝ่ายกัมพูชาโจมตีทำร้ายอย่างไร้มนุษยธรรม นับเป็นการละเมิดสิทธิในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ การปฏิบัติการดังกล่าวมีความเป็นเหตุเป็นผลและอยู่ในกรอบของหลักสากล การที่เขมรออกมาเผยแพร่ข่าวสารบิดเบือน โดยหยิบเนื้อหาบางส่วนไปขยายความในมุมที่ตนเองได้ประโยชน์ เพื่อหวังทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานานาชาติ ถือเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาตลอด จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ

ห่วงคนไทยได้ข้อมูลไม่ครบถูกใช้เป็นเครื่องมือ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลคือ การที่คนไทยด้วยกันออกมาสื่อสารในลักษณะที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน จากความไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์ หรือด้วยเจตนาส่วนบุคคล จนถูกฝ่ายกัมพูชาหยิบนำไปกล่าวอ้างเพื่อใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติการข่าวสาร เพราะในยุคปัจจุบัน การต่อสู้อาจมิได้จำกัดอยู่เพียงในมิติของสนามรบเท่านั้น หากยังมีมิติของการสื่อสาร ที่มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กันในการต่อสู้ยุคปัจจุบัน ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนสามารถใช้วิจารณญาณพิจารณาข้อมูลข่าวสารได้

โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวย้ำว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน “ความสามัคคีของคนไทยทุกภาคส่วน” เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่จะนำพาประเทศให้ผ่านพ้นความท้าทายต่าง ๆ ไปได้ ที่ผ่านมาเรามีบทเรียนชัดเจนแล้วว่า เมื่อใดที่คนไทยขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ย่อมเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีเข้ามาแทรกแซงและแสวงหาประโยชน์จากความแตกแยกที่เกิดขึ้น

แฉเขมรไม่หยุดจัดฉากปลุกม็อบป่วนไทย

พล.ต.วินธัยยัง เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในประเด็นสำคัญต่างๆดังนี้ 1. ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำดินแดน ในจ.สระแก้ว ยังไม่พบความพยายามช่วยแก้ปัญหาใด ๆ จากเขมร แม้จะได้เห็นชอบร่วมกันไว้แล้วเบื้องต้น ผ่านเวทีประชุมระดับทวิภาคี หลายครั้งที่ผ่านมา แต่กลับพบแต่เพียงความพยายามอย่างไม่ลดละ ที่จะใช้มวลชนจัดตั้งซึ่งมีทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ และพระสงฆ์ ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง มารวมตัวกัน ในลักษณะจัดฉากขึ้นมา เพื่อนำภาพที่ได้ไปใช้สื่อสารเพื่อให้มีผลในทางต่างประเทศล่าสุด พบมีการพาสื่อมวลชนลงไปสัมภาษณ์ชาวบ้านเขมรที่มารวมตัวกันในเต็นท์ อ้างว่าเป็นเหยื่อหรือผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมนำคณะผู้สังเกตการณ์ IOT ฝั่งกัมพูชามาลงพื้นที่รอบดึกโดยไม่ได้ประสานฝ่ายไทยล่วงหน้า เพื่อลงพื้นที่มาเก็บภาพบรรยากาศที่ฝ่ายกัมพูชาได้จัดฉากไว้ล่วงหน้า เป็นการสะท้อนถึงกัมพูชา พยายามบิดเบือนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ นับเป็นความไม่จริงใจแก้ปัญหาร่วมกัน

เปิดเสียงหลอนสะท้อนคนไทยฉุนเขมร

2. ประเด็นเรื่องการใช้เครื่องขยายเสียงในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้วอย่างที่ชี้แจงว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งฝ่ายกัมพูชาบุกรุกเข้ามาสร้างความขัดแย้งและยั่วยุฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่องทำให้ประชาชนไทยได้รับผลกระทบและเกิดความไม่พอใจจำนวนมาก หากเป็นกรณีฝ่ายรัฐมีการใช้เครื่องขยายเสียงปฏิบัติการแทนการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ของฝ่ายรัฐนั้น ยังคงมีใช้กันในหลายประเทศ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือเริ่มต้น ที่จะส่งผลให้เกิดอันตรายน้อยที่สุดก่อน โดยเฉพาะกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย

ส่วนในกรณีฝ่ายพลเรือนอย่าง กัน จอมพลัง ที่เปิดซาวด์เสียงต่าง ๆ และสารคดีประวัติศาสตร์ น่าจะเป็นการแสดงออกถึงความไม่พอใจของประชาชนไทย ที่มีต่อการรุกล้ำอธิปไตยของชาวกัมพูชาในบริเวณนั้น ซึ่งต่างจากท่าทีความไม่พอใจของผู้ชุมนุมฝ่ายกัมพูชา ที่มีลักษณะรุนแรงก้าวร้าวถือไม้ขนาดใหญ่เป็นสิ่งเทียมอาวุธ มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทยจนได้รับบาดเจ็บ

แม้ว่านายกัน จอมพลัง อาจต้องการให้มีผลกระทบต่อผู้กระทำผิดกฎหมายที่รุกล้ำดินแดนไทยอยู่ โดยมองว่า ตามรูปการแล้วยังไม่ใช่ในลักษณะของการบังคับให้ฟังเพื่อการทรมานเพราะผู้ที่ได้ยินเสียงอันไม่พึงประสงค์เหล่านั้น ยังสามารถปฏิเสธการได้ยินได้ฟังเหล่านั้นได้ ด้วยการพาเอาตัวเองออกไปจากจุดพื้นที่ ที่มีปรากฏเสียงเหล่านั้นได้ทุกเวลา อีกทั้ง นายกัน จอมพลังไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงไม่น่าจะเข้าข่ายการทรมานอย่างร้ายแรง ตามกฎหมายทรมานอย่างที่มีการพูดถึงกัน

“ดังนั้น ขอให้ประชาชนไทยหนักแน่น ไม่ตกเป็นเครื่องมือของการปลุกปั่นชี้นำข่าวสารที่เกินจริงจากฝ่ายกัมพูชา ที่มีเป้าหมายในการสร้างภาพว่าเป็น “ผู้ถูกกระทำ” เพื่อผลทางการเมืองและการสื่อสารระหว่างประเทศ พร้อมกันนี้ ขอให้คำนึงถึงคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมในหลายกรณี” โฆษก ทบ.กล่าว

เลื่อนถกRBCเพราะเขมรเตะถ่วงแก้ปัญหา

3. ประเด็นเรื่องการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 ของไทยกับกองกำลังภูมิภาคของกัมพูชาออกไปนั้น สาเหตุเกิดจากที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาไม่มีท่าทีและความจริงจังกับการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามที่ตกลงกันไว้ในการประชุม GBC โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำดินแดนไทยในจังหวัดสระแก้ว การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการเคลื่อนย้ายอาวุธหนักออกจากพื้นที่ขัดแย้ง รวมถึงยังพบการบิดเบือนข่าวสารและการยั่วยุต่อฝ่ายไทยในหลายกรณี สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายกัมพูชาไม่จริงใจในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างแท้จริง ทั้งนี้ กองทัพบกยืนยันในการร่วมขับเคลื่อนทุกมาตรการภายใต้กรอบความร่วมมือ GBC และขอเรียกร้องให้เขมรแสดงความจริงใจในการดำเนินการร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้ง 2 ประเทศ อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต

ทอ.ทิ้งบอมบ์ฐานเขมรเพื่อปกป้องปท.

ด้านพลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวในสื่อมวลชนและสื่อสังคมออนไลน์ว่า ในสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา ไทยเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีกัมพูชาก่อนโดยการใช้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 นั้น กองทัพอากาศขอชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

การปฏิบัติการทางอากาศด้วยเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 และ Gripenของไทย เป็นการตอบโต้การปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชา ที่ใช้จรวดหลายลำกล้องและปืนใหญ่ โจมตีเป้าหมายทางพลเรือนในไทย โดยเป้าหมายทางพลเรือนจุดแรกในไทยที่ถูกโจมตีจากจรวดหลายลำกล้อง BM-21 อยู่ในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.33 น. ส่งผลให้คนไทยเสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 2 คนหลังจากนั้น กัมพูชายังโจมตีเป้าหมายทางพลเรือนในไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเหตุการณ์การโจมตีร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ส่งผลให้คนไทยเสียชีวิต 7 คนและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

จากสถานการณ์ดังกล่าว นำไปสู่การตัดสินใจในการใช้กำลังทางอากาศ โจมตีเป้าหมายทางทหารในกัมพูชา เพื่อทำลายขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชาที่ส่งผลกระทบต่อเอกราชอธิปไตยของไทยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย โดยเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 ได้ทิ้งระเบิดลูกแรก ซึ่งเป็นระเบิดที่มีความแม่นยำสูง โจมตีเป้าหมายทางทหารของกัมพูชา เมื่อเวลา 10.38 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568

ยันตอบโต้ตามกฎบัตรUN-กม.ระหว่างปท.

ทั้งนี้ การใช้กำลังทางอากาศของไทยดำเนินไปอย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยอาศัยสิทธิในการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดหลักความได้สัดส่วน ความจำเป็น และการแยกแยะเป้าหมายทางทหารจากพลเรือนอย่างชัดเจน กองทัพอากาศขอให้ความเชื่อมั่นกับคนไทยว่า กองทัพอากาศจะดำรงสภาพความพร้อมรบอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยของชาติ คุ้มครองดูแลชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย รวมทั้งสร้างเงื่อนไขเชิงยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการเจรจานำไปสู่สันติภาพ

มทภ.1น้อมรับรับสั่งฯสร้างรั้ว-บังเกอร์

จากกรณีสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนวรขัตติยราชนารี ทรงติดตามความคืบหน้าการสนับสนุนการดำเนินงาน “กองทุนหทัยทิพย์“ และทรงมีรับสั่งให้กองทัพบกเร่งสร้างกำแพง รั้วชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด กองทัพภาคที่1(ทภ.1) โดย พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ มทภ.1 ลงพื้นที่จ.สระแก้ว ร่วมกับกองกำลังบูรพา ฝ่ายปกครอง และทุกภาคส่วน ดำเนินการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมและปลอดภัย ก่อสร้างหลุมหลบภัยของประชาชน บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ตรวจพื้นที่ ก่อสร้างหลุมบุคคล เพื่อแสดงความสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ทรงมีต่อทหารและประชาชน ชายแดนเป็นหลัก.

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top