‘ธรรมนัส’เมินถูกจี้ปลดพ้นรมต. ลุยปราบสแกมเมอร์ เผยนายกฯสั่งจัดการ

‘ธรรมนัส’เมินถูกจี้ปลดพ้นรมต. ลุยปราบสแกมเมอร์ เผยนายกฯสั่งจัดการ

วันเสาร์ ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ธรรมนัสเมินถูกจี้ปลดพ้นรมต.

ลุยปราบสแกมเมอร์

เผยนายกฯสั่งจัดการ

อัจฉริยะจี้ตร.ปิดเว็บ

ธรรมนัส”ไม่สน“โรม” จี้นายกฯปลดพ้นเก้าอี้ รมต. มองเป็นเรื่องธรรมดาของการเมือง ชี้แค่“ฝ่ายค้าน”หาเเสงแจงปิดห้องคุยนายกฯเรื่องเดินหน้าปราบสเเกมเมอร์จริงจัง ลั่น“ใครทำก็ระวังไว้ จะไม่เหลืออะไรติดตัว” ด้าน“อัจฉริยะ”ขีดเส้น ผบ.ตร.ปิดเว็บพนัน ขู่หากไม่ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันอาทิตย์นี้จะนั่งประท้วงกลางถนนหน้า ตร.วันที่10 พ.ย.ยอมรับเดินคู่“บิ๊กโจ๊ก”แฉตำรวจและนักการเมืองกระทำความผิด“จุลพันธ์”ลั่นไม่ต้องเปลี่ยน“รัฐมนตรี”แต่ต้องเปลี่ยน”นายกฯ”เหตุทำงานไม่ตอบโจทย์ปราบสแกมเมอร์ “โฆษกรัฐบาล”โชว์ตัวเลขจับสแกมเมอร์38วัน มูลค่า 3.5 หมื่นล้าน ชี้สถิติครึ่งปีแรกแค่พันกว่าล้าน

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่กระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯได้จี้นายกรัฐมนตรี ให้ปลด ร.อ.ธรรมนัส ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีเนื่องจากอ้างเหตุผลเรื่องความไม่เหมาะสม ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีความเกี่ยวโยงกับแก๊งสแกมเมอร์ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “การเมืองก็เป็นแบบนี้แหละครับ อย่าไปคิดมาก เป็นเรื่องธรรมชาติของการเมือง ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ของเขา เพื่อให้มีความโดดเด่น เพราะไม่สามารถสร้างผลงานในรูปแบบการบริหารจัดการได้ ก็ถือเป็นเรื่องปกติอย่าไปคิดมาก


ส่วนที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ มีการพาดพิงถึง ร.อ.ธรรมนัส ว่าไม่เคยเดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการในที่ประชุมในกรณีข้อพิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแก๊งสแกมเมอร์นั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “ผมว่าผมพูดจบไปหมดแล้ว สังคมยังไม่เข้าใจ ระหว่างสแกมเมอร์กับการกระทำความผิดฟอกเงิน หรือการพนันผิดกฎหมายออนไลน์ ดังนั้น จะต้องแยกแยะ บางครั้งเราเอาไปผสมผสานกันหมด ผมเชื่อว่าเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจัง เมื่อวันก่อนได้นั่งคุยกับท่านนายกรัฐมนตรี ท่านย้ำว่าได้เอาจริงเอาจังกับแก๊งสแกมเมอร์ในเมืองไทย หากใครทำก็พึงระวังไว้ จะไม่เหลืออะไรติดตัว”

เวลา 10.00 น. ที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ออกมาเคลื่อนไหวนั่งริมฟุตบาทหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับนำแผนผังที่ระบุเว็บพนันออนไลน์กว่า 10 เว็บไซต์มาแฉ ว่าหลังจากถูกตำรวจกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ แถลงข่าวปราบปรามแต่ว่าปัจจุบันเว็บไซต์เหล่านี้ก็ยังเปิดบริการปกติ รวมถึงกล่าวหา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) 2 คน พร้อมกล่าวหา พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม โดยแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เหมาะสมไปดำรงตำแหน่งทำเลทอง ส่วนบุคคลที่เหมาะสมกลับถูกโยกย้ายไปทำตำแหน่งหน้าที่นักวิทยาศาสตร์ ทั้งที่เป็นคนปราบปราบเว็บพนัน แต่ปัจจุบันยังใช้บุคคลเหล่านี้ทำงานเว็บพนัน ทั้งที่ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวและไม่ได้มีอำนาจ นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งนอกวาระประจำปีโดยมีการพิจารณานายตำรวจที่ในอดีตถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินคดี (ตม.) และมีคดีใน ตม. ซึ่งเป็นคนใกล้ชิดของผู้มีอำนาจ ส่วนนี้ตนเองมองว่าไม่ยุติธรรมกับข้าราชการตำรวจรายอื่นด้วย

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ผบ.ตร.ไม่ดำเนินการตามพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับสแกมเมอร์ ที่ตนเองเคยนำมามอบให้ตั้งแต่ปี 2567 โดยนำเรื่องดังกล่าวไปแอบซุกไว้ไม่มีความคืบหน้า ทั้งนี้การยื่นเอกสารและเงื่อนไขต่างๆจะต้องได้รับการแก้ไขทั้งหมดภายในภายในวันอาทิตย์ที่ 9 พ.ย. หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในวันจันทร์ที่ 10 พ.ย. ตนเองยืนยันจะมานั่งประท้วงบริเวณหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งแน่นอน

ส่วนกรณีที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธว่าลูกน้องตำรวจไซเบอร์สองนายไม่ได้กลับคำให้การในคดีนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.พรรคกล้าธรรม นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เป็นการโยนความผิดให้พนักงานสอบสวนที่ตายไปแล้วในเรื่องการทำคำให้การที่ไม่ถูกต้อง แต่หากไปดูเอกสารรายละเอียดจะพบว่า คำให้การมีลายเซ็นของลูกน้อง พล.ต.ท.ไตรรงค์ ชัดเจน ซึ่งปัจจุบันตำรวจภูธรภาค 9 ได้ชี้มูล และแจ้งความผิดตำรวจ 2 นาย ในสองข้อกล่าวหาว่ามีการช่วยเหลือนายชนนพัฒฐ์จริง

ส่วนที่มีหลายฝ่ายมองว่าการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ เป็นไทม์ไลน์การออกมาเปิดเผยข้อมูลเดียวกันกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ. ตร. นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เป็นการเดินคู่ ร่วมมือกันทำงาน แต่ไม่ได้เห็นด้วยกับทุกเรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ทำ ตัวเองเนี่ยได้ข้อมูลมาจากตำรวจภาค 8 แต่ไม่รู้ว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ข้อมูลมาจากไหน แต่มีเป้าหมายเดียวกันแน่ชัดคือการปรับตามแก๊งค์สแกมเมอร์ เอาผิดนักการเมืองที่ทำงานสกปรก และเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐคอรัปชั่น รวมถึงอยากให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่กระทำความผิดและมีเส้นทางการเงินไปถึง

นายอัจฉริยะ ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้กลับกลอก แต่ยอมรับว่าสนิทกับตำรวจระดับ ผบ.ตร.แทบทุกคน ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่คลุกคลีกัน จึงรู้ไส้รู้พุงทั้งหมด จึงรู้ว่าภายในองค์กรตำรวจไซเบอร์ทำไม่ดีอะไรไว้บ้าง

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ตัวเองไม่เคยเหมารวมองค์กรตำรวจว่าเป็นอาชญากรประเทศชาติ แต่ระบุเพียงว่ามีตำรวจบางคนประมาณ 20-30% ที่กระทำความผิด จึงอยากให้ดำเนินคดีกับตำรวจกลุ่มนี้ให้เท่าเทียมกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ภายใต้กฎหมายเดียวกัน เนื่องจากตนเองเห็นใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เพราะถูกรังแก

นายอัจฉริยะ ยังฝากเตือนถึงนายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี ว่าให้คัดกรองตำรวจที่อยู่ใกล้ชิดตัวนายอนุทิน ขอให้มีการตรวจสอบพฤติกรรมให้ชัดเจน เพราะอาจทำให้มัวหมองหรือเสื่อมเสียองค์กรตำรวจ เนื่องจากยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์

ที่พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบเรื่องแก๊งสแกมเมอร์กันอย่างเข้มข้น ว่า พรรคเพื่อไทยเคยมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการเรื่องสแกมเมอร์มาก่อน สมัยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอดีตรมว.ดีอี สามารถลดปริมาณสแกมเมอร์ในประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญถึงกว่า 40% แต่หลังจากที่มีการเปลี่ยนรัฐบาล ความเสียหายที่เกิดกับประชาชนเริ่มสูงขึ้น แต่กลับไม่เห็นกระบวนการที่รัฐบาลจะเข้าไปดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม

“ด้วยเหตุนี้ ทางพรรคจึงยังคงติดตามการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และเร่งรัดให้รัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหา พรรคไม่ได้มุ่งเป้าไปที่พรรคใดพรรคหนึ่ง แม้จะเข้าใจว่าข้อเรียกร้องของนายรังสิมัน คือ การเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี แต่พรรคมองว่า ควรเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเอง เนื่องจากกระบวนการทำงานที่ผ่านมาของนายกรัฐมนตรีไม่สามารถตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้”นายจุลพันธ์ กล่าว

เมื่อถามว่าล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาระบุว่ามีอดีตนายกฯออกมาอุ้มแก๊งสแกมเมอร์ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเป็นการกระทบชิงมาที่อดีตนายกฯของพรรคเพื่อไทย หรือว่า ไม่มีอยุ่แล้ว เรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่มี ยืนยันว่าพรรคไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พรรคเพื่อไทยเราจริงจังกับเรื่องเหล่านี้มาก

ท่าอากาศยานทหาร.2.กองบิน 6 (บน.6 ) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินปราบปรามสแกมเมอร์ของรัฐบาล ว่า ตลอดระยะเวลา 38 วันที่ผ่านมา ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล มีรายงานการจับกุมเครือข่ายสแกมเมอร์ เคส ใหญ่ ๆ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งมีมูลค่าเงินหมุนเวียนต่อปี 1.5 หมื่นล้านบาท

“และล่าสุดเมื่อวานนี้(6 พ.ย.) สามารถจับเครือข่ายสแกมเมอร์ได้อีกมีมูลค่าเงินหมุนเวียน 2 หมื่นกว่าล้านบาท เรียกได้ว่าที่ผ่านมาของรัฐบาล สามารถจับกุมได้ถึง 3.5 หมื่นล้านบาท”

เมื่อถามว่า หากเทียบสถิติปีที่ผ่านมาก่อนรัฐบาลนี้เข้ารับตําแหน่ง จับสแกมเมอร์ได้มูลค่าเท่าไหร่ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ถ้าดูจากรายงานข่าวที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นปีนี้ ถึงเดือนกรกฎาคม มีสถิติการปราบสแกมเมอร์ประมาณพันกว่าล้านเท่านั้นเอง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top