'หนูหยอดคำหวานใส่'มาร์ค'  พร้อมจับมือ!  อ้างเคยเป็นผู้บังคับบัญชา

'หนูหยอดคำหวานใส่'มาร์ค' พร้อมจับมือ! อ้างเคยเป็นผู้บังคับบัญชา

วันจันทร์ ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

'หนูหยอดคำหวานใส่'มาร์ค'

พร้อมจับมือ!

อ้างเคยเป็นผู้บังคับบัญชา

พท.ดัน‘ชูศักดิ์’นั่ง‘ปธ.กมธ.’

ภท.ดักคอห้ามแตะหมวด1-2

“มาร์ค” นำทีมผู้บริหารปชป.ชุดใหม่เข้าสักการะ “พระแม่ธรณีฯ” จันทร์นี้พร้อมประชุมกก.บห.ทันที ด้านภูมิใจไทย ไม่ติดใจ“ปธ.กมธ.แก้รธน.” มาจากพรรคอื่น ขอยึดรักษาบรรยากาศทำงาน ย้ำจุดยืนไม่แตะหมวด 1-2 ลากไปสู่ขัดแย้ง ทำแก้กติกาประเทศเหลว

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์.ว่า ในวันที่ 20 ต.ค.เวลา 09.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคคนใหม่ พร้อมด้วยกก.บห.ชุดใหม่ เข้าสักการะพระแม่ธรณีบีบมวยผม ณ ที่ทำการพรรคฯ ซึ่งถือเป็นการเข้าพรรคฯครั้งแรกของนายอภิสิทธิ์ หลังจากได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และในเบื้องต้นจะมีการประชุมร่วมกันของกก.บห.


ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า ซึ่งภารกิจครั้งนี้ของพรรคฯคือการฟื้นฟูศรัทธา ตนเชื่อเสมอว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ สำคัญของประเทศไทยได้ ระบบพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของ เป็นสถาบันทางการเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ชัดที่สุดที่ผ่านการทดสอบทางประชาธิปไตยมายาวนาน

ที่สุด ดังนั้นถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันในระบบพรรคการเมืองได้ก็จะทำให้ประเทศพัฒนาได้ ดังนั้นภารกิจในการฟื้นฟูศรัทธาต่อพรรค คือ3 เสาหลักที่เราได้ทำมาโดยตลอดคือ 1.เชื่อในระบบประชาธิปไตยเสรีนิยมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 2.ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง และ3.การรักษาสัจจะวาจาของนักการเมือง ดังคำที่อยู่ในโลโก้พรรคประชาธิปัตย์

เดินหน้าฟื้นฟูพรรคทันที

ร.ต.อ.พงศกร กล่าวด้วยว่า ครั้งนี้เราค่อนข้างมั่นใจในคณะทำงานใหม่ โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดตัว ซึ่งก็ได้เห็นกันไปแล้ว 3 คนคือนายกรณ์ จาติกวณิช นางการดี เลี่ยวไพโรจน์ และนายวีรพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรคฯ รวมถึงรองหัวหน้าพรรคฯคนอื่นๆก็มีความสามารถเป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ดังนั้นวันนี้เราคงไม่ได้ยึดแค่ความซื่อสัตย์ เรายึดมั่นอุดมการณ์ในการรักษาสัจจะของนักการเมืองซึ่งเป็นสิ่งพื้นฐาน แต่เราต้องมีนโยบายต่างๆในการที่จะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องสื่อสารในเรื่องเหล่านี้ให้กับประชาชนเข้าใจได้ด้วย

เมื่อถามว่า ในการทำหน้าที่โฆษกพรรคจะต้องมีการปรับปรุงอะไรหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาโฆษกพรรคการเมืองต้องทันคนอื่นในการตอบโต้ ร.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์จากการเป็นโฆษกกทม.อยู่แล้ว ซึ่งตนไม่ค่อยจะตอบโต้ แต่จะสื่อสารด้วยข้อเท็จจริงอย่างเดียว ไม่ใช่การเยาะเย้ย หรือเอาชนะ เพราะสุดท้ายแล้วกาลเวลาก็จะพิสูจน์ความจริงเสมอ

“ดังนั้นการสื่อสารของผมก็คงเป็นการบอกให้เขารู้ข้อเท็จจริง ในบางครั้งเขาอาจจะตอบโต้ในสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งไม่ใช่การเมืองที่ผมอยากเห็น ผมจึงจะตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงและพยามอธิบายจนกว่าเขาจะเปิดใจคงไม่ได้มีความจิกกัดเก่งขนาดนั้น แต่จะพยายามใช้ข้อเท็จจริงดีกว่า” ร.ต.อ.พงศกร กล่าว

‘หนู’พร้อมทำงานร่วมกับ’มาร์ค’

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงโอกาสการทำงานร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดย นายอนุทิน

กล่าวว่า ต้องแสดงความยินดี เพราะ นายอภิสิทธิ์ ไม่ใช่แค่ผู้บังคับบัญชาตน แต่เคยเป็นผู้บังคับบัญชาของพ่อตนด้วย ในสมัยที่ นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ พ่อของตนเป็น รมว.มหาดไทย ก็ต้องให้ความเคารพนับถือ และความสัมพันธ์ที่มีกันมา ตนก็เคารพอยู่เสมอ หากเป็น นายอภิสิทธิ์ ก็มีโอกาสที่จะร่วมงานกัน แต่ยังไม่มีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้ เพราะนายอภิสิทธิ์ พึ่งรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค จึงได้แสดงความยินดีและดีใจ ที่ได้อดีตนายกรัฐมนตรีกลับเข้ามาในระบบการเมืองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถามว่า นายอภิสิทธิ์ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคปชป.กังวลหรือไม่ที่จะมาแย่งฐานเสียงภาคใต้ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ขอให้มีการแข่งขันทำประโยชน์ ทำนโยบายดีๆ ให้กับประชาชน ซึ่งตนชอบการแข่งขันอยู่แล้ว อยากให้มีการแข่งขันแบบนี้ ประชาชนจะได้มีทางเลือกเยอะๆ

‘นิพิฏฐ์’ไม่รับตำแหน่งในปชป.

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตสส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า...ขึ้นมา กทม.เพื่อเลือกท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ทำตามที่ตั้งใจไว้แล้ว

มีผู้สอบถามมาเยอะ ทั้งในและต่างประเทศ ว่า ผมไม่มีตำแหน่งใดๆ ในการบริหารพรรคหรือ ก็ตอบไปเยอะ และขอตอบเสียตรงนี้เลยว่า ผมตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่า ไม่ประสงค์รับตำแหน่งในกรรมการบริหารพรรค เพราะเคยเป็นมาหมดแล้ว เพียงต้องการมาใช้หนี้บุญคุณพรรคเท่านั้น

จากนี้ ก็รอให้ผู้บริหารพรรคสั่งการว่าจะให้ทำอะไร หากทำได้ตรงตามจริตก็จะทำ เหมือนนักรบล่ะครับ รบมาตลอดชีวิต จะให้เข้าครัวไปทำกับข้าว คงได้กินข้าวดิบกันทั้งกองทัพ หากเป็นพระก็เปรียบได้ว่า ผมเคยบวชในอาวาสนี้มาแล้ว 30 พรรษา แล้วก็มีเหตุให้ต้องสึกหาลาเพศ ออกจากอาวาสนี้ ไปเสีย 1 ปี เมื่อกลับมาบวชใหม่ในอาวาสนี้ ก็เหมือนพระบวชใหม่ แต่ 30ปี ที่ครองสมณเพศมิได้ต้องอาบัติใดๆ เมื่อมาบวชใหม่ก็ยังลงอุโบสถ สวดพระปาฏิโมกข์ทั้ง 227 ข้อให้พระที่บวช 2-3พรรษา ฟังได้โดยไม่ผิดเพี้ยน

การเมืองเป็นสงครามอย่างหนึ่ง แต่เป็นสงครามที่ไม่เสียเลือดเนื้อ ส่วนสงครามเป็นการเมืองที่ต้องเสียเลือดเนื้อ พรรคการเมือง ก็เหมือนกองทัพ รอให้เขาจัดระเบียบในกองทัพให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วก็รอคำสั่ง ว่า กองทัพจะส่งไปรบที่หน่วยไหน อยู่กองพันรถถัง, หน่วยพลาธิการ หรือ หน่วยเสนารักษ์ ก็รอคำสั่งรบ

เปิดทางพท.ชิงเก้าอี้ปธ.กมธ.

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ….. (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา156 มาตรา256 และเพิ่มเติมหมวด15/1) รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดประชุมกมธ.นัดแรก เพื่อเลือกบุคคลในตำแหน่งต่างๆ และวางกรอบเวลาทำงาน นัดแรก วันที่ 20 ตุลาคม ว่า พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้หารือว่าจะส่งใครดำรงตำแหน่งประธาน กมธ. ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่ติดใจที่ กมธ.จากพรรคการเมืองอื่นจะได้รับตำแหน่งประธานกมธ. เพราะมองว่ามี กมธ.หลายคนที่มีความเหมาะสม ทั้ง นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หรือนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทยเพราะมีความรู้ความเข้าใจในข้อกฎหมาย นอกจากนั้นแล้วในกรณีที่การพิจารณาเนื้อหาซึ่งใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่พรรคประชาชนเสนอเป็นหลักในการพิจารณา ตนเห็นว่าหากได้กมธ.จากพรรคประชาชน ทำหน้าที่อาจเข้าใจในเนื้อหาสาระได้ครอบคลุม

ห้ามแตะหมวด 1- หมวด2

‘หากร่างที่กมธ.พิจารณาเนื้อหาหลักเป็นฉบับที่พรรคภูมิใจไทยเสนอ แน่นอนว่าเราต้องเสนอชื่อคนให้เป็นประธานกมธ. เพราะพรรคก็มี รัฐมนตรี ภราดร ปริศนานันทกุล แต่ขณะนี้ไม่ใช่ร่างของพรรคภูมิใจไทย จึงไม่ติดใจหากประธานกมธ.จะเป็นสส.พรรคอื่น และสิ่งสำคัญจากนี้คือการรักษาบรรยากาศการทำงานร่วมกันในกมธ.ดีกว่า” นายกรวีร์ กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีของการไม่แตะหมวด1 และหมวด2 ที่สังคมยังกังวล กมธ.จะพิจารณาอย่างไร นายกรวีร์ กล่าวว่า ต้องคุยในชั้นกมธ. ซึ่งร่างของพรรคภูมิใจไทยมีเขียนล็อกไว้ในเนื้อหาว่าไม่แก้ไข ดังนั้นต้องใช้เวทีกมธ.พูดคุย ซึ่งเท่าที่ดูท่าทีของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ขัดแย้งในประเด็นดังกล่าว

“พรรคภูมิใจไทยมีจุดยืนชัดเจนว่าไม่แก้หมวด1 หมวด2 เพราะไม่อยากให้เห็นเงื่อนไขขัดแย้ง ที่อาจมีคนเห็นต่างอย่างรุนแรง ดังนั้นหากอยากเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จริง สิ่งที่เป็นเงื่อนไขขัดแย้ง หรือนำไปสู่ความล้มเหลวของการแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่อยากให้มี” นายกรวีร์ กล่าว

พท.ดัน”ชูศักดิ์”นั่งปธ.กมธ.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฐานะ กมธ. พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทย เตรียมเสนอชื่อนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้ดำรงตำแหน่งประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะได้ทำงานมาต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีการแต่งตั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับที่ประชุม กมธ. ในวันที่ 20 ต.ค. นี้ว่า จะเลือก กมธ.ดำรงตำแหน่งใดบ้าง

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.ยังมีประเด็นต้องพิจารณาถึงกรอบเวลาการทำงาน เพราะมีเวลาทำงานจำกัด ประมาณ 1 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้ ยอมรับว่า เนื้อหาที่ต้องพิจารณานั้นมีประเด็นที่สำคัญซึ่งยังเห็นต่างในรายละเอียด เช่น กลไกของการยกร่างรัฐธรรมนูญว่าจะใช้ สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ  เพราะร่างหลักคือฉบับของพรรคประชาชน กำหนดให้มี กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งแยกส่วนจาก ส.ส.ร. นอกจากนั้นคือขั้นตอนหลังจากที่ยกร่างแล้วเสร็จ ว่า ต้องนำร่างรัฐธรรมนูญส่งให้ ส.ส.ร. หรือรัฐสภาพิจารณาเห็นชอบหรือไม่  เป็นต้น

เมื่อถามว่ากรอบเวลาทำงานที่จำกัดกับประเด็นที่ยังเห็นต่างกันมาก จะมีวิธีใดเพื่อหาข้อยุติให้ได้โดยเร็ว โดยขณะนี้มีการพูดถึงเรื่องการโหวตตัดสิน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า แน่นอนว่าการทำงานต้องยึดตามเสียงข้างมากของที่ประชุม แต่ในรายละเอียดที่เห็นต่าง หากต้องการทำงานให้รวดเร็ว อาจต้องใช้การหารือนอกรอบ เพื่อประหยัดเวลาของการทำงาน ส่วนกรอบเวลาทำงาน ส่วนตัวมองว่า ภายใต้เวลาที่มีจำกัด อาจต้องใช้เวลาประชุมให้มากในแต่ละสัปดาห์ เช่น 3 วันต่อสัปดาห์ และประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเย็น เพื่อให้งานของ กมธ.เสร็จได้ทัน แต่จะมีข้อสรุปอย่างไรต้องรอหารือใน กมธ.อีกครั้ง

พท.เสียดายสมพงษ์ลาออก

นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ว่า รู้สึกเสียดายต่อการตัดสินใจของนายสมพงษ์ ซึ่งเป็นบุคลากรทางการเมืองที่พรรคให้ความเคารพมาโดยตลอด และมีคุณูปการสำคัญต่อพรรคเพื่อไทยในหลายช่วงเวลา“ผมเชื่อว่าท่านสมพงษ์ยังคงมีความผูกพันกับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิง เพราะท่านเป็นหนึ่งในผู้วางรากฐานความเป็นครอบครัวของพรรค สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าพรรคจำเป็นต้องรับฟังเสียงของทุกฝ่ายให้มากขึ้น และหาพื้นที่กลางสำหรับพูดคุยกันอย่างจริงใจ” นายดนุพรกล่าว

นายดนุพรกล่าวต่อว่า พรรคเพื่อไทยรับทราบถึงความเห็นต่างภายในพรรค และมองว่าเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีคนหลากหลายความคิด แต่สิ่งสำคัญคือการบริหารจัดการความเห็นเหล่านั้นให้อยู่บนพื้นฐานของการเคารพ และการมีเป้าหมายร่วมกัน เชื่อว่าไม่มีพรรคไหนที่ไม่มีปัญหา สิ่งที่พรรคจะทำคือ ไม่ปิดกั้นเสียงสะท้อนจากสมาชิก เราพร้อมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ เพราะเราเชื่อว่าทุกคนล้วนต้องการให้พรรคแข็งแรงและก้าวไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกัน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top