วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568
พท.โวหน.พรรคคนใหม่มีคุณภาพ
เปิดชื่อมาว้าวแน่!
แย้มเตรียมยื่นซักฟอกรบ.
คาดยุบสภาหนีก่อน12ธ.ค.
นายกฯ เรียก รมต.ที่เกี่ยวข้องหารือก่อนร่วมประชุมอาเซียน-เอเปก ขณะที่นักวิชาการมอง“คนละครึ่งพลัส”พา“ภูมิใจไทย”โกยแต้ม ตอกย้ำ“พูดแล้วทำ”ชี้โอกาสยุบสภายังน้อยปชป.ยัน“อภิสิทธิ์” ไม่ได้ด้อยค่า“คนละครึ่งพลัส” ชี้เป็นสิ่งที่ดี แต่ช่วยประชาชนได้ระยะสั้น ต้องต่อยอดระยะยาวเป็นระบบ เผยเตรียมชง“พิมพ์เขียวเศรษฐกิจ”แบบโตอย่างยั่งยืน ด้าน“อนุสรณ์”โวลั่น เปิดชื่อ“หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่”ต้องว้าวแน่! แย้ม เปิดประชุมสภาสมัยหน้า เล็งยื่นซักฟอกรัฐบาล ชี้อาจยุบสภา ก่อน12ธันวาคม “นพ.เชิดชัย”ชี้“จาตุรนต์-จุลพันธ์”เหมาะนั่งหัวหน้าพรรค
เมื่อเวลา 09.10น. วันที่ 23ตุลาคม2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) วางพวงมาลาเนื่องในวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2568 ได้เดินทางมายังตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลต่อเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่เกาหลีใต้จากนั้น รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ทยอยเดินทางมาถึงตึกไทยคู่ฟ้า อาทิ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 50 นาที
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีแจ้งว่าไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เนื่องจากติดภารกิจ โดยในเวลา 17.00 น. นายกรัฐมนตรี และภริยา เฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลวันปิยมหาราช พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวังจากนั้นเวลา 11.15น.นายกรัฐมนตรีเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล
“คนละครึ่งพลัส”พาภูมิใจไทยโกยแต้ม
รศ.ดร.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง แสดงความคิดเห็นต่อกระแสข่าวการยุบสภาก่อนกำหนด ว่า มีโอกาสน้อยมาก เนื่องจากพรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม แน่นอนว่าทางพรรคภูมิใจไทยมอนิเตอร์พรรคอื่นอยู่ตลอดเวลา หากมีความจริงจังในเรื่องของการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคภูมิใจไทยน่าจะเดินเกมก่อนแต่ถามว่าพรรคอื่นพร้อมหรือไม่ ในช่วงนี้พรรคภูมิใจไทยถือเป็นพรรคที่เดินเกมทางการเมืองได้อย่างมีจังหวะ ด้วยการเก็บคะแนนเสียงจากนโยบายที่เป็นรูปธรรมต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่เพียงเปิดลงทะเบียนไม่กี่ชั่วโมงแรก ก็สร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับรัฐบาลและพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก เพราะถึงแม้ไม่ใช่ผู้ริเริ่มแนวคิด แต่การลงมือทำ และผลลัพธ์ที่ประชาชนเห็นจริงในรัฐบาลนี้ กลับกลายเป็นแต้มทางการเมืองที่ชัดเจน
ไม่จำเป็นต้องรีบยุบสภา
“ภาพประชาชนยืนต่อคิวลงทะเบียนหน้าธนาคาร หรือกดสิทธิ์ที่ตู้เอทีเอ็ม มันคือคะแนนทั้งนั้น” รศ.ดร.สุขุม กล่าว พร้อมชี้ว่า นโยบายอื่นๆ อย่าง การลดราคาพลังงาน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมภาพลักษณ์ พูดแล้วทำของพรรคภูมิใจไทย แม้จะมีประเด็นวิพากษ์ในเรื่องปัญหาชายแดนหรือปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ แต่คะแนนบวกในสายตาประชาชนยังมีมากกว่า
พร้อมกล่าวด้วยว่า ช่วงเวลานี้ พรรคภูมิใจไทยมีโอกาสขยายฐานคะแนนต่อเนื่องจากนโยบายเล็กๆ ที่จะทยอยออกมาอีกในอนาคต ไม่มีความจำเป็นต้องรีบยุบสภา” เพราะทุกนโยบายที่เดินอยู่ขณะนี้ล้วนเป็น แต้มต่อทางการเมืองที่สะสมได้จริง ยกเว้นแต่ว่าฝ่ายค้านจะจับมือกันเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งมองมุมไหนก็ยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ตอนนี้ภูมิใจไทยไม่ใช่พรรคตัวเลือก แต่เป็นพรรคแกนนำที่มีลุ้นติด 1 ใน 2 พรรคที่ได้คะแนน ส.ส. มากที่สุด
ปชป.ปัด“อภิสิทธิ์”ด้อยค่าคนละครึ่งพลัส
นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวชี้แจงกรณีมีการตีความถ้อยคำของ นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีลักษณะเป็นการวิจารณ์โครงการคนละครึ่งของรัฐบาลว่า ยืนยันว่าถ้อยคำดังกล่าวไม่ได้มีเจตนาในเชิงลบต่อโครงการดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ มีความเห็นว่าโครงการคนละครึ่ง นั้นเป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างยิ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสื่อสารอย่างชัดเจนคือ หากประเทศพึ่งพาโครงการช่วยเหลือระยะสั้น โดยปราศจากการต่อยอดในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างเป็นระบบ อาจเป็นผลให้ประเทศไทยไม่สามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในระยะยาว
ชี้ต้องต่อยอดระยะยาวเป็นระบบ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางเศรษฐกิจที่ครบวงจรและยั่งยืนมากขึ้น พรรคประชาธิปัตย์จึงได้แสวงหาแนวทางเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อสร้างโอกาสใหม่ในการค้าขายและบริการ การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้ง่ายขึ้น ตลอดจนการ ยกระดับภาคเกษตรกรรมให้ทันสมัย ด้วยการใช้เทคโนโลยีและการจัดการข้อมูล เพื่อเพิ่มรายได้และลดต้นทุนให้กับเกษตรกร ซึ่งแนวทางเหล่านี้สิ่งที่พรรคฯ เชื่อมั่นว่าจะช่วยต่อยอดจากโครงการช่วยเหลือชั่วคราวอย่างคนละครึ่งได้ดี และจะทำให้ประเทศไทยมีระบบเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมั่นคง โปร่งใส และเป็นธรรมสำหรับทุกภาคส่วนของสังคม
จัดเวทีเปิดมุมมอง3ผู้ทรงคุณวุฒิ28ต.ค.
นายพงศกร กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการตอกย้ำถึงภารกิจสำคัญที่สุดของพรรคการเมืองที่ต้องมุ่งเน้นไปยังปัญหาและภาพรวมของประเทศชาติบ้านเมือง พรรคประชาธิปัตย์จึงเตรียมจัดเวทีฟอรั่มใหญ่ขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคมนี้โดยได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจและนวัตกรรมระดับประเทศ 3 ท่าน มาร่วมวิเคราะห์และให้มุมมอง ได้แก่ ดร.สุวิทย์เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คนแรก นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และ น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานกรรมการบริหารของดับบลิวเอชเอ (WHA) คอร์ปอเรชั่นพรรคประชาธิปัตย์มั่นใจว่าทั้ง3ท่านจะเข้ามาช่วยบอกกับสังคมถึงสถานะที่แท้จริงของประเทศ และเป็นโอกาสให้พรรคได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างสรรค์นโยบายเศรษฐกิจที่ยั่งยืน แทนที่จะมุ่งเน้นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นอย่างที่ปรากฏอยู่ในการเมืองปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักที่พรรคการเมืองควรทำ
พท.เล็งยื่นซักฟอก-คาดยุบสภาก่อน12ธ.ค.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางของพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคคนใหม่ในอนาคตว่า เนื่องจากพรรคเพื่อไทย มีความเป็นสถาบันทางการเมือง ฉะนั้นสมาชิกพรรค รวมถึงคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ทุกคน มีส่วนในการร่วมกำหนดทิศทางของพรรคการเมือง ซึ่งที่จะมีการปรับโครงสร้างเพื่อยกเครื่องประเทศ ยกเครื่องเพื่อไทย ทุกคนจะต้องพูดถึงเรื่องของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของ กก.บห.เป็นปกติ พรรคเพื่อไทยต้องขอบคุณที่ประชาชนให้ความสนใจในการเปลี่ยนโครงสร้าง กก.บห.และขอให้มั่นใจ เชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยมี DNA ของนโยบายที่สร้างประชาธิปไตยกินได้ เรามีโครงสร้างเป็นพรรคที่มีจุดแข็ง ทำได้ ทำสำเร็จ และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคแรกที่มีการเปิดตัวผู้สมัครสส.อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทยอยเปิดต่ออีก
อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่าเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีโอกาสจะยุบสภาได้ตลอดเวลา ซึ่งสมัยประชุมนี้จะปิดวันที่ 30 ตุลาคม พรรคเพื่อไทยคุยกันมีความคิดว่าเมื่อเปิดสมัยประชุมหน้าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากมีหลายเรื่องที่ประชาชนยังไม่เคยเห็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี เคยเห็นแต่เป็นรัฐมนตรี บางคนบอกว่านายอนุทินผิดฟอร์ม หรือบางคนก็บอกว่าน่าจะหนีโดยการยุบสภาก่อน
“แต่สิ่งที่น่าสังเกต ประเด็นที่เกิดจากรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นประเด็นข้อคำถามที่ประชาชนไม่เชื่อมั่น และดูแล้วอาจจะยุบสภาก่อนวันที่ 12ธันวาคมก็ได้ คิดว่าระยะเวลาอีกประมาณ 1-2 เดือน โอกาสที่จะเกิดการเลือกตั้งก็เป็นไปได้ ซึ่งผมคิดว่ายิ่งอยู่ไป รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็ยิ่งมีปัญหา และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้งเป็นพรรคแรก เพราะมีบุคลากรที่พร้อม และเราต้องเปิดกว้างรับทุกความเห็นที่จะเสนอให้พรรคเพื่อไทย” นายอนุสรณ์ กล่าว
โวเปิดชื่อ“หน.พรรคคนใหม่”ต้องว้าวแน่!
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ตนคิดว่ามองวิกฤตเป็นโอกาส จังหวะนี้เป็นจังหวะดีที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้านจริงๆ รัฐบาลยิ่งอยู่ไป คะแนนจะยิ่งเสีย เพราะเรื่องที่รัฐบาลแก้ไม่ได้ทั้งสแกมเมอร์ทุนเทาข้ามชาติ และปัญหาสถานการณ์ชายแดน
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะพยายามชูคนรุ่นใหม่ใช่หรือไม่ นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าพรรค เพื่อไทยมีคนรุ่นใหม่ที่เป็นผู้นำ และคนรุ่นใหญ่ รุ่นอื่นๆ จะร่วมผสมผสานในการทำงานเป็นเนื้อเดียวกัน ซึ่งคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ใช่คนอายุน้อยอย่างเดียว แต่อาจจะเป็นบุคคลที่อายุเยอะ มีประสบการณ์ แต่มีวิธีคิดที่ทันสมัยและก้าวล้ำเราจะใช้โอกาสนี้ในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม โดยสไตล์ของพรรคเพื่อไทย เมื่อเปิดชื่อมาแล้วต้องว้าว ชวนเลือก และเชื่อว่าแคนดิเดตหัวหน้าพรรคมีคุณภาพแน่นอน
“คนที่ถูกเปิดชื่อมาทั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ผมคิดว่า ทุกคนสามารถทำงานได้ และที่สำคัญย้ำว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้ไปไหน ท่านเคยบอกว่าไม่ว่าจะอยู่ในฐานะหัวหน้าพรรค หรือหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย หรือไม่ว่าจะอยู่สถานะไหน เมื่อสมาชิกหันหลังมองกลับมา จะเห็นท่านอยู่เสมอ ผมคิดว่านี่ถือเป็นขวัญและกำลังใจ และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้วในการเดินหน้าเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง” นายอนุสรณ์ กล่าว
ชี้’จาตุรนต์-จุลพันธ์’เหมาะนั่งหน.พรรค
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรค พท.คนใหม่ในวันที่ 31 ตุลาคมว่า ตนยังไม่ทราบว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ควรเป็นคนในพรรค อายุ 45-60 ปี เต็มที่ไม่เกิน 70 ปี เป็นนักประชาธิปไตยและนักบริหาร รู้จักการวางแผน แต่อย่าเป็นอำมาตย์วางท่าเข้าพบยาก รวมถึงไม่เล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งเท่าที่สส.คุยกันตอนนี้มีชื่อ 2คนคือ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ กับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งตอนดูแล้วเหมาะสมทั้งคู่ แต่ นายจาตุรนต์อาจมีภาษีดีกว่าเล็กน้อยเพราะมีประสบการณ์มากกว่า ส่วนตัวอยากให้คนที่เสนอตัวเป็นหัวหน้าพรรคมาแสดงวิสัยทัศน์ให้ส.ส.ฟัง เพื่อประกอบการตัดสินใจ มั่นใจว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่จะเป็นคนในพรรค ทั้งนี้ ไม่น่าจะมาจากคนในตระกูลชินวัตร ถ้าจะมีควรให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจะดีกว่า ตอนนี้หัวหน้าพรรคควรเอาคนในพรรคที่รู้เรื่องการเมืองและระบบพรรคจะเหมาะสมกว่า
หวั่นนายกฯ ชิงยุบสภาหนีก่อน31ม.ค.
นพ.เชิดชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ภายหลังเปิดประชุมสภาฯ ในสมัยประชุมหน้าเดือนธันวาคมนั้น พรรค พท.ยังไม่ได้หารือกัน เพราะต้องคิดให้รอบคอบถึงช่วงเวลาการยื่นอภิปราย เนื่องจากยังติดเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญไม่เสร็จสิ้น ยังไม่มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม พรรคคงต้องคุยกันอีกครั้งถึงเงื่อนเวลาที่เหมาะสม อย่างน้อยคงต้องเป็นหลังวันที่ 15-20 ธันวาคม ให้การแก้รัฐธรรมนูญโหวตผ่านวาระ 3 ไปก่อนตามไทม์ไลน์ที่มีการวางไว้
นพ.เชิดชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ สิ่งที่น่าห่วงกว่าคือ เกรงว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะชิงยุบสภาหนีก่อนวันที่ 31มกราคม2569 หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคเคยหารือกันและมองว่ามีความเป็นไปได้ เพราะนายอนุทินก็เคยพูดว่าเป็นไปได้ที่อาจยุบสภาก่อนวันที่ 31 มกราคม 2569 ยิ่งสถานการณ์ช่วงนี้รัฐบาลถูกปัญหารุมเร้าทั้งเรื่องการปราบสแกมเมอร์ที่ไม่มีความคืบหน้า ปัญหาชายแดน ปัญหาความไม่โปร่งใสในการทำงาน ตอนนี้พรรคภูมิใจไทยดูดสส.มาไว้เยอะแล้ว จึงเป็นไปได้ที่จะยุบสภาก่อนวันที่ 31มกราคม2569 ฉะนั้น เพื่อไทยต้องเตรียมพร้อมเลือกตั้งตลอดเวลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี