 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
								รัฐบาลปลื้มคนใช้สิทธิ์โครงการ “คนละครึ่งพลัส”วันแรกล้นหลาม ขอบคุณ ผู้ให้การสนับสนุน ระบุกลุ่มคนตกหล่นเตรียมเฮ เฟส 2 มาแน่โฆษกรัฐบาลเผยยอดใช้จ่ายวันแรก สะพัดเกือบ 2 พันล้าน นายกฯ สั่งปลัดมท.มอบหมายให้ผู้ว่าฯ ทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงบรรยากาศโครงการคนละครึ่งพลัส ภายหลังเริ่มโครงการวันแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ว่า เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนใช้สิทธิ์ 1.6 ล้านคน ร้านค้าประมาณ 6 แสนราย ขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุนโครงการนี้ และยืนยันว่าร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 เมื่อถามว่า ประชาชนที่ตกหล่นสามารถรอโครงการคนละครึ่งพลัสเฟส 2 ได้เลยใช่หรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ได้ เพราะนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการแล้ว
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เชิญชวนร้านค้าและผู้ประกอบการบางส่วนที่ยังไม่ตัดสินใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ขออย่ากังวลเรื่องกระบวนการและขั้นตอนการยืนยันตัวตนของร้านค้า สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยทำงานเชิงรุกลงพื้นที่ เร่งสำรวจ พร้อมอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียน และขั้นตอนของการยืนยันตัวตนให้ร้านค้าและผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนผู้ได้รับสิทธิฯ เลือกใช้จ่ายผ่านร้านค้าและผู้ประกอบการมากขึ้น
“ร้านค้าและผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส จะไม่มีการส่งข้อมูลยอดขายให้กรมสรรพากรแต่อย่างใด ขออย่าได้เป็นกังวลและหลงเชื่อข่าวปลอม ทั้งนี้ ร้านและผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ยังสามารถสมัครได้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568” นายสิริพงศ์ ย้ำ
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า การใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งพลัสวันแรก(29 ต.ค.2568) แบ่งยอดการใช้จ่ายตามประเภทร้านค้า ดังนี้ 1.ร้านธงฟ้า จำนวน 709 ล้านบาท 2.ร้านอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 697 ล้านบาท 3.ร้านทั่วไปและอื่น ๆ จำนวน 474 ล้านบาท 4.ร้านค้าบริการ จำนวน 10 ล้านบาท 5.ร้านโอทอป จำนวน 8 ล้านบาท และ 6.กิจการขนส่งมวลชนสาธารณะ จำนวน 3 ล้านบาท รวมการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส จำนวน 1,900 ล้านบาท สำหรับยอดการใช้จ่ายฯ สูงสุด 10 อับดับแรกของประเทศ เรียงตามลำดับ ดังนี้ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นครราชสีมา สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี สงขลา นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ และขอนแก่น
วันเดียวกัน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือกระทรวงมหาดไทย ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เรื่อง การรายงานผลการดำเนินงานสนับสนุนโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อให้การดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมอบหมายให้จังหวัดเร่งรัดการดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP ในพื้นที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ดังนี้ 1.ให้อำเภอและขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกหน่วยบริการเคลื่อนที่ (Mobile Unit) ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนผู้ประกอบการร้านค้าในระดับพื้นที่ตำบล/ชุมชนและเพิ่มจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ให้ทั่วถึงและครอบคลุมในทุกกลุ่มร้านค้า 2.ให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดและอำเภอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้า/ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมโครงการฯ และเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน เช่น การจัดตลาดนัดสินค้า OTOP เป็นประจำทุกสัปดาห์ ณ ศาลากลางจังหวัดหรือที่ว่าการอำเภอ เป็นต้น 3.ประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่า สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง มิได้มีการส่งต่อข้อมูลธุรกรรมให้กับกรมสรรพากรเพื่อตรวจสอบรายได้แต่อย่างใด
4.มอบหมายที่ทำการปกครองจังหวัดเป็นหน่วยงานในการรายงานผลการดำเนินงานการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์รายสัปดาห์ในทุกวันศุกร์ โดยให้รายงานครั้งแรกในวันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน 2568 จนถึงวันสิ้นสุดโครงการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งดังกล่าว สืบเนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย สั่งการให้กระทรวงมหาดไทยสนับสนุนและรายงานผลการดำเนินงานโครงการคนละครึ่งพลัส เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลว่า หากร้านค้าหรือผู้ใช้สิทธิ์ฝ่าฝืนอาจถูกระงับสิทธิได้ทันที โดยสินค้ากลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล (Gift Voucher) และบัตรเงินสด รวมถึงการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า นอกจากนี้ ห้ามผู้ประกอบการรับหรือเรียกรับ ทอนเป็นเงินสด หรือประโยชน์ในรูปแบบอื่นใดจากการขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการ Food Delivery ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม และห้ามผู้ร่วมโครงการกระทำการใดๆ ที่สร้างความเข้าใจผิดต่อมาตรการ หรือก่อให้เกิดอุสรรคต่อการดำเนินโครงการของรัฐ ขอเตือนประชาชนที่ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัส แล้วนำมาขายสิทธิให้ผู้อื่น และร้านค้าหรือกลุ่มร้านค้าร่วมกับมือกับผู้ได้รับสิทธิคนละครึ่งพลัส ใช้สิทธิโดยไม่มีการซื้อ-ขายสินค้าจริง เป็นการกระทำที่มีความผิดฐาน “ฉ้อโกง” (มาตรา 341/342 ประมวลกฎหมายอาญา) มีโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถูกระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล รวมถึงต้องคืนเงินให้รัฐบาลด้วย
 
								
							โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี