ผลประชุม JBC เร่งสำรวจเขตแดนบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ส่วนการสร้างรั้วชายแดน กัมพูชาบ่ายเบี่ยงไม่หารือ
23 ตุลาคม การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 21 – 22 ตุลาคม 2568 ที่จ.จันทบุรี จบลงอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 00.15 น.
เวลา 00.50 น. นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา พร้อมด้วยนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย แถลงผลการประชุม
นายประศาสน์ กล่าวว่า การประชุม 2 วันมีการหารือกรณีบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน ใช้ระยะเวลาในการหารือนานที่สุด แต่ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ จนกว่าจะเสนอรัฐบาล
"เบื้องต้นเห็นตรงกันว่า หลังจากนี้จะเข้าไปสำรวจบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อวางตำแหน่งทั้งของไทยและกัมพูชา ที่มีการอ้างสิทธิ เมื่อได้แนวพื้นที่ขั้นต้นมาแล้ว รัฐบาลจะแต่งตั้งผู้รับผิดชอบมาดูแล คาดว่าใช้ระยะเวลา 6 สัปดาห์เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย อีกทั้งบางจุดยังเป็นพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิด" นายประศาสน์ กล่าว
อย่างไรก็ตามการรุกล้ำพื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ยังไม่ได้มีการหารือในครั้งนี้
ส่วนเรื่องการสร้างรั้วก้นเขตแดน นายประศาสน์ กล่าวว่าที่ประชุมเสนอให้มีการพิจารณาการสร้างรั้ว เพื่อป้องกันการลักลอบข้ามแดน ยาเสพติด แต่ผู้แทนฝ่ายกัมพูชา ระบุว่าไม่มีอำนาจในการหารือกรณีนี้ จึงได้นำประเด็นออกจากการหารือ แต่ไทยก็ได้อธิบายถึงความจำเป็น เพื่อให้ผู้แทนกัมพูชานำสารไปส่งต่อให้กับผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายเบญจมินทร์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เน้นเฉพาะเรื่องหลักเขตแดนกับภารกิจและอำนาจของเจบีซีและคณะกรรมาธิการจะต้องนำผลการเจรจาไปเสนอยังรัฐบาล ดังนั้นรายละเอียดรวมถึงเรื่องที่อาจจะไม่ได้อยู่ในกรอบเจบีซี กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงในโอกาสถัดไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด จากประเด็นที่มีความละเอียดอ่อนในการเจรจารวมทั้งรักษาพลวัตที่ดีของการประชุมอันจะนำไปสู่การลดทอนความตึงเครียดของสถานการณ์และการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับข้อตกลงร่วมกันในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) สมัยวิสามัญ วันที่ 21 - 22 ตุลาคม2568 มีรายละเอียดดังนี้
- ทั้งสองฝ่ายได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วม (Joint Technical Sub-Commission: JTSC) ดำเนินการสร้างหลักเขตแดนใหม่เพื่อทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่ชำรุดหรือสูญหาย จำนวน 15 หลัก ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความเห็นตรงกันแล้ว ให้กลับคืนสู่ที่ตั้งและตำแหน่งเดิม
- ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดทำหลักเขตแดนเพื่อเปลี่ยนหรือทดแทนหลักเขตแดนเดิมที่จมน้ำ จำนวน 3 หลัก โดยจะกำหนดตำแหน่งที่ตั้งใหม่ร่วมกันในภายหลัง
- ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการแก้ไข Terms of Reference 2003 (TOR 2003) เกี่ยวกับการจัดทำแผนที่ภาพถ่าย (Orthophoto Maps) เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Light Detection and Ranging (LiDAR) มาใช้ในการทำแผนที่ภาพถ่าย เพื่อให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
- การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน ระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47 บริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว
ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับคำแนะนำทางเทคนิค (Technical Instruction: TI) สำหรับการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ภูมิประเทศที่มีความเร่งด่วนในบริเวณหลักเขตแดนที่ 42 ถึง 47
เมื่อดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป
การวางหมุดชั่วคราวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจเท่านั้นและจะไม่กระทบต่อสิทธิของไทยและกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทางบกตามกฎหมายระหว่างประเทศ
ทั้งสองฝ่ายตกลงจะกำชับให้หน่วยงานท้องถิ่น ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน รับประกันความปลอดภัยให้กับชุดสำรวจจากทุ่นระเบิด ตามข้อ 3 ของ MOU 2543 และเพื่อให้ชุดสำรวจสามารถปฏิบัติงานได้โดยปราศจากการขัดขวางและการยั่วยุที่อาจส่งผลให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มเติมในบริเวณดังกล่าว
- ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะจัดการประชุม JBC ครั้งต่อไปในสัปดาห์แรกของเดือนมกราคม 2569 ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี