วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ไม่เคยตามเขมร
นายกฯย้ำลงนามเพื่อหยุดสงคราม
“อนุทิน”เมิน ไม่ได้อ่าน“ฮุนเซน”โพสต์ไม่สลด“ปิดด่าน 500 ปี เขมรก็ไม่ตาย” ลั่นไม่เคยตามเขมร ไล่ไปอ่านปฏิญญาสันติภาพ ลั่นลงนามปฏิญญาไทย-กัมพูชา“เพื่อหยุดสงคราม” ย้ำต้องทำให้ประเทศมีความสงบสุข ยันไทยไม่เสียอธิปไตย-ดินแดน เตือนกัมพูชา อย่าคิดรุกราน ยึด4ข้อตกลง ย้ำเปิดด่าน ต้องฟังเสียงประชาชน
เมื่อเวลา 09.10 น.วันที่ 5 พ.ย.68 ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย แสดงวิสัยทัศน์ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่” ในรูปแบบการสัมภาษณ์
นายกฯไม่ได้อ่าน‘ฮุน เซน’โพสต์ปิดด่าน
โดยให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาโพสต์เฟซบุ๊กว่าไม่เคยขอให้ใครเปิดด่าน จะปิด 100 ปี หรือ 500 ปีก็เป็นเรื่องของไทย ไม่ทำให้กัมพูชาตาย นายกรัฐมนตรีตอบเพียงว่า“ผมยังไม่ได้อ่าน” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าสมเด็จฮุน เซนบอกว่ากัมพูชาไม่ได้อ่อนข้อในการไปลงนามในคำประกาศที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพ ระหว่างไทยและกัมพูชานั้น นายอนุทิน ตอบยิ้มและพยักหน้า
ไม่เคยตามเขมร/ไล่อ่านปฏิญญาสันติภาพ
ส่วนท่าทีแข็งก้าวของสมเด็จฮุน เซนจะกระทบต่อการสร้างสันติภาพชายแดนไทยกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ ตอบย้ำว่า ยังไม่ได้อ่าน ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามองอย่างไรที่ผู้นำของกัมพูชามักจะโพสต์ข้อความผ่านโลกโซเชียลซึ่งอาจถูกมองว่าเราเป็นฝ่ายตามเขาตลอด นายกฯกล่าวว่า“ทุกคนก็มีสไตล์การทำงานของเขา ใครบอกตาม ขอให้ไปอ่าน Joint declaration (ปฏิญญา เพื่อนำไปสู่สันติภาพไทย - กัมพูชา) มีตรงไหนที่ตาม”
ลั่นลงนามเพื่อไม่ให้หยุดสงคราม
นายอนุทินยังกล่าวถึงการลงนามร่วมกับกัมพูชาโดยมีผู้นำมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นสักขีพยานว่า เรื่องนี้นานาจิตตังต่างคนต่างความคิด แต่ผม อยากใช้โอกาสในเวทีนี้ฝากไปถึงประชาชนการที่ประเทศไทยได้ลงนามในปฏิญญา( joint declaration)วัตถุประสงค์ที่ตนเต็มใจไปเซ็นลงนามและตัดสินใจว่าถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องลงนาม คือ เพื่อหยุดสงคราม
“ผมเป็นนายกรัฐมนตรีนำประเทศไปให้มีสงครามไม่ได้ หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคือต้องทำให้ประเทศมีความสงบสุข หลายประเทศสงคราม คือ สิ่งหอมหวาน ถ้าเป็นผู้นำและนำประเทศเข้าสู่สงคราม บางทีก็ได้รับความนิยมด้วย แต่ ผมคิดว่าสำหรับประเทศไทย เราอย่ามีสงครามดีกว่า เพราะเป็นประเทศที่เป็นตัวของเราเองมีเอกราชของเรามาโดยตลอด ซึ่งเป็นที่น่าเกรงขามของอริราชศัตรูทั้งหลายอยู่แล้ว ผมไปลงนามเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม”
ยันไทยไม่เสียดินแดน เสียอธิปไตย
นายกฯกล่าวอีกว่า มั่นใจได้เลยว่าประเทศไทย จะไม่มีวันเสียดินแดน ไม่มีวันเสียอธิปไตย เพราะในปฏิญญาเขียนชัดเจนว่า อะไรที่เป็นของใครก็เป็นของใคร ไม่มีจุดไหนที่บอกว่าเรายอมแลกพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ตนไปเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
เตือนกัมพูชา อย่าคิดรุกรานไทย
นายกฯกล่าวย้ำว่า ไปเพื่อให้เขาเห็นว่า อย่าได้คิดอย่ารุกรานประเทศไทย คุณจะคิดผิดมาก ถ้าคิดว่าประเทศไทยรุกรานได้ และตนก็มั่นใจว่า ข้อความของตนใน 4 ข้อนี้ได้ถูกส่งไปยังคู่กรณีด้วยความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง มีประธานกลุ่มสมาชิกอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานและประธานาธิบดีสหรัฐ ถือเป็นตัวแทนประชาคมโลกร่วมเป็นพยาน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความมั่นใจได้เลยว่าประเทศไทยจะไม่มีสงคราม ถ้าทุกอย่างถูกปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้
เมื่อถามว่าหากมองไปในข้อตกลงดังกล่าวสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าผลลัพธ์ที่จะเป็นรูปธรรมอย่างเช่นการทำประชามติ MOU 2543- 2544 ที่จะเกิดขึ้น มองเป้าหมายเรื่องนี้อย่างไร นายอนุทินระบุว่ามันคนละเรื่องกันเรื่องปฏิญญาเป็นเรื่องการยุติ มันไม่ใช่สัญญาสันติภาพสัญญาสงบศึก แต่เป็นประตูแรก ที่จะนำไปสู่สันติภาพซึ่งยังไงก็ควรจะต้องมีสันติภาพในวันหนึ่ง เพราะเราอยู่ตรงกลาง เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ และไม่อยากมีช่องว่างเพื่อให้วงกลมนั้นครบ ถ้าวงกลมมันขาด ก็ทำให้เราขับเคลื่อนสิ่งที่เกิดประโยชน์สูงสูดประเทศไม่ได้ หากยังสู้รบกัน
ย้ำเปิดด่านชายแดน ต้องฟังเสียงปชช.
ขณะที่การค้าขายชายแดน ตนเข้าใจและฟังพี่น้องประชาชนเสมอ แต่ต้องหาทางแก้ปัญหาให้เขาด้วย มูลค่าการค้าขายชายแดนไทยกัมพูชาต่อปีถึง 170,000 ล้านบาท ประเทศไทยขายให้กัมพูชา 140,000 ล้านบาท เราซื้อกัมพูชาแค่ 30,000 ล้านบาท เราเสียหายมากกว่า แต่หากว่าไปบอกว่าเราเสียหายมากกว่าจะยอมตรงนั้น ตนก็ไม่ยอม แต่เราฟังเสียงประชาชน เราจะต้องไม่เป็นเบี้ยล่างคู่กรณี หรือศัตรูแต่ก็คิดว่าเราจะอยู่อย่างนี้อีก 10 20 ปีหรือ 30ปีได้ หรือไม่เพื่ออะไร ถ้ามีช่องทางอื่นที่ทำให้เราตอบได้ว่าเราไม่ได้เสียหายอะไรเลย ทุกอย่างฝ่ายคู่กรณีต้องปฏิบัติไม่มีอะไรที่ฝ่ายไทยต้องปฏิบัติ ตนจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้แฟร์ดี ที่จะนำไปสู่หนทางการพัฒนาฟื้นฟู สิ่งที่เราได้เสียหายให้กลับมาให้ดีที่สุด
กองทัพเรือยึดมั่นตามข้อตกลงGBC
พลเรือเอก ธาดาวุธ ทัดพิทักษ์กุล เสนาธิการทหารเรือ กล่าวถึงความคืบหน้าการก่อสร้างถนนความมั่นคงไปยังบ้าน 3 หลังที่ถูกรื้อไปก่อนหน้านี้ ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ของกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด หรือ กปช.จต.ว่า กองทัพเรือปฏิบัติตามข้อตกลงของคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการปฏิบัติการ และยืนยันว่า หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือ ดำเนินการให้เป็นไปตามข้อตกลงในเวทีจีบีซี เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ที่สุด เช่นเดียวกับการเก็บกู้ทุนระเบิด เพื่อทำพื้นที่ให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งก็มีความคืบหน้าไปเช่นเดียวกัน โดยทำงานร่วมกัน ของหน่วยปฏิบัติการต่าง ๆ ของฝ่ายเรา ซึ่งใช้กลไกการประชุมการประชุมทวิภาคีที่ได้ตกลงกันก่อนหน้านี้ เพื่อประสานงานกัน
ในขณะเดียวกันของฝ่ายกัมพูชา หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ก็มีการพูดคุยประสานงานงานกันอยู่แล้ว ในขณะที่การสร้างรั้วชายแดนที่จะเริ่มต้นในพื้นที่ของ กปช.จต.ก่อน ก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งในส่วนของกองทัพเรือก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามควบคู่ไปกับการปกป้องอธิปไตย ตามข้อตกลงจีบีซี
‘สฤษฎ์พงษ์’นั่ง‘ปธ.กมธ.MOU43-44’
ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ หรือMOU2543 และ2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ได้มีวาระเลือกประธานกมธ.คนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงเนื่องจากนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยลาออก โดยที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้ นายสฤษฎ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย เป็นประธานกมธ.ฯ แทนโดยไม่มีผู้เสนอแข่ง
มทภ.1สั่งซีลชายแดนสระแก้วเข้ม24ชม.
วันเดียวกัน กองทัพภาคที่ 1 โดยกองกำลังบูรพา ยังปฏิบัติภารกิจสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกประเทศผิดกฎหมายทุกรูปแบบ ไปถึงการควบคุมการปิดด่านหรือจุดผ่านแดนทั้งหมด ในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว ทั้งจุดผ่านแดนถาวร 3 แห่ง ได้แก่ ด่านบ้านคลองลึก (อ.อรัญประเทศ), ด่านหนองเอี่ยน(อ.อรัญประเทศ) และด่านบ้านเขาดิน(อ.คลองหาด) ส่วนจุดผ่อนปรนทางการค้า 2 แห่ง คือ ด่านบ้านตาพระยา (อ.ตาพระยา) และด่านบ้านหนองปรือ (อ.อรัญประเทศ)โดยทหารและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยังปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ซึ่งปิดช่องทางผ่านแดนทุกกรณี
นอกจากนี้ หน่วยเฉพาะกิจที่ 11, หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 และหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 ร่วมกับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัดใน อ.ตาพระยา, อ.โคกสูง, อ.อรัญประเทศ และ อ.คลองหาดรวมทั้งจัดชุดลาดตระเวนเฝ้าตรวจ ช่องทางธรรมชาติหรือพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชม. ป้องกันป้องปรามการทำผิดกฎหมายในพื้นที่ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมถึงปัจจุบันมีผลการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย 572 คน แยกเป็นสัญชาติไทย 211 คนสัญชาติกัมพูชา 254 คน และอื่นๆอีก 58 คน
ทั้งนี้ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 กำชับให้ กกล.บูรพาเข้มงวดมาตรการรักษาความมั่นคงชายแดนทุกมิติ ตลอดจนมาตรการควบคุมด่านชายแดนและเฝ้าระวังการลักลอบเข้า-ออกผิดกฎหมาย พร้อมสั่งทุกหน่วยเตรียมความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์อย่างรอบคอบและรัดกุม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี