'ฟูอาดี้' ให้กำลังใจ 'สว.อังคณา' ชี้เสียงคืออาวุธละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการโจมตีไม่เลือกเป้าหมาย

'ฟูอาดี้' ให้กำลังใจ 'สว.อังคณา' ชี้เสียงคืออาวุธละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการโจมตีไม่เลือกเป้าหมาย

วันศุกร์ ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 15.13 น.

วันที่ 17 ตุลาคม 2568 นายฟูอาดี้ พิศสุวรรณ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ ทีมประสานต่างประเทศ อดีตพรรคก้าวไกล  โพสต์ข้อความระบุว่า เป็นกำลังใจให้คุณอังคณาครับ

พอดีเพิ่งสอนและอภิปรายกับนักศึกษาในคลาสเรื่องสงครามแห่งอนาคตและศีลธรรมไปเลย ประเด็นการใช้ “เสียง” เป็นอาวุธ (ในลักษณะที่เกิดขึ้นจริง) ถือเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน เพราะเป็นการโจมตีแบบ indiscriminate  คือไม่เลือกเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้ได้รับผลกระทบอาจเป็นพลเรือน และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นอาจรวมถึงเด็ก คนชรา หรือผู้ป่วย ซึ่งตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการคุ้มครองและยกเว้นจากการโจมตี การกระทำใด ๆ ในสงครามจึงจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและอยู่ภายใต้หลัก distinction และ proportionality อย่างเคร่งครัด


ในเชิงวิชาการ มีแนวคิดหนึ่งที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงของลักษณะสงครามสมัยใหม่ว่าเป็นการ “shift” จากสิ่งที่อาจเรียกว่า territorial realism ไปสู่ networked globalism กล่าวคือ เป้าหมายของสงครามในยุคปัจจุบันไม่ใช่เพียงการยึดครองพื้นที่ทางกายภาพอีกต่อไป แต่คือการควบคุมและช่วงชิงเครือข่ายของข้อมูล ความคิด และความชอบธรรม ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นระบบระดับโลก ชัยชนะในสงครามยุคใหม่จึงถูกตัดสินจากความสามารถในการสร้างเครือข่ายและการได้รับการยอมรับในความชอบธรรมมากกว่าฝ่ายตรงข้าม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีของอิสราเอล ซึ่งแม้จะมีอำนาจและศักยภาพทางการทหารในการยึดครองพื้นที่ แต่กลับพ่ายแพ้ในมิติของ “การควบคุมเครือข่าย” และ “การสร้างความชอบธรรม” บนเวทีระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากผลการลงมติของสหประชาชาติที่ประณามการกระทำของอิสราเอลในหลายวาระ

ดังนั้น ไม่เพียงแต่การปล่อยให้ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actor) ดำเนินการตามอำเภอใจจะขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลเท่านั้น แต่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสงครามสมัยใหม่ การกระทำเช่นนั้นอาจย้อนกลับมาส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเองด้วย โดยเฉพาะเมื่อสื่อสากลนำเสนอและผลิตซ้ำภาพลักษณ์เชิงลบจากการกระทำของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐฝั่งไทย ซึ่งย่อมส่งผลต่อ “การสร้างเรื่องเล่า” (narrative construction) ในเชิงลบต่อประเทศไทย ปัญหานี้สะท้อนข้อจำกัดของประเทศไทยในการดำเนินยุทธศาสตร์ภายใต้บริบทของสงครามยุคใหม่ ที่การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่อำนาจการทหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ “เครือข่าย” และ “ความชอบธรรม” (networks and legitimacy)

สิ่งเดียวที่พอจะปลอบใจได้ คือ กัมพูชาเองก็ยังไม่สามารถ “ควบคุมเครือข่าย” หรือ “สร้างความชอบธรรม” บนเวทีระหว่างประเทศได้ดีนัก เนื่องจากกำลังเผชิญกับวิกฤตความน่าเชื่อถือจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศของตนเอง...

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top