ท้าเปิดหลักฐานเมียรับ'คริปโต'  'วรภัค’ปักหลักสู้  ‘ไอซ์ รักชนก’จี้กลต.สอบสวน

ท้าเปิดหลักฐานเมียรับ'คริปโต' 'วรภัค’ปักหลักสู้ ‘ไอซ์ รักชนก’จี้กลต.สอบสวน

วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ท้าเปิดหลักฐานเมียรับ'คริปโต'

'วรภัค’ปักหลักสู้

‘ไอซ์ รักชนก’จี้กลต.สอบสวน

‘พม่า’กวาดล้างสแกมเมอร์

หนีตายเข้าไทยถูกจับ670คน

“วรภัค” เดือด ท้าเปิดบ้านโต้กลับ“สฤณี”ปมเมีย รับเงินคริปโต ด้านไอซ์ รักชนก ชี้การลาออกของ “วรภัค” คงไม่พอ ไม่ใช่จุดจบของเรื่อง นายกฯต้องเร่งสั่ง ปปง. และ ก.ล.ต. ให้ขยายผลเอาผิดได้หรือไม่ ขณะที่ รัฐบาลเมียนมา กวาดล้าง“เคเคปาร์ค” แก๊งสแกมเมอร์จีน แห่หนีข้ามเข้าแม่สอด เจ้าหน้าที่คุมตัวกว่า670คน

จากกรณี นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ได้ยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เพื่อขอลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลัง โดยระบุว่า ด้วยสถานการณ์ที่กระผมถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น


เมื่อวันที่ 23ตุลาคม2568 เฟซบุ๊กของ นายวรภัค ธันยาวงษ์ โพสต์ข้อความระบุว่า’พายุพัดแรงล้อม ดั่งไฟ ข่าวบิดปิดความนัย ซ่อนหน้า ใจมั่นสัตย์ยืนไกล เหนือคลื่น ธรรมจักรหมุนช้าแต่แท้เที่ยงตรง’

ขณะเดียวกัน นายวรภัค ยังระบุข้อความถึง สฤณี อาชวานันทกุล หลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีนี้ผ่านเฟซบุ๊ก”คุณสฤณีครับ ผมยินดีจะนั่งคุยต่อหน้ากันและ ถ้าคุณมีเอกสารหลักฐาน เอาเอกสารหลักฐานมาเปิดเผยให้เห็นกันเลยครับ ว่าภรรยาผมเคยรับเงินคริปโตสกุล Tether เพราะเราไม่เคยรับเงินอะไรที่ว่านี้เลย

การนำข่าวที่เขียนลอยๆมาเผยแพร่โดยไม่มีเอกสารหลักฐานของจริงมายืนยันทำให้ผมเสียหายครับ

ผมชื่นชมและติดตามผลงานของคุณสฤณีมาตลอด แต่อยากให้เขียนโดยปราศจากอคติและให้เป็นบทความมีข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วยครับ ยินดีนั่งเล่าข้อเท็จจริงทุกอย่างฟังได้เลยครับเพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถ้าสะดวกเรียนเชิญมาที่บ้านผม จะได้รู้ว่าพวกเรามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร ชื่นชมและติดตามผลงานของน้องมาตลอด ประทับใจตั้งแต่เคยไปทริปภูฐานด้วยกันแล้วเห็นน้องนั่งจดบันทึกข้อมูลที่ไกด์เล่าให้ฟังตลอดทริป แต่อยากมีโอกาสนั่งเล่าให้ฟังจริงๆครับว่าเรื่องราวมีอะไรยังไงบ้างเพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง “

ด้านนางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์ข้อความระบุว่า

แค่การลาออกของคุณวรภัคคงไม่พอ เพราะการลาออกไม่ใช่จุดจบของเรื่อง แต่นายกคงต้องเร่งสั่ง ปปง. และ ก.ล.ต. ให้ดำเนินการต่อว่าสามารถขยายผลเอาผิดได้หรือไม่ต้องดำเนินการต่อให้สิ้นสงสัย เพื่อให้ความเป็นธรรมกับคุณวรภัคด้วย ถ้าผิดต้องจัดการ ถ้าไม่ผิดจะได้อยู่อย่างไร้มลทิน ไม่มีข้อครหาใดใดอีก

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 3 โดยกองกำลังนเรศวร ได้รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย–เมียนมา พื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ภายหลังทราบข่าวว่า ทหารเมียนมาควบคุมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK-Park บ้านเองจีเมี่ยง อำเภอเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และเตรียมส่งเจ้าหน้าที่เมียนมาเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่โครงการฯ ส่งผลให้กลุ่มทุนและพนักงานใน KK-Park รวมถึงชาวต่างชาติภายในโครงการฯ เกิดความหวาดกลัว และได้ลักลอบหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยจำนวนมาก

ต่อสถานการณ์ดังกล่าว หน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ได้จัดกำลังร่วมกับ ร้อย.ตชด.346, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด, เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก, ฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าดำเนินการควบคุมตัวกลุ่มบุคคลต่างชาติที่ลักลอบข้ามแดนบริเวณช่องทาง/ท่าข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง หมู่ 9 ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากนั้นได้ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยนำตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง NRM (National Referral Mechanism) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และ ร้อย.ตชด.346

โดยปัจจุบัน ณ เวลา 07.00 น. ของวันนี้ (23 ตุลาคม 2568) พบว่ามีบุคคลต่างชาติที่ข้ามมายังฝั่งไทยบริเวณช่องทางบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง จำนวน 677 คน แยกเป็น ชาย 618 คน และหญิง 59 คน

ทั้งนี้ หน่วยความมั่นคงในพื้นที่ได้มีการเตรียมพื้นที่ควบคุมตัวสำรองเพิ่มเติม โดยจะใช้พื้นที่ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สอด และวิทยาลัยโพธิวิชชาลัย ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ในกรณีที่พื้นที่เดิมไม่สามารถรองรับผู้หลบหนีเข้าเมืองได้อย่างเพียงพอ

กองทัพบกยืนยันว่า การดำเนินการทุกขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมายและหลักมนุษยธรรม พร้อมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนไทย–เมียนมาอย่างใกล้ชิด

มีรายงานว่าบางคนที่หลบหนีเข้ามาได้หอบเงินสดมาด้วยถึ1 4 ล้านบาท

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานทูตเกาหลีใต้ประจำกัมพูชาร้องขอเพิ่มกำลังคนและการสนับสนุน เพื่อรับมือกับปัญหาแก๊งหลอกลวงออนไลน์ (สแกมเมอร์) หลอกชาวเกาหลีใต้ และว่ามีคดีชาวเกาหลีใต้ถูกลักพาตัวและกักขังในกัมพูชาที่ยังไขคดีไม่ได้ราว 100 คดี

นายคิม ฮยอน ซู รักษาการเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำกัมพูชาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์และการรวมชาติของสมัชชาแห่งชาติที่เดินทางไปตรวจสอบที่สถานทูตในกรุงพนมเปญในวันนี้ว่า แม้ว่ารัฐบาลได้ดำเนินความพยายามแล้ว แต่การหลอกทำงานและการกักขังที่มุ่งเป้าเป็นพลเรือนเกาหลีใต้ในกัมพูชายังคงเพิ่มขึ้น สถานทูตได้รับคดีเหล่านี้ไม่ถึง 20 คดีในปี 2566 แต่ได้เพิ่มขึ้นพรวดพราดเป็น 220 คดีในปี 2567 และเกิน 330 คดีแล้วในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ ขณะนี้ยังมีคดีลักพาตัวและกักขังชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชาที่ยังไม่สามารถไขคดีได้ราว 100 คดี จากที่ได้รับรายงานคดีทั้งหมด 550 คดีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา

นายคิม ฮยอน ซู กล่าวอีกด้วยว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตฯ มีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้นมากเพราะคดีสแกมเมอร์ ดังนั้นเพื่อให้สามารถตอบสนองต่องานที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเหมาะสม จึงขอเพิ่มกำลังคนและการสนับสนุนอย่างเร่งด่วน ด้วยการขยายทีมเจ้าหน้าที่กงสุลฝ่ายตำรวจเป็น 6 นาย เจ้าหน้าที่ธุรการชาวเกาหลีใต้เป็น 4 นาย และเจ้าหน้าที่ธุรกิจชาวกัมพูชาเป็น 2 นาย เพื่อให้สามารถแบ่งการทำงานเป็น 3 กะได้ตามที่สถานทูตฯ เปิดสายด่วนให้การดูแลทางกงสุลตลอด 24 ชั่วโมง และดูแลชาวเกาหลีใต้ตลอดกระบวนการจนกว่าจะได้กลับประเทศ

รักษาการเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำกัมพูชากล่าวถึงสถานการณ์ในกัมพูชาว่า รายงานข่าวเรื่องแก๊งสแกมเมอร์และความปลอดภัยในกัมพูชาได้ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อกัมพูชาในวงกว้าง ส่งผลให้ชุมชนชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชากังวลว่า เศรษฐกิจกัมพูชาจะหดตัวเพราะมีการลงทุนลดลงและมีคนจากเกาหลีใต้มาเที่ยวน้อยลง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top