‘อนุทิน’ยันไม่ได้บอกไทยรุกล้ำกัมพูชา แค่ตกคำว่า 'พื้นที่อ้างสิทธิ์'

‘อนุทิน’ยันไม่ได้บอกไทยรุกล้ำกัมพูชา แค่ตกคำว่า 'พื้นที่อ้างสิทธิ์'

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 13.27 น.

‘อนุทิน’เผยผลหารือทวิภาคี‘นายกฯ กัมพูชา’ ยันไม่ได้บอกไทยรุกล้ำกัมพูชา แค่ตกคำว่า 'พื้นที่อ้างสิทธิ์' ย้ำไม่ใช่เรื่องใหญ่ สื่อถามอะไรก็ตอบไม่เคยปิดบัง

เมื่อเวลา 11.15 น.วันที่ 27 ต.ค.2568 (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย  ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือทวิภาคีกับนาย ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่า กัมพูชาและไทย ได้หารือกัน เพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อ ให้ดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้การเริ่มถอนอาวุธหนักได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม  ซึ่งได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าอย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจังด้วยความรวดเร็ว เพื่อไทยจะได้ดำเนินการในสิ่งที่ไทยต้องทำ คือการคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมของไทยให้กับกัมพูชา และการเก็บกู้วัตถุระเบิด การถอนทุ่นระเบิด ซึ่งส่วนใหญ่ไทยเป็นคนเก็บกู้ เพราะอยู่ในเขตของไทย และมีผู้ร่วมสังเกตการณ์เป็นตัวแทนประเทศของกลุ่มอาเซียนรวมอยู่ด้วย 


นอกจากนี้ ตนได้แจ้งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา อีกว่า ขอให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเก็บกู้วัตถุระเบิด และจะได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็วเช่นกัน ส่วนเรื่องสแกมเมอร์มีการดำเนินการร่วมกันทั้งตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา มีการประชุมร่วมกัน เพื่อหาวิธีการปราบปรามป้องกันอยู่ตลอด และทิ้งช่วงตอนที่ไทยและกัมพูชา มีปัญหาระหว่างกันใน 2-3 เดือนหลัง จากนั้นก็จะร่วมมือกันในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกอย่าง ไม่เพียงแค่สแกมเมอร์อย่างเดียว ยังรวมไปถึงออนไลน์ และการหลอกลวงคนไปกักกันหรือทำร้ายด้วย

เมื่อถามถึงกำหนดเส้นตายให้กัมพูชาดำเนินการถอนอาวุธนั้น นายกฯ กล่าวว่า กำหนดแล้ว ถ้าทำได้วันนี้ วันที่ 29 ต.ค.2568 เราก็จะถอนอาวุธออกไปให้มากและเร็วที่สุด ซึ่งผู้ที่กำหนดเส้นตายของไทยน่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนของกัมพูชา น่าจะเป็นผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ซึ่งได้พูดคุยกันอยู่แล้ว และวันนี้รมว.กลาโหมของไทย จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาติดตามการดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)เป็นประธาน ซึ่งเมื่อเช้าที่ผ่านมา รมว.กลาโหมได้โทรศัพท์มารายงานตนแล้ว ดังนั้นทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและเวลาที่ควรจะเป็น และขณะนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยจากการที่มีการพูดคุยกัน ได้ทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ว่าตรงไหนที่ยังเป็นข้อสงสัยขอให้กลับไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามต่อว่ามีสื่อระบุว่า นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า “ผมไม่ได้บอกว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา ผมบอกว่าถ้า เพราะเมื่อวานขาดคำพูด คำว่าพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งก็คือคำที่เป็นคำอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนึกไม่ออกคำนี้ เลยบอกว่า ในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทยอยู่ และมีคนกัมพูชาอยู่ ถ้าเราตกลงกันได้แล้ว ถ้าเขาอ้างสิทธิของเขาได้ และเรายอมรับได้ เราก็ต้องกลับมาในดินแดนของเรา และเขาก็ต้องกลับไปในดินแดนของเขา” 

ตนคิดว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ ต้องมีหลักความยุติธรรม ถ้าเราอยู่ในที่ดินของเขาก็ต้องกลับมา แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่เป็นไร บางคนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่ เป็นที่เกษตรที่ทำนา ถ้าเราไปทำตรงนั้นเป็นพื้นที่อ้างสิทธิอยู่ก็ทำให้ชัดเจนแค่นั้นเอง จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าย ๆ ถ้าไม่มีเรื่องแรกเรื่องของข้อพิพาทกัน หรือรบกัน เรื่องนี้แทบจะไม่มีใครเคยยกขึ้นมาเลย แต่เมื่อเป็นส่วนหนึ่งแล้วก็ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่เรามีต่อกัน 

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลาย ๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ ก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริง จะได้ไม่มีใครมาคาดเดา และพูดออกมาโดยใข้โซเซียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามต่อว่านายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการพูดถึงการเปิดด่านหรือไม่นั้น นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ซีเรียส เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูด เราก็ไม่ได้เสนอในส่วนนี้ จนกว่าการดำเนินการทั้งหมด จะสิ้นสุดลงและดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย เรายังต้องมีอีกด่านหนึ่ง คือการหาวิธีฟื้นฟูความสัมพันธ์ ตอนนี้ไทยเหลือแค่เลขานุการโทประจำกรุงพนมเปญ อยู่ในสถานทูตไทยเท่านั้นเอง หาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ ก็จะมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์อย่างไร เริ่มจากอะไร และเมื่อความสัมพันธ์กลับมาสู่ภาวะปกติ จึงจะไปดำเนินการในเรื่องการเปิดด่าน ดังนั้นทุกคนก็รู้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเปิดด่าน ไทยก็ยังเก็บไว้อยู่กับไทย

 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top