วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
'สกลธี'โพสต์ร่ายยาว ถามแทนใจคนกรุงฯ เมื่อไหร่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะ 25-30 บาท!?
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2568 นายสกลธี ภัททิยกุล รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "อ่าวเฮ้ยยยยย…ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หว่า ขอทวงถามในฐานะคนกรุงเทพฯ ครับว่าเมื่อไหร่ ค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะ 25-30 บาท????????
สัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 ข่าวที่กระทบกับพี่น้องชาวกรุงเทพฯ ตรงๆ ปังๆ แต่อาจจะไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก เพราะข่าวเรื่องอื่นร้อนแรงกว่า แต่อยากจะสรุปคร่าวๆ ให้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ ได้รับรู้รับทราบ ดังนี้ครับ
1. BTS ปรับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตามประกาศของกรุงเทพมหานคร (กำหนดโดยกรุงเทพมหานคร = ผู้ว่าฯ กทม. ต้องเห็นชอบ)
เอาเป็นว่าถ้าเราไม่ใช่นักเรียน นักศึกษาหรือผู้สูงอายุ เราจะต้องจ่ายค่าโดยสารเอาแค่เฉพาะส่วนต่อขยาย หมอชิต - คูคต / อ่อนนุช - เคหะฯ / วงเวียนใหญ่ - บางหว้า จากเดิมที่ต้องจ่าย 15 บาทตลอดสาย (เฉพาะส่วนต่อขยาย) ต้องจ่าย 17-45 บาท…แม่เจ้า แต่ถ้าเรานั่งข้ามสายจะจ่ายรวมกันทั้งสายไม่เกิน 65 บาท
2. กรุงเทพมหานคร ได้ชำระหนี้ที่มีต่อ BTS หมดสิ้นแล้วโดยแบ่งจ่ายเป็นสามงวด งวดสุดท้ายเพิ่งจ่ายไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ยอดรวม 74,232 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินต้น 62,451 ล้านนบาท ดอกเบี้ย 11,781 ล้านบาท โดยเป็นทั้งค่าก่อสร้าง ค่าระบบอาณัติสัญญาณ ค่าจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุงรักษา ฯลฯ
รายละเอียดจำแนกเป็นส่วนๆ สามารถหาอ่านได้ใน Facebook ของพี่สามารถ ราชพลสิทธิ์ครับ ท่านนี้ก็เป็นกูรูเรื่องรถไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของไทยครับ ( ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ)
ต่อจากนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากจะแชร์นะครับ เบื้องต้นต้องพูดถึงจุดยืนของผมในเรื่องนี้ก่อนว่าส่วนตัวผมเห็นด้วยที่จะทำราคาขนส่งสาธารณะให้ถูกลง เพราะจะช่วยส่งเสริมให้คนใช้มากขึ้นมีผลกับการจราจรบนท้องถนน และยังเป็นการช่วยลดค่าของชีพของพี่น้องประชาชน…แต่ต้องไม่ไม่เป็นภาระและเอาเงินงบประมาณของส่วนอื่นไปอุดหนุนมากจนเกินไป การลดราคาควรจะสะท้อนค่าใช้จ่ายจริง โดยอาจจะใช้การเจรจากับผู้ถือสัมปทาน หรือการซื้อคืนสัมปทานกลับมาเป็นของรัฐโดยจ่ายยอดครั้งเดียวและกำหนดราคาใหม่เลย
เรื่องราคาค่าโดยสารถ้าจำกันได้ ท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติเคยหาเสียงเอาไว้ว่าจะลดราคาค่าโดยสารไฟฟ้าทันทีให้เหลือ 25-30 บาท (ถ้าผมจำไม่ผิดเป็นรายการดีเบตโค้งสุดท้ายของช่อง 3) แต่เมื่อได้รับตำแหน่งผู้ว่าฯ โดนสื่อมวลชนกดดันก็เปลี่ยนเป็นว่าราคานั้นแต่เป็นค่าเฉลี่ยประมาณ 8-11 สถานี ผมจำได้ว่าผมยังพูดเลยว่าค่าแรกเข้าเริ่มต้นก็ 16 บาทแล้ว ราคานั้นไม่น่าทำได้หรอกครับ ถ้าวิ่งยาวสุดสายระยะทางเกือบ 70 กิโลเมตร จะไปลดเหลือ 25-30 บาทได้อย่างไร เต็มที่เหลือ 50 บาท ยังขาดทุน
มาวันนี้ เริ่ม 1 พ.ย. 68 เอาแค่สีเขียวส่วนต่อขยายก็ 17-45 บาทแล้วครับ นี่ยังไม่นับสีเขียวส่วนกลางนะครับ อันนี้คงผลักภาระไปให้ทาง BTS ไม่ได้นะครับ เพราะการที่จะขึ้นราคาส่วนต่อขยายได้ทางกรุงเทพมหานคร = ผู้ว่าฯ กทม. ต้องเห็นชอบและประกาศให้ขึ้นครับ
อีกเรื่องคือการชำระหนี้ BTS 70,000 กว่าล้านบาท ก็ต้องชื่นชมท่านผู้ว่าฯ ส่วนหนึ่งครับที่ชำระหนี้จนหมด แต่ถ้าไปดูไส้ในและกำหนดระยะเวลาการชำระ ถ้าทำเร็วกว่านี้ โดยไม่รอให้เข้าสู่ปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม. จะประหยัดเงินงบประมาณสะสมจ่ายขาดที่นำมาจ่าย เอาแค่เลขกลมๆ นะครับ น่าจะไปถึงประมาณ 20,000 - 30,000 ล้านบาทได้เลยครับ (ตัวเลขอาจจะไม่แม่นเป๊ะนะครับ แต่น่าจะประมาณนี้ครับ)
โดยตัวเลขด้านบนตัดเฉพาะมาจากการเดินรถอย่างต่อเนื่องมาตลอดสามปีกว่า + ดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายต่างๆ ในสมัยของท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ โดยจะเห็นได้ว่าในส่วนนี้สามารถนำไปสร้างรถไฟฟ้าได้อีกหนึ่งสายในกรุงเทพมหานครเลยนะครับ เห็นตัวเลขก็ได้แต่เสียดาย…เสียดายเงินที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ได้อีกเยอะมากๆ
และผมอยากตั้งคำถามแทนคนกรุงเทพฯ ว่าค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะมีโอกาสเป็น 25-30 บาท เหมือนตอนท่านผู้ว่าฯ หาเสียงไหมครับ??? เพราะตอนนี้แค่ส่วนต่อขยายก็ 17-45 บาทแล้วครับ
ป.ล. ตัวเลขอาจจะไม่ตรงเป๊ะนะครับแต่ก็ไม่หนีที่เขียนเอาไว้ครับน่าจะต้องได้เห็นเอกสารละเอียดจึงจะคำนวณได้ตรงมากกว่านี้ #ค่าโดยสารขนส่งสาธารณะต้องถูกและไม่เป็นภาระกับงบประมาณ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี