วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
นายกฯลั่นยังไม่เปิดด่าน!
จนกว่าเขมรทำ4ข้อตกลง
นายกฯยันเสียงแข็งไม่มีการเปิดด่าน! ยังไม่ถึงจุดนั้น ปัดข่าวเตรียมเปิดด่านชายแดน 1 พฤศจิกายน ย้ำเขมรต้องทำตามปฏิญญา 4 ข้อ โดยเริ่มจากถอนอาวุธหนักพ้นชายแดนก่อน ไทยจะรับกู้ทุ่นระเบิด ก่อนจะไปคุยเรื่องปราบสแกมเมอร์ และเมื่อไทยประเมินเขมร ไม่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงอย่างแท้จริงแล้ว จึงจะคุยเรื่องเปิดด่านเป็นขั้นสุดท้าย
ความคืบหน้าหลังการลงนาม Joint Declaration โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ เจ. ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาและนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม แห่งมาเลเซีย ประธานอาเซียน เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
ยันไม่มีการเปิดด่าน!ลั่นยังไม่ถึงจุดนั้น
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่มาเลเซีย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชาโดยยืนยันว่า ไม่มีการเปิดด่าน ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้อยแถลงที่ลงนามกับกัมพูชา ที่มีประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายกฯมาเลเซีย ประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยนั้น เป็นการกำหนดว่าแต่ละประเทศต้องดำเนินการอย่างไร
ย้ำเขมรต้องเริ่มก่อนถอนอาวุธหนัก
«แต่ประเทศไทยก็ดีหน่อย เพราะไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิด ดังนั้น การดำเนินการทั้งหลายต้องเริ่มจากเขมรก่อน เช่น ถอนอาวุธหนักออกจากชายแดน ซึ่งเมื่อคืนนี้ก็ทำแล้ว และเมื่อเขาทำแล้ว เราก็ทำ เพราะเราก็มีอาวุธหนัก แต่ในการลงนาม ไม่ได้บอกว่าเราต้องถอน แต่เมื่อเขาแสดงท่าทีที่มีเจตจำนงถอนอาวุธหนักออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เราก็แสดงท่าทีให้เขาเห็นว่า เราก็พร้อมถอน เพื่อทำให้เกิดช่องเจรจา และช่องที่ทำให้เกิดความเข้าใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น»นายกฯกล่าว
ไทยรับกู้ทุ่นระเบิดดักคอเขมรคงไม่ขวางอีก
และย้ำว่า ขั้นตอนขณะนี้จะหารือระหว่างกองทัพของสองประเทศ ผ่านช่องทางทวิภาคี และถอนอาวุธออกไปจนเป็นที่พอใจของคู่กรณี เช่น ไทย โดยที่คนกลางคือ คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT)คือ ตัวแทนผู้ช่วยทูตทหารอาเซียน จะมาเป็นตัวแทน เป็นคนที่ยืนยันว่า คู่กรณีปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว จากนั้น จะไปต่อในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญกว่า เพราะทุ่นระเบิดทำอันตรายคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตรงไหนก็ได้ โดยคนที่จะเก็บกู้คือ ฝั่งไทย และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนคอยดู และเราคาดหวังว่า เขมรจะไม่ขัดขวาง ซึ่งคิดว่าคงจะไม่ขัดขวาง เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลงปฏิญญา หลังจากนั้น จะมาคุยเรื่องสแกมเมอร์หาวิธีป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันไทยดำเนินการเต็มที่ ทั้งตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต สืบหาธุรกรรม เส้นทางการเงิน ดำเนินคดีกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเราก็รอฝั่งเขมรที่จะให้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาสนธิกำลังกันปราบปราม
ขั้นสามจัดการหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว
«สุดท้ายคือ บริหารจัดการพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน เราเน้นไปที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ส่วนของเขมรที่ล้ำมาฝั่งไทยก็มี และส่วนของฝั่งไทยที่ล้ำไปฝั่งเขมรก็มีเช่นกัน ถ้าจะให้แฟร์ก็ต้องแฟร์ทั้งสองฝ่าย และถ้าตกลงได้แล้ว มีของเราล้ำเข้าไป เราก็ต้องกลับมา และรัฐบาลไทยต้องจัดหาที่อยู่ให้คนที่ล้ำเข้าไปฝั่งเขมร เช่นเดียวกันกับฝั่งเขมรที่ล้ำเข้ามาฝั่งไทย ถ้าทำเช่นนี้ได้ ความเป็นภัยต่อความมั่นคงของไทยจะลดน้อยลง และถึงจะมาเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งขณะนี้เราเหลือแค่เลขานุการโท เราได้เรียกทูตกลับมาแล้ว”นายกฯกล่าว
เปิดด่านเรื่องสุดท้าย-ก่อนฟื้นฟูสัมพันธ์
และย้ำว่า ตนไม่ได้อยากค่อยๆทำมาก เพราะคือโอกาสที่เราเสียไป ถ้าความเป็นภัยไม่มีแล้ว เราก็ต้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับไปในจุดที่ควรแก่เหตุ ถ้าตนบอกว่าฟื้นเลย เดี๋ยวไม่พอใจกันอีก แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เกียรติภูมิของประเทศเสียหายแน่นอน และเรื่องเปิดด่าน สำหรับตนจะเป็นเรื่องสุดท้าย เมื่อสถานการณ์ที่เป็นอันตรายหมดไปแล้ว ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตของสองประเทศ และกลับมาเปิดด่าน ซึ่งจะเป็นจุดสุดท้ายของกระบวนการ และหวังว่าความเป็นปกติสุขจะเกิดขึ้น
ปัดข่าวเปิดด่าน1พย.-ย้ำไทยคนวางเงื่อนไข
ส่วนกระแสข่าวจะมีการเปิดด่านวันที่ 1 พฤศจิกายน นายอนุทินยืนยันว่า ยัง ตนไม่ทราบว่าใครไปกำหนดวันนั้น แต่ทั้งหมดจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่ที่ความจริงใจเข้ามาเร่งแก้ปัญหาของทั้งสองประเทศ ถ้าเขมรดำเนินการ ไทยจะประเมินโดยเร็ว และตอบสนองแต่ละเรื่อง โชคดีที่กรณีนี้ ไทยเราอยู่ในสถานะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขได้ เพราะเราเป็นฝ่ายที่ถูกรุกราน เมื่อกำหนดเงื่อนไขแล้ว เขาทำตามแล้ว เราก็ต้องเร่งประเมิน และทำให้ความขัดแย้งทุกมิติลดลง
«ด่านยังไม่เปิด เดี๋ยวก็มีคนไปพูดว่าเดี๋ยวก็เปิดด่านอีกแล้ว ไทยยอมนั่นนี่ ซึ่งเขมรต้องดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างเป็นรูปธรรมก่อน ถึงจะพิจารณา»นายอนุทินกล่าวย้ำ
ถ้าเขมรทำ4ข้อไทยส่ง18ทหารคืน
นายอนุทินกล่าวอีกว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยมีอยู่คือ ถ้าเขมรดำเนินการไประดับหนึ่งแล้ว ก็จะคืนตัวผู้ที่เราควบคุมตัวอยู่ 18 คนเร่งส่งคืนให้เขมร ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตหรือเปิดด่านนั้น ยังอยู่ในลำดับท้ายๆ สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อฝ่ายไทยประเมินแล้ว และต้องเชื่อมั่นว่าความเป็นภัยของเขมรต่อความมั่นคงของประเทศไทยลดลงไปในระดับที่ไม่มีความเป็นภัยเกิดขึ้นแล้ว จึงจะมาเริ่มฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้น
ทภ.1ยันข่าวเปิดด่านไทย-เขมรไม่จริง
ขณะที่กองทัพภาคที่ 1 ออกมาชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูล อ้างทหารรับแจ้งให้เตรียมเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณจุดผ่านถาวรบ้านเขาดิน ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ววันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ไม่มีสั่งการให้เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ในความรับผิดชอบของกองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา)ที่จ.สระแก้วแต่อย่างใด โดยกองทัพภาคที่ 1 ยังยึดถือปฏิบัติตามนโยบายปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่รับผิดชอบเช่นเดิม
พลโท วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 ยืนยันว่า กระแสข่าวเปิดด่านไทย-กัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน จ.สระแก้ว วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ไม่เป็นความจริง หลังจากนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวออกมาให้ข่าวกับสื่อมวลชน
ชายแดนสระแก้วเงียบเหงาม็อบเขมรเกลี้ยง
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้วว่า ไม่มีกลุ่มชาวเขมรมารวมตัวกันสังเกตการณ์ทหารไทยเหมือนทุกวัน และไม่เห็นทหารกัมพูชามายืนปักหลักเช่นกัน ทั้งนี้ เป็นไปได้ว่าความสงบทั้งฝั่งบ้านเปรยจันและบ้านโจกจีฝั่งเขมร น่าจะเป็นผลจากการลงนามตกลงระหว่างไทย-เขมร ที่มาเลเซีย ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นพยาน ส่วนความเคลื่อนไหวฝั่งไทยมีรายงานว่าศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้วัตถุระเบิดแห่งชาติ กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 นำอุปกรณ์เก็บกู้วัตถุระเบิดหลายชนิด เข้าไปพื้นที่บ้านหนองจาน เพื่อเก็บกู้วัตถุระเบิดต่อเนื่อง โดยที่บ้านหนองจาน เจ้าหน้าที่จะเร่งเก็บกู้วัตถุระเบิดตามแผนให้เสร็จเร็วที่สุด
‘เขมร’เริ่มถอนอาวุธหนักกลับฐานทัพ
ส่วนสำนักข่าว ขแมร์ไทมส์ (Khmer Times) รายงานว่า กระทรวงกลาโหมเขมรเริ่มถอนอาวุธหนักระยะแรกจากชายแดนกัมพูชา-ไทย ตามข้อตกลงสันติภาพที่ลงนามในกรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยประสานทีมผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เพื่อตรวจสอบอาวุธหนัก ยานเกราะ ที่ถูกส่งกลับจากพื้นที่พิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย หมู่บ้านตอมาเชต ตำบลสระเอม อำเภอจวมกสันต์ จังหวัดพระวิหาร เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2568 เวลา 21.00 น. หลังการลงนามข้อตกลงสันติภาพระหว่างสองประเทศ โดยเขมรเป็นประเทศแรกที่เริ่มถอนอาวุธหนักและอาวุธทำลายล้างบางส่วน รอไทยปฏิบัติตามข้อตกลงเดียวกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี