วันจันทร์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568
"สว.เปรมศักดิ์"ตั้งกระทู้ถามกลางสภาฯ ชี้คอร์รัปชันทำลายชาติเป็นมะเร็งร้ายฉุดเศรษฐกิจ แนะใช้กฎหมายเด็ดขาดใช้ AI ปราบโกงให้สิ้นซาก โดยเฉพาะในครม. โชว์ความโปร่งใสเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติ
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ในการประชุมวุฒิสภา นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียุระ สมาชิกวุฒิสภา ได้ตั้งกระทู้ถามต่อรัฐบาลเรื่องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน โดยแสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดัชนีการรับรู้เกี่ยวกับการทุจริต (CPI) ของประเทศไทยที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2567 ได้เพียง 34 คะแนน และอยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก จาก 180 ประเทศ ซึ่งลดลงจากปี 2563 ที่ได้ 36 คะแนน
นายแพทย์เปรมศักดิ์ ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าประเทศไทยมีปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันที่รุนแรง และเป็น 'หนามยอกอก' หรือ 'มะเร็งร้าย' ที่กัดกินประเทศ โดยเปรียบเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนที่เวียดนามได้อันดับ 3 (40 คะแนน) และมาเลเซียอันดับ 2 (50 คะแนน) ขณะที่ไทยอยู่อันดับ 5 ชี้ว่าหากดัชนี CPI ยังต่ำเช่นนี้ นักลงทุนต่างชาติจะขาดความเชื่อมั่นและอาจจะเลือกไปลงทุนที่เวียดนามมากกว่าประเทศไทย
ส.ว. เปรมศักดิ์ ตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่คะแนนไทยลดลงมาจากหลายปัจจัย ทั้งการที่รัฐบาลขาดเจตจำนงในการต่อต้านทุจริตที่ชัดเจน ขาดความโปร่งใสในการใช้จ่ายภาครัฐ และความเสี่ยงในการเรียกรับสินบนจากเจ้าหน้าที่รัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้ตั้งคำถามสำคัญ 3 ข้อต่อรัฐบาล ได้แก่ 1) นโยบายประกาศเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต 2) มาตรการทางกฎหมายที่เด็ดขาดทั้งระดับประเทศและท้องถิ่นเพื่อลงโทษผู้กระทำผิด 3) นโยบายในการเพิ่มความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศ โดยการทำโปรโมชั่นแสดงถึงการปรับปรุงมาตรการด้านการต่อต้านการทุจริต
ด้าน พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ได้รับมอบหมายให้มาชี้แจง โดยยืนยันว่า รัฐบาลมีนโยบายประกาศเจตจำนงทางการเมืองอย่างชัดเจน เพื่อยกระดับคะแนน CPI และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยเห็นได้จากการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ซึ่งให้ความสำคัญกับการยึดมั่นในหลักนิติธรรม การบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และการบริหารราชการแผ่นดินบนพื้นฐานของธรรมาภิบาล
รมว.ยุติธรรม ชี้แจงถึงมาตรการสำคัญที่รัฐบาลกำหนดเพื่อแก้ปัญหาเร่งด่วนและยกระดับคะแนน CPI ว่า ได้แก่ การรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด การจัดการทุจริตและประพฤติมิชอบอย่างเด็ดขาดและจริงจัง โดยร่วมมือกับ ป.ป.ช. ปปท. ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม การเร่งพัฒนารัฐบาลดิจิทัลควบคู่กับการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ และการปฏิรูปกฎหมายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชนและภาคธุรกิจ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ร่วมขับเคลื่อนผ่านแผนปฏิบัติการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตระยะเวลา 5 ปี (2566 – 2570)
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์เปรมศักดิ์ ได้กล่าวเสริมว่า การปราบปรามที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล็กในต่างจังหวัด แต่เรื่องใหญ่ยังคงอยู่ในระดับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะ "เส้นทางสแกมเมอร์" ซึ่งต้องทำให้พ้นจาก "อาณาจักรแห่งความกลัว" และต้อง "ตัดนิ้วร้าย" ที่เจอทิ้งให้ได้ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ภาคเอกชน เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย ได้รวมพลังกันว่าจะไม่ทนรอรัฐบาลแก้ปัญหาแล้ว
ส.ว. เปรมศักดิ์ ยังได้เสนอแนะให้กระทรวงยุติธรรมใช้ เทคโนโลยี AI หรือเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการดำเนินการปราบปรามการทุจริตและชี้เบาะแส เนื่องจากปัญหาเดิมคือการปกปิดความลับของผู้ชี้เบาะแสทำได้ไม่ดี ทำให้ผู้แจ้งเหตุไม่ปลอดภัย และการใช้คนยังมีความลำเอียงในการจับกุม พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน โดยเฉพาะการตั้งเป้าดึงอันดับ CPI ของไทยจากอันดับที่ 107 ให้ขึ้นไปอยู่ที่ อันดับ 70 ของโลก ให้ได้ ซึ่งหากไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นเป้าหมาย ความสำเร็จจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี