วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568
‘นายกฯ-กกต.’แจงรวบลง‘ประชามติ’แก้รธน.-MOU- เลือกสส. คาดใช้งบเฉียดหมื่นล้าน ยันประหยัดกว่าแยกทำ ด้าน‘อนุทิน’ส่ง‘บวรศักดิ์-ภราดร’ตั้งคณะทำงานร่วม กกต. กำหนดรายละเอียดทำประชามติ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 24 ต.ค.2568 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย พร้อมด้วยนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาคณะรัฐมนตรี และนายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เข้าประชุมกับกกต. นำโดย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. และคณะกรรมการกกต. เพื่อหารือแนวทางจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณา จักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MOU 2543) และ (MOU 2544) ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น มีสื่อมวลชนมาปักหลักรอทำข่าวจำนวนมาก
ภายหลังการประชุม นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการหารือในเบื้องต้นเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งทั่วไป หากจะมีขึ้นในวันใด กระบวนการทำงาน งบประมาณที่เกี่ยวข้องจะเป็นอย่างไร และปัจจัยในการจัดวันเดียวกันขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง โดยทั่วไปเป็นการคุยกันกว้างๆมากกว่า ไม่ได้ลงรายละเอียดที่จะต้องตัดสินใจอะไรในขณะนี้
ส่วนเรื่องจำนวนบัตรจากการหารือจะต้องมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สำหรับสส.แบ่งเขต และสส.ระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนบัตรที่จะใช้ในการทำประชามติ ณ ขณะนี้ได้วางแนวไว้ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือยกเลิก MOU 43 และMOU 44 ก็จะมีบัตรประมาณ 4 ใบ ซึ่งปัจจัยพวกนี้จะต้องดูวิวัฒนาการที่จะมีขึ้นเวลาตั้งแต่ปัจจุบันจนถึง ณ เวลาหนึ่ง ซึ่งมีการพูดคุยกันว่าจะต้องมีบัตรเพิ่มขึ้นแน่ๆ ทั้งนี้ คิดว่าน่าจะมีปัญหากับประชาชนในเรื่องของการจดจำบัตรที่เพิ่มขึ้นบ้าง ดังนั้น เราจะต้องมีวิธีการบริหารจัดการให้มั่นใจที่สุด ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิออกเสียง และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานจะไม่สับสน ซึ่งเราจะลงไปในรายละเอียดและจะทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า กกต.มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหรือมีความเห็นอย่างไรกับ พ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ หรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า แม้เป็นฉบับเก่ากกต.ก็พร้อมจะปฏิบัติตาม และเมื่อมีฉบับใหม่ประกาศใช้เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามนั้น ส่วนจะนับคะแนนอย่างไร ยังไม่ได้คุยในรายละเอียด รวมถึงยังไม่ได้คุยในวิธีบริหารจัดการ จะนับสส.ก่อนหรือนับประชามติก่อน จะต้องรอพูดคุยกัน
เมื่อถามถึงงบประมาณที่จะใช้สำหรับการทำประชามติ และการเลือกตั้งควบคู่กันไป อยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ นายอิทธิพร กล่าว ตัวเลขกลมๆที่ประมาณการอยู่ ณ ขณะนี้ หากทำพร้อมกัน ตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 9,000 กว่าล้านบาท ส่วนถ้าทำแยกกันจะใช้งบประมาณรวม 10,000 กว่าล้านบาท โดยคำนวณจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งในปี 2569 จำนวน 53 ล้านคน เพราะฉะนั้นการทำควบคู่กันประหยัดกว่าแน่นอน
เมื่อถามว่าการทำประชามติจะครอบคลุมการทำประชามตินอกราชอาณาจักรด้วยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับพ.ร.บ.ประชามติฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้แล้วนี้ให้มีการทำประชามตินอกราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก เพราะฉะนั้นครั้งนี้จะมีการทำประชามตินอกราชอาณาจักรด้วย
ด้านนายอนุทิน ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่ายังยืนยันจะทำประชามติ MOU ฉบับที่ 43 และ 44 หรือไม่เนื่องจาก มีเสียงนักวิชาการและนักการเมืองหลายคนได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้ โดยนายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาไปแล้ว
เมื่อถามอีกว่าในการทำประชามติเหล่านี้จะมีความชัดเจนเมื่อใด นายอนุทิน กล่าวว่า จากนี้จะมีการหารือผ่านคณะทำงานที่ตั้งร่วมกัน ซึ่งมีนายบวรศักดิ์ และนายภราดร ที่จะต้องมาทำงานร่วมกันกับกกต. ส่วนจะทราบความชัดเจนในกรอบการทำงานอย่างไรนั้น ขอย้ำว่าก็ต้องทำให้เร็วที่สุด ภายในวันที่ 31 ม.ค.2569
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือแนวทางการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการยกเลิกหรือปรับปรุงบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (MOU 2543) และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน (MOU 2544) ซึ่งจะกำหนดวันออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป
ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการในการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 18/2568 ตลอดจนเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติกำหนด โดยมีประเด็นหารือ 2 ประเด็น ดังนี้
1) วันที่เหมาะสมที่นายกรัฐมนตรีจะประกาศให้มีการออกเสียง ตามวันที่ได้หารือกับ กกต. (ซึ่งไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติหรือวันที่ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภา) สมควรประมาณการเมื่อใด ที่ทุกฝ่ายพร้อมในการดำเนินการจัดให้มีการเลือกตั้ง/ออกเสียงประชามติ
2) งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการจัดทำประชามติ กรณีมีออกเสียงประชามติในวันเดียวกับวันเลือกตั้งทั่วไป
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้แถลงผลการหารือร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่าการประชุมในวันนี้เป็นการหารือภาพรวมเบื้องต้น ถึงกระบวนการดำเนินงานจะเป็นอย่างไร และงบประมาณที่เกี่ยวข้องจะมีลักษณะอย่างไร
สำหรับบัตรเลือกตั้ง เป็นที่รับทราบกันโดยทั่วไปว่าจะแบ่งเป็น 2 ใบ ได้แก่ แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ ส่วนบัตรที่จะใช้ในการทำประชามติ ได้วางหลักการไว้ว่า หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีการแก้ไข MOU เปลี่ยนแปลงหรือยกเลิก ก็จะปรับรูปแบบบัตรเลือกตั้งให้มีจำนวน 4 ใบ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเหล่านี้จะมีการบริหารจัดการอย่างรอบคอบให้มั่นใจที่สุดว่า ผู้มีสิทธิออกเสียง รวมถึงเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่หน่วยเลือกตั้งจะไม่เกิดความสับสน และงบประมาณการเลือกตั้งต้องคำนึงถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 53 ล้านคน และความเหมาะสมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
กกต. ยืนยันว่า พร้อมที่จะปฏิบัติตามพ.ร.บ.ประชามติฯ ฉบับเก่า ส่วนฉบับใหม่ พ.ร.บ.ประชามติ ฉบับปี 2568 มีผลบังคับใช้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 ต.ค. 68) ก็เป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติไปตามข้อบังคับ อีกทั้งพระราชบัญญัติประชามติฉบับปัจจุบันที่มีผลใช้แล้ว ยังกำหนดให้สามารถออกเสียงประชามตินอกราชอาณาจักรได้เป็นครั้งแรก
ในตอนท้ายการแถลงฯ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การยกเลิกหรือปรับปรุงบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา ทั้ง MOU 2543 และ MOU 2544 เป็นเรื่องที่อยู่ในนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา โดยอยู่ระหว่างการหารือเพื่อบูรณาการการทำงานระหว่างคณะทำงานของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะทำงานของนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี