'สุชาติ'ร่วมหารือคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขปัญหาช้างป่า เดินหน้า 5 มาตรการหลักครอบคลุม

'สุชาติ'ร่วมหารือคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขปัญหาช้างป่า เดินหน้า 5 มาตรการหลักครอบคลุม

วันศุกร์ ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 17.24 น.

“รองนายกฯ สุชาติ” ร่วมหารือคณะกรรมาธิการฯ แก้ไขปัญหาช้างป่า เดินหน้า 5 มาตรการหลักครอบคลุม การเยียวยา ปรับปรุงกฎหมาย และควบคุมประชากร

วันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมด้วย นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้การต้อนรับ นายอนันต์ ปรีดาสุทธิจิตต์ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ ณ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมหารือและรับฟังข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ


นายสุชาติ ชมกลิ่น ได้กล่าวเน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาช้างป่าถือเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างสมดุลที่ยั่งยืนระหว่างการอนุรักษ์สัตว์ป่ากับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รัฐบาลให้ความสำคัญกับการบูรณาการงานทุกระดับ ตั้งแต่การวางแผนเชิงพื้นที่ไปจนถึงการผลักดันด้านกฎหมาย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึงและเป็นธรรมที่สุด ปัจจุบันประเทศไทยมีช้างป่าอาศัยอยู่ตามธรรมชาติประมาณ 4,200-4,700 ตัว กระจายอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ 70 แห่ง โดยเฉพาะ 5 กลุ่มป่าที่มีปัญหาอย่างรุนแรง ได้แก่ กลุ่มป่าตะวันตก ตะวันออก ดงพญาเย็น - เขาใหญ่ ภูเขียว - น้ำหนาว และแก่งกระจาน แม้ว่าสถิติในปีงบประมาณ 2564 จะแสดงให้เห็นว่าอัตราการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนลดลง แต่ความเสียหายต่อพืชผลทางการเกษตรและทรัพย์สินยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งแก้ไข

ทั้งนี้ นายสุชาติ ได้มอบหมายให้กรมอุทยานฯ รับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งในระยะเร่งด่วนทางกรมอุทยานฯ ได้เตรียมดำเนินการเชิงรุก โดยการจัดตั้ง ศูนย์ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า และ สำนักอนุรักษ์ช้างป่า เพื่อเป็นกลไกหลักในการวิเคราะห์และกำหนดมาตรการเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมทั้งเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบที่ประกาศใช้ และได้จัดทำแผนปฏิบัติการแห่งชาติ พ.ศ. 2564 – 2572 กำหนด 10 แนวทางหลัก ในการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน การจัดการพื้นที่รองรับและถิ่นอาศัย การยกระดับระบบป้องกันและแจ้งเตือน ไปจนถึงการศึกษาวิจัยและควบคุมประชากรช้างป่า ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการสร้างรูปแบบการจัดการปัญหาช้างป่าที่ยั่งยืน ลดความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างความสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ช้างป่ากับการดำรงชีวิตของชุมชนอย่างเป็นธรรม โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

สำหรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ประกอบด้วย 5 มาตรการสำคัญ ได้แก่ 

1) การเร่งรัด และกระชับขั้นตอนในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ตามระเบียบกรมอุทยานฯ ว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาจากงบกลาง พ.ศ. 2568 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ 

2) พัฒนาพื้นที่ที่มีช้างป่าให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยการพัฒนาพื้นที่ ปรับทัศนียภาพ และระบบสาธารณูปโภคให้เหมาะสมต่อการเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบชมสัตว์ป่าในธรรมชาติ (Safari)

3) เสนอร่างการรับบริจาคเงินเพื่อการลดหย่อนภาษีเงินได้ สร้างแหล่งเงินทุนที่ยั่งยืน ในส่วนของช้างป่า และขอให้ ทส. พิจารณาประสานงาน หารือความเป็นไปได้ในการเสนอร่างรับบริจาคเงิน (ช้างพาหนะหรือช้างบ้าน) เพื่อให้สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ เป็นแนวทางเดียวกัน

4) ศึกษารูปแบบ Barrier ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อการป้องกันช้างป่าออกนอกพื้นที่ ซึ่งเบื้องต้นได้เสนอ Barrier ของกรมทางหลวงไว้

5) เห็นควรเร่งรัดดำเนินการ ศึกษา ติดตามผลประสิทธิภาพของวัคซีนควบคุมประชากรช้างป่า

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top