‘จุลพันธ์’ผงาด หัวหน้า‘เพื่อไทย’คนใหม่ โวนำพรรคชนะเลือกตั้ง

‘จุลพันธ์’ผงาด หัวหน้า‘เพื่อไทย’คนใหม่ โวนำพรรคชนะเลือกตั้ง

วันเสาร์ ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘จุลพันธ์’ผงาด

หัวหน้า‘เพื่อไทย’คนใหม่

โวนำพรรคชนะเลือกตั้ง

นายกฯ”เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก รอบที่ 1 (Session I) ผลักดันเอเปกที่เปิดกว้าง ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และมุ่งสู่อนาคต ชูจุดเด่นไทยเป็น “สะพาน”การค้า-การลงทุน ความเชื่อมโยงภูมิภาค พร้อมเสนอให้เอเปกยังคงรักษาเรื่องการเปิดกว้างของตลาด การขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน มติ “พท.”โหวต“จุลพันธ์”หัวหน้าพรรคคนใหม่เสียงท่วมท้น354คะแนน ขณะที่’ประเสริฐ’นั่งเลขาธิการพรรค’ศึกษิษฏ์’โฆษก’จุลพันธ์’รับตำแหน่งหัวหน้า ลั่นไปสู่ชัยชนะเป็นรัฐบาลหลังลต.เชื่อปชช.ยังสนับสนุน

เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 31ตุลาคม2568 ที่ห้อง300C ศูนย์ประชุม Hwabaek International Convention Centre (HICO) เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 32 รอบที่1 (The 32nd APEC Economic Leaders’ Meeting – Session I) ภายใต้หัวข้อ “Towards a More Connected, Resilient Region and Beyond” พร้อมกล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม โดยกล่าวอ้างถึงถ้อยคำของผู้อำนวยการIMF ที่ระบุว่า “ความไม่แน่นอนคือความปกติใหม่” ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ในยุคที่โลกเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน “ความร่วมมือไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็น” พร้อมย้ำว่า เอเปคต้องคงไว้ซึ่งความเปิดกว้าง การมีส่วนร่วม และมุ่งสู่อนาคต เพื่อสร้างภูมิภาคที่มีความเข้มแข็งและยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น การค้าเสรีและตลาดที่เชื่อมโยงกัน คือรากฐานของความมั่งคั่งที่ยั่งยืน ไทยสนับสนุนกรอบความร่วมมือที่ทันสมัย ครอบคลุม และตั้งอยู่บนกติกาสากล เพื่อให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจ MSMEs ให้ได้รับประโยชน์จากการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค


อนุทิน’โชว์วิชั่นศก.บนเวทีเอเปค

ขณะเดียวกัน การลงทุนควรเป็นแรงขับเคลื่อนทั้งด้านนวัตกรรมและความยั่งยืน โดยไทยได้ดำเนินโครงการ Thailand FastPassเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนคุณภาพในสาขาพลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้การเติบโตในวันนี้ช่วยรักษาโลกให้คนรุ่นต่อไปภาคเอกชนคือกำลังหลักในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่อนาคต โดยการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ การเสริมสร้างทักษะด้านดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการปรับมาตรฐานดิจิทัลให้สอดคล้องกัน จะช่วยให้การค้าระหว่างเขตเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ไทยได้รับแรงบันดาลใจจากความร่วมมือในกรอบเอเปค และได้เริ่มกระบวนการเข้าสู่การเป็นสมาชิก OECD เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการยึดมั่นต่อมาตรฐานสากลและความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจ ไทยยังมุ่งขยายความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจนอกภูมิภาค โดยในปีนี้ ไทยและจีนจะร่วมเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดความร่วมมือล้านช้าง–แม่โขง และในปีหน้า ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือเอเชียและการประชุมประจำปีของIMFและธนาคารโลก

“การประชุมเหล่านี้จะเป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างสมาชิกเอเปคและนอกเอเปค เพื่อร่วมกันรับมือกับความท้าทายและเปิดโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ เอเปคสามารถร่วมกันสร้างภูมิภาคที่เชื่อมโยง เข้มแข็ง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น เพื่อประชาชนในวันนี้และคนรุ่นต่อไปในอนาคต” นายกรัฐมนตรีกล่าว

ชูไทยสะพานการค้า-การลงทุนภูมิภาค

เวลา 12.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นเมืองคยองจู ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 2 ชั่วโมง) ณ ห้อง 300A ศูนย์ประชุม Hwabaek International Convention (HICO) ชั้น 3เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC Dialogue with APEC Economic Leaders) โดยเป็นผู้แทน ABAC จากชิลี บรูไน จีน และมาเลเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางส่งเสริมศักยภาพของไทยด้านเศรษฐกิจ และบทบาทของเอเปคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ในหัวข้อเรื่อง“ศักยภาพของไทยในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และความเชื่อมโยงในภูมิภาค” นายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลงเสนอ 3แนวทาง ดังนี้ 1.การเสริมสร้างความเชื่อมโยงระดับภูมิภาค (Enhancing Regional Connectivity) โดยไทยตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคเอเชีย จึงเป็น “สะพาน” เชื่อมโยงเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และอาเซียน ทำให้ไทยมีศักยภาพเป็นศูนย์กลางด้านการค้า โลจิสติกส์ และการลงทุน 2.การลงทุนเพื่ออนาคต (Investing in the Future) ภายใต้นโยบาย Quick Big Win ที่มุ่งเน้นการดำเนินการระยะสั้นเพื่อผลลัพธ์ระยะยาว ไทยส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) เซมิคอนดักเตอร์ชีวเทคโนโลยี และปัญญาประดิษฐ์ (AI) พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีและสตาร์ทอัพ ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพและการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีความครอบคลุมและเป็นธรรมสำหรับทุกคน 3.การขับเคลื่อนการเติบโตสีเขียวและยั่งยืน (Driving Green and Sustainable Growth) โดยภายใต้เป้าหมายกรุงเทพฯ หรือ Bangkok Goals on the Bio-Circular-Green Economy ไทยเป็นผู้นำในการผลักดันอุตสาหกรรมสีเขียว การลงทุนตามหลัก ESG และการเงินที่มีความรับผิดชอบ พร้อมขอบคุณสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปคที่ให้คำมั่นสนับสนุนแนวทางดังกล่าว

โอกาสนี้ ทาง ABAC ยังสอบถามถึงได้แนวทางที่เอเปคควรดำเนินการท่ามกลางความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ เพื่อสร้างภูมิภาคที่ยั่งยืน มีความพร้อมต่ออนาคต และสามารถคาดการณ์ได้

โดยนายกรัฐมนตรีเสนอว่า จุดแข็งของเอเปคอยู่ที่ความครอบคลุมและลักษณะความร่วมมือโดยไม่ผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ทดลองแนวคิดใหม่ ๆ สร้างความไว้วางใจ และเปลี่ยนศักยภาพให้เป็นโอกาสแห่งความร่วมมือ พร้อมเสนอให้เอเปคมุ่งเน้น 3ประเด็นสำคัญ ได้แก่ รักษาการเปิดกว้างของตลาด การขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในช่วงที่แนวโน้มกีดกันทางการค้าและความตึงเครียดทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เอเปคควรยึดมั่นในระบบพหุภาคีและกลไกการค้าเสรีบนพื้นฐานของกติกา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่มีบทบาทสำคัญในการใช้ศักยภาพเพื่อสร้างความไว้วางใจและส่งเสริมความร่วมมือ แทนที่จะสร้างความแบ่งแยก

เชียร์’จีน’เป็นเจ้าภาพเอเปคสมันหน้า

นอกจากนี้ เอเปคจำเป็นต้องเตรียมภูมิภาคให้พร้อมต่ออนาคต ผ่านการส่งเสริมการเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดิจิทัล และครอบคลุม โดยยึดตามวิสัยทัศย์Putrajaya 2040 และเป้าหมายกรุงเทพฯ (Bangkok Goals) ควบคู่กับการลงทุนในพลังงานสะอาด การปรับตัวสู่ดิจิทัล และการสร้างห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากระบบการเงินที่สอดคล้องกับหลัก ESG พร้อมเน้นย้ำว่า ความร่วมมือกับภาคเอกชนมีความสำคัญมาก หวังว่า ABAC จะยังคงแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ในตอนท้าย นายกฯกล่าวสนับสนุนการเจ้าภาพเอเปคในปีหน้าของจีนอย่างเต็มที่ โดยเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือ เสถียรภาพ และโอกาสใหม่ให้กับภูมิภาค พร้อมทิ้งท้ายว่า “เอเปคจะทำงานได้ดีที่สุด เมื่อสร้างสะพานแห่งความร่วมมือ ไม่ใช่กำแพงแห่งความแตกแยก และเอเปคได้ร่วมกันเปลี่ยนความท้าทายให้เป็นความก้าวหน้าร่วมกัน” นายกรัฐมนตรีกล่าว

วราเทพ’หวนคืนถิ่นพท.ประชุมใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า มีการจัดประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุมใหม่ หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลาออกจากหัวหน้าพรรค บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก บรรดาแกนนำและสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางมาเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ น.ส.แพทองธาร , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกฯ และรมว.คมนาคม ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย , นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯ และรมว.มหาดไทย , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีตรองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม,นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.สาธารณสุข,นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรมช.คลัง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การประชุมวันนี้ นายวราเทพ รัตนากร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกฯ ในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ย้ายไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ได้เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทยในวันนี้ด้วย โดย นายวราเทพ กล่าวว่า วันนี้มาทักทายและพบกับผู้ใหญ่ในพรรค ซึ่งไม่ได้มาเข้าร่วมประชุม โดยจะนัดหมายเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคอีกครั้ง ปัจจุบันมี สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ อยู่กับตน 2 คน และตนได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แล้ว

มติพท.โหวต‘จุลพันธ์’หัวหน้าคนใหม่

ต่อมา มีรายงานว่า ที่ประชุมพรรคได้โหวตให้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) คนใหม่ โดยได้คะแนน 354คะแนน จากมีผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 369คนและมีผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 15คน ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ได้เป็นเลขาธิการพรรค และนายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ เป็นโฆษกพรรค

เปิดรายชื่อกก.บห.ไม่มี’สุริยะ-สมศักดิ์’

สำหรับรายชื่อ กก.บห.29คน ดังนี้ 1.นายจุลพันธ์ 2.รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค3.นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค 4.นางมนพร เจริญศรี รองหัวหน้าพรรค5.นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองหัวหน้าพรรค 6.นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รองหัวหน้าพรรค 7.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค 8.นายจักรพงษ์ แสงมณี รองหัวหน้าพรรค9.นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค 10.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรค11.นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล รองหัวหน้าพรรค 12.นายก่อแก้ว พิกุลทอง รองหัวหน้าพรรค13.นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค 14.นายจเด็ศจันทรา รองหัวหน้าพรรค 15.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค 16.นางสาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค 17.นายจิรวัฒน์ศิริพานิชย์ รองเลขาธิการพรรค 18.นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการพรรค 19.นางสาวขัตติยา สวัสดิผล รองเลขาธิการพรรค20.นางสาวปิยรัฐชย์ ติยะไพรัช รองเลขาธิการพรรค 21.นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค 22.นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ นายทะเบียนสมาชิกพรรค 23.นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรค 24.นายดนุพร ปุณณกันต์ กรรมการบริหาร 25.นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด กรรมการบริหาร 26.รศ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ กรรมการบริหาร 27.นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ กรรมการบริหาร 28.นายวรวงศ์ วรปัญญา กรรมการบริหาร 29.นายวิพุธ ศรีวะอุไร กรรมการบริหาร เป็นที่น่าสังเกตว่า ในรายชื่อ กก.บห.ไม่มีชื่อนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและนายสมศักดิ์ เทพสุทิน

เชื่อ10ล้านคนหนุนตั้งรบ.หลังลต.

จากนั้น นายจุลพันธ์ ได้แสดงวิสัยทัศน์ หลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคว่า วันนี้ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ขอกราบขอบพระคุณที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับพวกเราในการเข้ามาขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทย เป็นความภาคภูมิใจอย่างสูงสุดของพวกตนที่ได้มีโอกาสเข้ามาปฎิบัติหน้าที่ แนวทางของพรรคในวันนี้ เราพร้อมที่จะยกเครื่อง อย่างแรกเลยคือเรื่องของการสื่อสารกับประชาชนต้องรวดเร็ว และตรงถึงประชาชนอย่างทันท่วงที ในส่วนของผู้สมัคร เราจะคัดผู้สมัครเข้าสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ให้เป็นผู้สมัครซึ่งมีคุณภาพตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน ในส่วนของนโยบาย ต้องเป็นนโยบายที่ถูกใจ ตอบโจทย์กับพี่น้องประชาชนได้ วันนี้เรากำลังเดินหน้าในภารกิจเหล่านั้นอยู่ นี่ไม่ใช่ภารกิจที่ง่ายเลย แต่ตนไม่ได้อยู่คนเดียว ตนมีพวกเราทุกคนเป็นกำลัง เชื่อมั่นว่าเรามีประชาชนนับ 10 ล้านคนที่จะคอยเป็นกำลังผลักดันให้กับพรรคเพื่อไทยในการเดินหน้า ในการนำพาพรรคเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง และเป็นรัฐบาลในครั้งถัดไปให้ได้ ตนขอกำลังจากพวกเราทุกคนร่วมมือร่วมใจ ที่สำคัญที่สุดเชื่อมั่นในพรรคเพื่อไทย เชื่อมั่นในแนวทางที่เรายึดมั่น และเราจะนำพาและประเทศไทยไปสู่ความสำเร็จและอนาคตที่สดใสต่อไป

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top