ยกระดับสกัด‘สแกมเมอร์-แก๊งคอลฯ’
‘อนุทิน’ถกกอ.รมน.
สั่งทุกฝ่ายเดินหน้าปฏิบัติการเต็มสูบ
‘ศรีสุวรรณ’บี้ปปช.สอบ
นักการเมืองโยงแก๊งคอลฯ
นายกฯหนูนั่งหัวโต๊ะประชุมกอ.รมน. สั่งยกระดับกลไกสกัด “สแกมเมอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ขณะที่ “ศรีสุวรรณ” ยังคาใจบุกป.ป.ช.บี้สอบ นักการเมืองไทย พัน“แก๊งสแกมเมอร์”ด้านรัฐบาลเมียนมา จัดหนักทลายแหล่งสแกมเมอร์ขนาดใหญ่ใกล้ชายแดนไทย จับ 15 หัวโจ๊กชาวจีนพร้อมลูกสมุนเพียบ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 ตุลาคม 2568 ที่ห้องประชุม ชั้น 3 อาคารรื่นฤดี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.รมน.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2569 โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ยกระดับเชือดสแกมเมอร์
ภายหลังประชุม นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำการให้ความสำคัญและยกระดับกลไกการป้องกันสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ให้ทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1/2569 มีมติเห็นชอบแผนในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 4 แผน ดังนี้ 1.แผนปฏิบัติการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ พุทธศักราช 2568-2570 2.แผนปฏิบัติการความมั่นคงรองรับพื้นที่บังคับใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรพุทธศักราช 2551 3.โครงสร้างการจัด กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณพุทธศักราช 2569 4.อัตราเฉพาะกิจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 4 ส่วนหน้า ประจำปีงบประมาณพุทธศักราช 2569
เดินหน้าแก้ปัญหาภาคใต้
พลตรี ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. แถลงว่า นายกฯได้ให้ความสำคัญในการ มุ่งขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน
เรื่องแรก คือ การอนุมัติ แผนปฏิบัติการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2568–2570 ซึ่งเป็นแผนบูรณาการร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งด้านความมั่นคง การพัฒนา และการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนในพื้นที่
เรื่องที่สอง เป็นการอนุมัติ แผนปฏิบัติการความมั่นคง รองรับพื้นที่ที่ใช้ พระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2548 ซึ่งขณะนี้ครอบคลุม 20 อำเภอใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มดีขึ้น
เรื่องที่สาม เป็นการปรับ โครงสร้าง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จากเดิม 6 ส่วนงาน เหลือ 4 ส่วน ได้แก่ 1.ส่วนอำนวยการ 2.ส่วนปฏิบัติการด้านการข่าว 3 ส่วนปฏิบัติการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และ 4.ส่วนเสริมสร้างความเข้าใจและการพัฒนา เพื่อให้การทำงานเกิดเอกภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับเรื่องสุดท้าย เป็นการพิจารณาอัตรากำลังและงบประมาณประจำปี 2569 โดยมีหน่วยงานในพื้นที่รวม 106 หน่วย และกำลังพลกว่า 49,000 นาย
เฝ้าระวังก่อการร้าย/สแกมเมอร์
ทั้งนี้ พลตรี ธรรมนูญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมมีข้อสั่งการสำคัญ 3 ประการ ประกอบด้วย 1.การเฝ้าระวังและประเมินภัยคุกคามทุกรูปแบบ โดยเฉพาะภัยใหม่อย่างยาเสพติด การก่อการร้าย และกลุ่มสแกมเมอร์ 2.การสร้างภูมิคุ้มกันทางความคิด ให้ประชาชนเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้อง และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 3.การอำนวยการปฏิบัติงานให้เกิดเอกภาพ ลดความซ้ำซ้อน ใช้ศักยภาพทุกหน่วยอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งพิจารณาแนวทางบรรจุกำลังตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมปฏิบัติงานใน กอ.รมน. เพื่อเสริมความพร้อมในทุกระดับ
โฆษก กอ.รมน. ย้ำในตอนท้ายว่า หน่วยงานจะขับเคลื่อนภารกิจตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง เพื่อรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรให้มั่นคงและยั่งยืนต่อไป
เมื่อถามว่า จะมีการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ยกเลิกไปแล้วหรือไม่ พลตรี ธรรมนูญ กล่าวว่า มีบางอําเภอที่จะขอกลับมาใช้พรก.ฉุกเฉิน ส่วนจะเป็นอ.สุไหง-โกลก จ.นราธิวาส หรือไม่นั้น ขอกลับไปหาข้อมูลก่อน
‘ศรีสุวรรณ’บี้สอบนักการเมืองฉาว
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผ็นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมียื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบเหตุอันควรสงสัยว่ามีหน่วยงานราชการและนักการเมืองไทยเอื้อประโยชน์ให้เครือข่ายธุรกิจสแกมเมอร์ข้ามชาติอันอาจนําไปสู่การทุจริตหรือส่อว่าอาจมีการทุจริตหรือไม่
นายศรีสุวรรณ ระบุการที่สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ได้ริบทรัพย์สินเป็นบิตคอยน์มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.88 แสนล้านบาท) ซึ่งเชื่อว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกงและการฟอกเงินของนายเฉิน จื้อ ซึ่งเบื้องหน้าทำธุรกิจกลุ่มบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ในกัมพูชาในนาม “Prince Group” ซึ่งอินฟลูเอ็นเซอร์และสื่อมวลชนได้ระบุว่าอาจเชื่อมโนงการฟอกเงินผ่านบริษัทด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน ในไทยหลายบริษัทด้วย อันถือเป็นเครือข่ายของอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วย แต่ทว่าหน่วยงานทางไซเบอร์และกฎหมายของไทยหลายหน่วยงานกลับปฏิเสธว่าไม่พบข้อมูลดังกล่าว ดังนั้นจึงขอให้ปปช.ตรวจสอบให้ชัด
เมียนมาบุกทลายสแกรมเมอร์
วันเดียวกัน https://www.thaipbs.or.th อ้างอิงสำนักข่าว AFP รายงานอ้างสื่อรัฐบาลทหารเมียนมา ว่า ทหารเมียนมาเปิดปฏิบัติการทลายฐานการหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่ใน KK Park ใกล้ชายแดนที่ติดกับไทย โดยตรวจยึดอุปกรณ์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) ได้ 30 เครื่อง ซึ่งสตาร์ลิงก์ถือเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตดาวเทียม SpaceX ของอีลอน มัสก์
ข่าวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสำนักข่าว AFP เคยเปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายจากโดรน แสดงให้เห็นพื้นที่ KK Park มีการก่อสร้างอาคารเพิ่มขึ้นหลายจุด รวมถึงพบว่าติดตั้งเครื่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์บนหลังคาอาคารเหล่านี้จำนวนมาก บางหลังมีมากถึง 80 เครื่อง
คณะกรรมการเศรษฐกิจร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ กล่าวกับ AFP ว่าได้เริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของสตาร์ลิงก์กับศูนย์ดังกล่าว แม้จะสามารถเรียกมัสก์มาฟังการพิจารณาคดีได้ แต่ก็ไม่สามารถบังคับให้มัสก์ให้การเป็นพยานได้
รวบหัวโจก15ชาวจีน
ขณะที่สื่อรัฐบาล The Global New Light of Myanmar รายงานว่า เจ้าหน้าที่เมียนมาจับกุมชาวจีน 15 คนในเมืองเมียวดี ซึ่งเดินทางเข้าเมียนมาอย่างผิดกฎหมายผ่านเส้นทางชายแดน โดยระบุว่าพวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ การฉ้อโกงออนไลน์และกิจกรรมทางอาญาอื่นๆ ในพื้นที่เมียวดี-ชเวกกโก โดยเฉพาะบริเวณ KK Park และเขต Kyaukkhat
U Myint Bhone รองอธิบดีกรมตรวจคนเข้าเมืองและประชากร รัฐกะเหรี่ยง เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. - 19 ต.ค.2568 มีชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเมียนมาอย่างผิดกฎหมายถูกจับกุมรวม 9,551 คน ในจำนวนนี้ 9,337 คนถูกเนรเทศกลับประเทศ ผ่านประเทศไทย ภายใต้กระบวนการทางกฎหมาย และเตรียมส่งตัวกลับประเทศอีก 214 คน
ขณะที่นักวิเคราะห์ระบุว่า ฐานการหลอกลวงออนไลน์ในพื้นที่ชายแดนมักดำเนินการโดยกลุ่มอาชญากรชาวจีน ภายใต้การควบคุมดูแลของกองกำลังติดอาวุธเมียนมา ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลทหารเมียนมา เพื่อแลกกับการรับประกันความปลอดภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี