วันพุธ ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
"อนุทิน" เผยเป็นคนขอให้ ‘วรภัค’ลาออก รมช.คลัง หลังถูกข้อครหา ยัน ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ใช้กลไกรัฐจัดการคู่แข่งการเมือง ประเทศอารยะไม่ทำกัน ชี้ ลงนามสันติภาพ หวังหยุดสงคราม ลั่น ไม่มีวันเสียดินแดน-อธิปไตย
วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.10 น. ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แสดงวิสัยทัศน์ในงาน
THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่” ในรูปแบบการสัมภาษณ์ โดยผู้ดำเนินรายการถามถามถึงกระแสข่าวอดีต รมช.คลัง มีเกี่ยวข้องกับเรื่องสแกมเมอร์
นายกฯ กล่าวว่า ท่านถูกครหา แต่ยังไม่ถูกกล่าวหา และยังไม่ได้มีหลักฐานใดๆและไม่มีหน่วยงานไหนทั้งไทยและต่างประเทศที่ดำเนินคดีกับท่าน แต่เมื่อมีข่าวออกมาเรื่อยๆ ตนก็ต้องเรียนท่านตรงๆ ว่าตนนี่แหละเป็นคนไปบอกให้ท่านลาออก ซึ่งท่านก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อะไรที่มันพอถูกครหาหาขึ้นมาแล้ว ท่านอยู่ในกระทรวงที่เรากำลังต้องใช้กลไกของกระทรวงไปปราบปรามสิ่งเหล่านี้ ท่านก็แสดงสปิริตทันทีและเรื่องของการดำเนินการอะไรต่างๆมันไม่มีทางพ้นไปจากหน่วยงานที่เขากำลังดำเนินการ ถ้าท่านไม่ผิดก็คือไม่ผิด จะไปบอกผิดไม่ได้ การใช้กฎหมายในรัฐบาลของตนมุ่งเน้นไปที่พฤติกรรมรูปคดี ไม่ใช่ไปบอกเกลียดคนนี้ ไม่ชอบคนนี้ เดี๋ยวคนนี้มาเป็นคู่แข่งทางการเมือง ต้องพยายามเอาเขาออกให้ได้ เหมือนที่พวกตนเคยโดนมา ความจริงมาตรงนี้คนก็จะไปบอกว่าตนจะย้อนรอยหรือเปล่า ไม่มีเลย และตนคิดว่าสิ่งที่มันเคยเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่เขาพยายามใช้กลไกของรัฐกำจัดคู่แข่งทางการเมือง หรือมากีดกันกล่าวหาเพื่อให้เกิดความเสียหาย มันเป็นสิ่งที่ประเทศอารยะเขาไม่ทำกัน และปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจะเกิดเป็นกงกรรมไม่จบไม่สิ้น นักการเมืองทะเลาะกันใช้กลไกรัฐกลั่นแกล้งกัน คนที่เดือดร้อนคือประเทศและประชาชน ซึ่งคนจะเป็นนักการเมืองต้องไม่ทำเช่นนั้น และตนก็ไม่ทำเช่นนั้น
“ผมแสดงให้เห็นแล้วว่าวันนี้รัฐบาลนี้ ถ้าไม่ใช่ 4 เดือน ไม่นับเวลาของมัน ผมว่าอำนาจมากที่สุดตั้งแต่มีรัฐบาลมาในรอบ 20 ถึง 30 ปี นายกฯเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยกำกับดูแลกระทรวงสำคัญทุกกระทรวง และกำกับดูแลหน่วยงานสำคัญทุกกระทรวง ถ้าผมเจ้าคิดเจ้าแค้นสนุกเลยเดือนหนึ่งก็ทำได้แล้ว อย่าว่าแต่ 4 เดือนเลย แทนที่ผมจะเจ้าคิดเจ้าแค้น ผมก็คิดว่าสิ่งเหล่านี้ต้องเปลี่ยน”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกถึงเรื่องที่เดินทางไปลงนามสันติภาพ ที่ประเทศมาเลเซีย วัตถุประสงค์ที่ตนเต็มใจไปลงนาม ตนไปเพื่อหยุดสงคราม ตนเป็นนายกฯตนนำประเทศนำประเทศให้มีสงครามไม่ได้ หน้าที่ของนายกฯ คือต้องทำให้ประเทศสงบสุข แต่หลายประเทศสงครามคือของหอมหวาน แต่สำหรับประเทศไทยเราอย่ามีสงครามดีกว่า เพราะเราเป็นประเทศที่เราเป็นตัวของเราเอง มีเอกลักษณ์ของเรามาโดยตลอด การที่เราเป็นตัวของเราเองเป็นเอกราช เป็นที่น่าเกรงขามของอริราชศัตรูทั้งหลายตนไปเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม ไปร่วมงานเพื่อให้มั่นใจได้เลยว่าประเทศไทยไม่มีวันเสียดินแดนและไม่มีวันเสียธิปไตย ในการลงนามเขียนอย่างชัดเจนว่าอะไรเป็นของไทย ไม่มีจุดไหนที่เรายอมแลกตรงนั้น ตรงนี้เพื่อวัตถุประสงค์นั้น วัตถุประสงค์นี้ แต่ไปเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนคนไทย และตนไปเพื่อให้เขาเห็นว่าอย่าได้คิดรุกรานประเทศไทย คุณจะคิดผิดมากถ้าคิดว่าประเทศไทยเป็นที่ที่คุณรุกรานได้ ซึ่งมั่นใจว่าถ้าข้อความของตนทั้ง 4 ข้อได้ถูกส่งไปยังคู่กรณีมีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง และประธานของกลุ่มภาคสมาชิกอาเซียนร่วมเป็นสักขีพยานและประธานาธิบดีสหรัฐสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าถือว่าเป็นตัวแทนประชาคมร่วมโลกร่วมเป็นพยาน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความมั่นใจได้ ประเทศไทยจะไม่มีสงคราม ถ้าทุกอย่างได้ถูกปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงที่เราได้ตกลงกันไว้
นายกฯ กล่าวอีกว่า ย้ำว่าเรามีความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี โดยไม่มีช่องว่าง เพราะว่าประเทศของเราอยู่ตรงกลาง หากมีการสู้รบกันมีปัญหากัน การค้า การขายตนเข้าใจและตนฟังประชาชน แต่ต้องหาวิธีแก้แก้ไขปัญหาเรื่องการค้าขายตลอดแนว ย้ำว่าเราไม่เป็นเบี้ยล่างคู่กรณี และศัตรู ตนตนต้องคิดว่ามันจะอยู่อย่างนี้อีก 10 ปี 20 ปีหรือ 30 ปีได้ไหมจะอยู่ไปเพื่ออะไร มันไม่ได้ ถ้ามันมีช่องทางอื่นที่ทำให้ดีกว่าให้เราไม่เสียหายอะไรเลยตนก็จะทำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี