ผิดฟอร์ม! เทียบ‘นายกฯอนุทิน’กับสมัยนั่ง‘มท.1-รมว.สาธารณสุข’
17 ตุลาคม 2568 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “อนุทิน เป็นได้แค่รัฐมนตรี” ระบุว่า...
อนุทิน เป็นได้แค่รัฐมนตรี
ผมเห็นการตอบคำถามผู้สื่อข่าว ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเปรียบเทียบกับสมัยตอนที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ทำให้รู้สึกว่า ผิดฟอร์ม และเปลี่ยนแปลงไปมาก
ล่าสุดเมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ นายอนุทินกล่าวว่า “เรื่องนี้มีการพูดคุยในภาพรวมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรายละเอียดขออย่าถาม เราพูดคุยแต่กรอบนโยบาย ถามรายละเอียดแบบนี้ไม่ได้ เพราะนายกฯไม่ได้รู้ทุกเรื่อง”
เมื่อนายอนุทินได้ตอบคำถามแบบนี้แล้ว นายอนุทินก็เดินหนีผู้สื่อข่าวไป โดยปกตินายอนุทินไม่เคยเดินหนีผู้สื่อข่าว จะปักหลักตอบคำถามผู้สื่อข่าวตลอด ไม่ใช่รัฐมนตรีตายไมค์ หรือหนีไมค์ แต่เมื่อมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถูกผู้สื่อข่าวถามในคำถามที่ยากๆ นายอนุทินกลับไม่ตอบ และเฉไฉว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้รู้ทุกเรื่อง ซึ่งจริงอยู่ในรายละเอียดทั้งหมดนายกรัฐมนตรีจะไม่รู้ทุกเรื่อง แต่ในภาพรวมของทุกเรื่อง นายกรัฐมนตรีควรจะรับรู้ เพราะนายกรัฐมนตรีคือผู้บริหารสูงสุดของประเทศ ถ้ารับรู้เพียงเฉพาะเรื่อง มีความชำนาญในเฉพาะด้าน ก็ควรไปเป็นรัฐมนตรีประจำกระทรวงนั้นๆ
การที่นายอนุทินขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเชื่อว่าประชาชนคาดหวังว่า นายอนุทินจะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่มีวุฒิภาวะมีปฏิภาณไหวพริบ ตอบคำถามสื่อมวลชนได้ดีกว่านายกรัฐมนตรีคนก่อน คือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งยังไร้เดียงสาทางการเมือง ส่วนนายอนุทินมีความได้เปรียบ คือมีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ภาวะผู้นำหรือปฏิภาณไหวพริบ ยังไม่ถึงขั้นที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือผู้นำของประเทศได้
การที่นายอนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรี สร้างความคาดหวังให้กับประชาชนคนไทย แต่เมื่อได้เป็นมาแล้วระยะหนึ่ง ก็เห็นได้ว่า นายอนุทินยังไม่เคยแสดงวิสัยทัศน์ หรือฟันธงได้เลยว่า จะนำพาประเทศไปได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ที่ประชาชนคาดหวังว่า นายอนุทินจะแก้ปัญหานี้ได้กว่าได้ดีกว่าสมัยนายทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังลูกสาว คือนางสาวแพทองธาร เพราะเชื่อว่านายอนุทินไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือเป็นคู่ขัดแย้งกับสมเด็จฮุนเซน แต่ผลที่ตามมา คือนายอนุทินยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเลย ทุกอย่างปล่อยไปตามกระบวนการของกองทัพ ข้าราชการประจำที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้มีธงนำหรือการชี้เป้าจากนายอนุทินแม้แต่น้อย
ล่าสุดเรื่องการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ในขณะที่อเมริกา อังกฤษ เกาหลีใต้ เอาจริงเอาจังกับการจัดการแก๊งสแกมเมอร์ที่อยู่ในประเทศกัมพูชา ตอนนี้เกิดกระแสโลกล้อมกัมพูชา แต่ประเทศไทยซึ่งอยู่ติดกับกัมพูชา ยังไม่ขยับยังไม่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งบทบาทของประเทศไทยควรจะเป็นผู้นำในการเข้าไปปราบปรามเรื่องแก๊งสแกมเมอร์ น่าจะใช้วิธีการเชิญทูตจากประเทศที่ได้รับผลกระทบกับแก๊งสแกมเมอร์มาพูดคุย
ประเทศไทย รัฐบาลไทยเป็นเจ้าภาพในการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา เพราะเป็นประเทศที่ชายแดนติดกัน น่าจะใช้โอกาสนี้เป็นหัวหอก หัวขบวนในการแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ให้เบ็ดเสร็จ เพื่อให้ชาวโลกได้รู้ว่า ประเทศไทยคือผู้นำในการแก้ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ให้กับชาวโลก
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี