 วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
                วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568
             
								นายกฯ “อนุทิน” เดินหน้าประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจของเอเปกที่เกาหลีใต้ หารือซีอีโอ SK Bioscience บริษัทชั้นนำด้านวัคซีนและนวัตกรรม เสริมความมั่นคงด้านวัคซีน ลดพึ่งพาต่างชาติ หวังรองรับการระบาดในอนาคต หารือกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐเพื่อแลกเปลี่ยนส่งเสริมการค้าการลงทุนเทคโนโลยี สะพัด!‘สุทิน คลังแสง’ทิ้งเพื่อไทย!ลุยตั้งพรรคใหม่ เจ้าตัวโร่แจงยังอยู่‘เพื่อไทย’ยังไม่คิดไปไหนซัดปล่อยข่าวไม่หวังดี ให้ดู‘เลือดไหลออก’‘ดนุพร’เผย’ลูกชายสุทิน’รับพ่อมีแนวคิดตั้งพรรคใหม่จริงแต่นานมาแล้ว ขอคุยเจ้าตัวให้ชัดก่อนเผยพรุ่งนี้คัดคนที่เหมาะสมที่สุด นั่งหน.พรรคคนใหม่ ย้ำหน.ไม่จำเป็นต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ ‘เอม-สามี’เยี่ยม’ทักษิณ’ปรับตัวได้ดี มีความดันเล็กน้อยปัดคุยเลือกหัวหน้าเพื่อไทยคนใหม่
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 30 ตุลาคม (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองคยองจูซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชม.) ณ โรงแรม Commodore Gyeongjuเมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หารือทวิภาคีกับ นายอัน แจ-ยง (Mr.AhnJaeyong) ประธานบริษัท SK bioscience Co., Ltd. และ นายเชแทวอน (Mr. Chey Tae-Won) โดยมี นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข ร่วมหารือด้วยระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำภาคธุรกิจของเอเปคประจำปี 2568 (2025 APEC CEO Summit)
นายกฯหารือบริษัทชั้นนำด้านวัคซีน
โดยนายกฯได้กล่าวในการหารือถึงสมัยที่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในปี 65 ก็ได้หารือเกี่ยวกับโครงการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง GPO และ NVI กับ SK bioscience ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายชัดเจนต่อการเสริมสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของไทย ส่งเสริมการใช้วัคซีนที่ผลิตในประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพึ่งพาตนเองด้านวัคซีนของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกนะดับศักยภาพโรงงานผลิตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมไทย ให้สามารถพัฒนาวัคซีนที่ผลิตจะมีราคาเหมาะสม และประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ รวมถึงการมีวัคซีนที่ครอบคลุม เพี่อเป็นการเตรียมความพร้อม และรองรับวิกฤตด้านสุขภาพด้วย
พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ผลิตวัคซีน
นายกฯคาดหวังว่าหากมีความร่วมมือระหว่าง GPO และ SK bioscience ในการผลิตวัคซีน ไทยจะมีวัคซีนภายใน 100 วัน หากเกิดภาวะระบาดใหม่ด้วยราคาเหมาะสม และรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลดความเสี่ยงต่อประชาชนกลุ่ม608 ด้วย
ขณะที่ ประธานบริษัท SK bioscience Co., Ltd. กล่าวถึงความร่วมมือในการร่วมทุน (JointVenture: JVC) กับองค์การเภสัชกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการถ่ายทอดเทคโนโลยี และองค์ความรู้การผลิตวัคซีน เชื่อว่าการร่วมมือกับไทย จะนำไปสู่การผลิตวัคซีนตามความคาดหวัง และขอบคุณนายกฯ ที่ให้คำแนะนำในการพัฒนาวัคซีนที่ครอบคลุม และหลากหลาย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนทั้งในไทย และระดับภูมิภาคด้วย
นายกฯหารือกลุ่มนักธุรกิจของสหรัฐ
เมื่อเวลา 10.10 น.ณSalon Heritage เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หารือกับผู้แทนกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐ สมาชิกองค์กร US-APEC Business Coalition พร้อมผู้เข้าร่วมจากภาคเอกชนหลากหลายบริษัทอาทิ Amazon, Boeing,Citi, Coupang, Johnson & Johnson, Mastercard, Merck, Moody’s, Paypalและ Organonเป็นต้น
โดยในช่วงแรก นาง Monica Hardy Whaley ประธาน National Center for APEC กล่าวขอบคุณนายกฯ และรัฐบาลไทยที่เห็นถึงความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจในไทยของภาคเอกชนต่างประเทศ และมีนโยบายที่ช่วยส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนต่างชาติ และสละเวลามาพบหารือกับภาคเอกชนสหรัฐ ที่เป็นสมาชิกเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ด้านนายกฯ กล่าวทักทายและขอบคุณ US–APEC Business Coalitionที่จัดการหารือครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ไทยได้พบปะกับพันธมิตรทางเศรษฐกิจสำคัญอย่างสหรัฐที่มีความร่วมมือมายาวนานพร้อมย้ำถึงความสำคัญของภาคเอกชนของสหรัฐฯ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตและพัฒนาทางเศรษฐกิจทั้งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและในประเทศไทย
ร่วมลงทุนระหว่างสองประเทศยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้พบปะหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย ระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งได้ย้ำถึงการขอให้พิจารณาเรื่องภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐต่อไทย โดยประธานาธิบดีทรัมป์รับปากที่จะให้ผู้แทนทางการค้าสหรัฐ หารือกับไทย ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก สำหรับการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศยิ่งขึ้น ขอให้ทุกท่านมีความมั่นใจและขอยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนสหรัฐ และพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้อต่อการลงทุนยิ่งขึ้น
นายกฯ กล่าวต่อว่าโลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนจากการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลก และแนวโน้มของนโยบายกีดกันทางการค้า ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายสินค้า แรงงาน และการลงทุนทั่วโลก ไทยยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคีที่มีกฎกติกา และพร้อมทำงานร่วมกับกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค ย้ำว่าไทยกำลังเจรจาอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายสหรัฐ
มุ่งสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง
นายกฯ ยังกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งสร้างรากฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง รัฐบาลจึงกำหนดนโยบายเชิงรุกและเร่งผลักดันผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ภายใต้แนวคิด “Quick Big Win” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ลดภาระหนี้ครัวเรือน สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ รวมทั้งมุ่งสร้างระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อลดขั้นตอนการดำเนินธุรกิจให้เอื้อต่อผู้ลงทุนมากที่สุด รวมทั้ง ขยายความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับ 24 ประเทศใน 17 ฉบับ และกำลังเร่งเจรจากับสหภาพยุโรป สาธารณรัฐเกาหลี และตุรกี ขณะเดียวกัน
นายกฯกล่าวเน้นย้ำว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย–สหรัฐ เป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ โดยในปี 2567 สหรัฐเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยและเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 2 ไทยมีมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศสูงสุดในรอบ 10 ปี รวม 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐ ขณะเดียวกัน การลงทุนของภาคเอกชนไทยในสหรัฐก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นักธุรกิจสหรัฐชม‘คนละครึ่งพลัส’
ในตอนท้าย ผู้แทนภาคธุรกิจสหรัฐได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี พร้อมชื่นชมต่อความมุ่งมั่นของรัฐบาล ตลอดจนนโยบายด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ อาทิ โครงการคนละครึ่งพลัสและพร้อมเข้ามาขยายการลงทุนในโครงการ digital payment ของรัฐบาล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ และต่างให้คำมั่นว่าจะลงทุนและขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายกฯ ได้ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกกับผู้แทนภาคเอกชนสหรัฐ โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ซึ่งนายกฯ ยังได้ชวนให้โพสต์ท่ามินิฮาร์ท ทำให้มีหนึ่งในผู้แทนภาคเอกชนสหรัฐ กล่าวหยอกล้อกับนายกรัฐมนตรี ว่า “Korean style”
สะพัด!‘สุทิน’ทิ้งเพื่อไทยตั้งพรรคใหม่
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายสุทิน คลังแสง แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย แจ้งถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองก่อนการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหาร(กก.บห.) ชุดใหม่ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ล่าสุด มีรายงานว่านายสุทิน คลังแสง แกนนำคนสำคัญและเป็นผู้มีบทบาทหลักในการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยและเป็นนักการเมืองคนดังในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ได้แสดงความจำนงถอนตัวออกจากแคนดิเดตหัวหน้าพรรคแล้วและเตรียมจะยื่นใบลาออกจากพรรคเพื่อไทยโดยจะไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยนายสุทินจะยื่นใบลาออกต่อกกต.ในวันที่ 3พ.ย.โดยมีกำหนดจะแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการวันที่ 5 พ.ย.และเตรียมเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่โดยใช้จ.บึงกาฬเป็นจังหวัดเปิดตัวประมาณวันที่ 7พ.ย.นี้
แหล่งข่าวระบุว่าการลาออกจากพรรคเพื่อไทยของนายสุทิน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเส้นทางการเมืองของเขาหลังจากอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาหลายปี โดยให้เหตุผลมีความจำเป็นที่จะต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงและความคาดหวังของประชาชน
“การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความน้อยใจที่ไม่ได้มีโอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคในการประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม แต่เขามองว่าเห็นโอกาสใหม่ๆที่จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการและเสียงสะท้อนของประชาชนในภาคอีสานได้ดียิ่งขึ้น ยังเป็นการตอบรับวงการการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ได้เป็นการละทิ้งอุดมการณ์หรือทรยศต่อพรรคเดิมแต่อย่างใด”แหล่งข่าวระบุ
แหล่งข่าวรายนี้ซึ่งใกล้ชิดกับนายสุทินระบุอีกว่าการย้ายพรรคครั้งนี้ของนายสุทินเปรียบเสมือนการเลือกทางเดินใหม่ครั้งสำคัญในชีวิตการเมือง เป็นการเปิดโอกาสให้สามารถนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ใกล้ชิดและตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริงนับเป็นโอกาสใหม่ๆ ที่ชาวอีสานจะมีตัวเลือกทางการเมืองที่หลากหลายมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย
‘สุทิน’โร่แจงยังอยู่‘เพื่อไทย’ไม่คิดไปไหน
ต่อมา นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าจะยื่นลาออกจากพรรคเพื่อไทยและไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ตนก็เคยชี้แจงไปชัดเจนแล้ว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ยังยืนยันว่ายังคงทำงานอยู่กับพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าคนที่ปล่อยข่าวเป็นผู้ไม่หวังดีกับตนเองรวมถึงกับพรรคเพื่อไทย คงหวังสร้างกระแสทำให้ดูว่าพรรคเพื่อไทยยังมีเลือดไหลออก
“ยืนยันว่า ยังไม่คิดจะไปไหน ยังคงทำงานอยู่กับพรรคเพื่อไทย โดยในวันที่ 31 ต.ค.ก็จะเข้าร่วมประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยเพื่อใช้สิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วย ไม่ว่าสมาชิกพรรคจะเลือกใครเป็นหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็พร้อมยอมรับทุกคน”นายสุทิน ย้ำ
‘ดนุพร’เผย’ลูกชายสุทิน’รับพ่อมีแนวคิด
นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่นายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยจะลาออกและไปตั้งพรรคใหม่ว่าตนได้ตรวจสอบตั้งแต่เช้าแล้ว หลังจากที่เป็นกระแสข่าวโดยได้ประสานกับทางนายรัฐ คลังแสง สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลูกชายของนายสุทิน เมื่อสักครู่ก็ได้พูดคุยกัน ซึ่งได้เรียนมาว่าการตั้งพรรคใหม่เป็นแนวคิดของนายสุทิน เมื่อนานมาแล้ว เป็นแผนว่าหากพรรคเพื่อไทย มีปัญหาในอนาคต เช่น หากไม่มีใครมานำพรรคต่อแล้วสส.อาจจะแตกฉานซ่านเซ็นไปพรรคนู้นพรรคนี้ นายสุทินจึงคิดว่าอาจจะเป็นแผนที่สอง ที่จะต้องตั้งพรรคขึ้นมาเอง เพราะไม่อยากไปพรรคอื่นและตอนนี้ก็กำลังประสานกับนายสุทินเป็นการส่วนตัวอยู่
เมื่อถามว่าถ้าประเมินสถานการณ์ภายในพรรค และนายสุทินกระแสข่าวนี้เป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายดนุพร กล่าวว่า ยังไม่อยากรับรองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่จะต้องขอพูดคุยกับนายสุทินเป็นการส่วนตัวก่อนจึงจะยืนยันได้ ตอนนี้ก็เป็นเพียงการคาดเดากันไปว่าจะเป็นตามจริงหรือไม่
เผย31ต.ค.เลือกเฉพาะหัวหน้าเพื่อไทย
เมื่อถามว่าการยกเครื่องใหม่ของพรรคเพื่อไทย ไม่ทำให้สมาชิกเพิ่มมั่นใจได้เลยหรือนายดนุพรกล่าวว่า ขอเรียนว่าวันนี้พึ่งเริ่มต้นหลังจากที่อดีตหัวหน้าพรรคเรื่องของการยกเครื่องใหม่และลาออกโดยในวันพรุ่งนี้จะมีการเลือกหัวหน้าพรรค ก็คงจะต้องให้เวลาและสร้างความเชื่อมันกับสมาชิกที่อยู่ว่าเราพร้อมไปต่อและสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีหน้า
เมื่อถามว่าในการเลือกหัวหน้าพรรคพรุ่งนี้จะมีรายชื่อเพิ่มเติมที่ทำให้รู้สึกว้าวได้หรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่าว้าวหรือไม่ว้าว อยู่ที่มุมมองของประชาชนเพราะอย่างที่ตนเรียนว่าที่ประชุมพรรคเมื่อวานเองก็มีหลายมุมมอง ทั้งรุ่นใหญ่หน่อย เช่นนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส่วนจะมารุ่นเล็ก ก็มีชื่อของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ นายสรวงศ์ เทียนทอง และมีอีกหลายคนที่มีการเสนอเข้ามา อยู่ที่ว่ามุมมองเป็นอย่างไร เชื่อว่าวันนี้เป็นการประชุมสภาเป็นวันสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม สส.ก็คงมีการพูดคุยกัน พรุ่งนี้ก็คงมีการเสนอชื่อคนที่พรรคคิดว่าเหมาะสมขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค
ย้ำหน.ไม่ต้องเป็นแคนดิเดตนายกฯ
เมื่อถามว่า ส่วนตัวมองว่า จะสู้หัวหน้าพรรคอื่นๆได้หรือไม่ นายดนุพรกล่าวว่า เชื่อมั่นว่าเราจะพิจารณาโดยฟังจากข้อมูลรอบด้าน และคัดสรรคนที่เหมาะสมที่สุดมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอเรียนว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่จำเป็นต้องเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นเรียนว่าวันนี้เราไปถึงการยกเครื่องของพรรค ในสเต็ปแรกก็คือมีหัวหน้าพรรค มีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็ต้องพูดคุยในระดับต่อไป
‘เอม-สามี’เข้าเยี่ยม‘ทักษิณ’ครั้ง12
เวลา10.00น.ที่เรือนจำกลางคลองเปรม กรุงเทพฯโดยวันนี้ถือเป็นครั้งที่ 12 สำหรับการเยี่ยมญาตินายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกคุมขังตามคำสั่งบังคับโทษ นับแต่วันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือ เอม และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของน.ส.พินทองทาเป็นตัวแทนครอบครัวเข้าเยี่ยม พร้อมกับนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ
เมื่อเดินทางมาถึงเรือนจำกลางคลองเปรมทั้งคู่ได้เดินไปพบกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาให้กำลังใจครอบครัวชินวัตร โดย น.ส.พินทองทา และนายณัฐพงศ์ ได้ยกมือไหว้และร่วมพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนเดินเข้าด้านในเรือนจำฯ
‘พ่อ’ปรับตัวได้ดีมีความดันเล็กน้อย
ต่อมาเวลา11.00น. น.ส.พินทองทา พร้อมด้วย นายณัฐพงศ์ได้เดินออกจากเรือนจำหลังเข้าเยี่ยมนายทักษิณ โดยนายณัฐพงศ์เปิดเผยว่าวันนี้คุณพ่อบอกว่าปรับตัวได้และบอกว่าอีกแป๊บเดียวก็จะสองเดือนแล้วแต่มีปัญหาเรื่องความดันเล็กน้อย ส่วนระหว่างที่อยู่ด้านในเรือนจำฯนายทักษิณได้ช่วยงานอาสาของเรือนจำฯอย่างไรหรือไม่นั้น เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงเป็นพิเศษ ยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเท่าไร แต่ยืนยันคุณพ่อปรับตัวได้ดี
ปัดคุยเรื่องโหวตหน.พรรคเพื่อไทย
ส่วนวันพรุ่งนี้(31ต.ค.)จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ได้มีพูดคุยกับนายทักษิณหรือไม่นั้น เรื่องนี้ไม่ได้พูดคุยกันเลย เราเพียงมาเยี่ยมคุณพ่อตามปกติเมื่อถามอีกว่าใกล้จะถึงช่วงเวลาของการเลือกตั้งใหญ่แล้วยังคงสนใจจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ นายณัฐพงษ์ หันมายิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถาม
จากนั้นทั้งคู่ได้เดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทายพูดคุยกับพี่น้องคนเสื้อแดงที่มารอให้กำลังใจโดยเล่าอาการ ความเป็นอยู่ของนายทักษิณให้กับคนเสื้อแดงได้รับฟังด้วยตัวเอง น.ส.พินทองทาบอกว่าท่านปรับตัวได้ ส่วนจะได้กลับบ้านเมื่อไหร่ อาจจะต้องรอก่อนตามระยะเวลา อย่างไรก็ดี นายทักษิณ ได้ฝากขอบคุณคนเสื้อแดงทุกคนที่คอยมาให้กำลังใจเสมอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี