วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘อนุทิน’พร้อมเนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายกลับประเทศต้นทาง ย้ำไทยไม่ใช่พื้นที่พักพิง-แหล่งกระทำผิดอาชญากรรมข้ามชาติ กำชับคัดกรองคนเข้าปท.ถ้าไม่ใช่นทท.สอดส่องเป็นพิเศษ สั่ง 9 มาตรการเร่งด่วน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 10 พ.ย.68 ที่ท่าอากาศยานแม่สอด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หารือกับนายนาเคศ สิงห์ (His Excellency Mr. Nagesh Singh) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย โดยนายกฯมอบนโยบายแก่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันดูแลสถานการณ์ตามแนวชายแดน และเน้นย้ำว่าการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ เป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และความปลอดภัยของประชาชน
นายกฯ กล่าวต่อ สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ ไม่ใช่ปัญหาของไทยประเทศเดียว แต่เป็นภัยระดับโลก ทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และการหลอกลวงออนไลน์ หรือ สแกมเมอร์ ที่สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วโลก รัฐบาลไทยจะไม่ยอมให้ประเทศของเราเป็นฐานหรือทางผ่านของอาชญากรอีกต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการเชิงรุกหลายด้าน อาทิ การจัดตั้งบอร์ดปราบสแกมเมอร์แห่งชาติเพื่อประสานความร่วมมือกับนานาประเทศในลักษณะ Global Team การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และล่าสุด มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง 15 หน่วยงานของไทย เพื่อร่วมกัน ประกาศสงครามกับสแกมเมอร์และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนในระดับวาระแห่งชาติ
นอกจากนี้ นายกฯสั่งการให้ทุกหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด บูรณาการข้อมูลข่าวกรองและการสืบสวนให้เป็นเอกภาพ พร้อมยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทันที เพื่อตัดเส้นทางการเงิน ไม่ให้ประเทศไทยถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงินอีกต่อไป โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทย นายกฯได้สั่งการให้ดำเนินมาตรการ 9 ข้อเร่งด่วน ได้แก่
1.ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอจัดทำแผนศึกษาปัญหาในพื้นที่
2.จัดตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษแก้ไขอาชญากรรมเทคโนโลยี
3.บูรณาการทุกฝ่ายร่วมสกัดภัยไซเบอร์
4.เข้มงวดการรักษาความสงบเรียบร้อยของชุดปฏิบัติการ
5.ให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอเป็นศูนย์ประสานช่วยเหลือผู้เสียหาย
6.ใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)เฝ้าระวังภัยในชุมชน
7.เข้มงวดจุดผ่านแดน ตรวจสอบบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
8.ดำเนินคดีกับผู้ถือสัญชาติไทยที่ร่วมกระทำผิด และ
9.ส่งเสริมความรู้เท่าทันภัยดิจิทัลให้ประชาชน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการคัดกรองชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ใช้ไทยเป็นประเทศทางผ่านด้วย และขอฝากให้ทหาร จังหวัด ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด หามาตรการการเพื่อป้องกันน้ำท่วมเชิงรุก และให้ความช่วยเหลือและดูแลประชาชนในพื้นที่ให้ทันท่วงที รัฐบาลจะสนับสนุนทุกหน่วยงานอย่างเต็มที่ ขอให้ทุกคนไม่นิ่งดูดายต่อช่องโหว่หรือความบกพร่องใด ๆ ในระบบ และเสนอแนวทางแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมกันปกป้องประเทศจากภัยสแกมเมอร์ให้ได้อย่างสิ้นเชิง และขอชื่นชมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละและเข้มแข็ง พร้อมเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกันผลักดันนโยบายนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืนให้กับประชาชนชาวไทย
จากนั้นนายกฯ แถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อติดตามการช่วยเหลือบุคคลต่างชาติ และการปราบปรามสแกมเมอร์ ว่า การลงพื้นที่วันนี้เพื่อมาดูการปฏิบัติการส่งตัวชาวต่างชาติที่ลักลอบเข้าเมืองให้กลับภูมิลำเนา เป็นไปตามนโยบายที่ตนให้ไว้ เพราะเราจะเก็บคนเหล่านี้ไว้นานๆไม่ได้ จะเสียงบประมาณในการดูแล ก็ต้องเร่งประสานงานกับประเทศต่างๆให้มารับตัวกลับไป โดยดำเนินการทางการทูตและการดำเนินคดีตามมาตรการส่งผู้ร้ายข้ามแดน
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนการร่วมส่งชาวอินเดีย ตนคุ้นเคยกับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย เป็นการส่วนตัว รับทราบมาว่า ที่จ.ตาก มีชาวต่างชาติที่เป็นผู้ต้องหาลักลอบเข้าเมือง มาจำนวนเกือบพันคน เมื่อมีความรุนแรง ในประเทศเมียนมาจึงต้องหนีเข้ามาไทย จึงได้หารือกับทูตฯอินเดีย ประสานงานงานไปยังรัฐบาลอินเดีย จึงเกิดความร่วมมือรับคนเหล่านี้กลับไปอินเดีย ไทยได้ส่งมอบตัวตามหลักกฏหมาย เพราะถือว่าต้องคำพิพากษาหลบหนีเข้าเมือง มีโทษ ก็ให้นำตัวกลับไปดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมของอินเดีย
"ในที่ประชุมได้เร่งกำชับให้ ผบ.ตร.และเลขา สมช. ได้ช่วยกันคัดกรองคนที่เข้ามาในประเทศ ถ้าไม่ได้มาท่องเทียว หรือประกอบสัมมาชีพ ต้องสอดส่องดูแลเป็นพิเศษ ไม่ใช่ให้เดินทางเอาไทยมาเป็นช่องทางผ่าน ไปเป็นสแกมเมอร์ ทำธุรกิจหลอกลวงประชาชนในประเทศเพื่อนบ้าน พอมีปัญหาปราบปราม แล้ววิ่งกลับมาไทย เราไม่สนับสนุนเรื่องพวกนี้ เชื่อว่าคนพวกนี้มาแล้วไม่อยากกลับหรอก แต่เรา ไม่ให้ที่พักพิงเลี้ยงดู ถึงต้องดำเนินการติดต่อกับรัฐบาลอินเดีย ขอร้องให้มารับคนกลับไป"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า เราจะใช้โมเดลนี้กับประทศอื่นๆด้วย เช่นประเทศในแอฟริกา ให้แนวทาง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบ.สตม.)เสนอตามลำดับชั้น ถ้าไม่มีเครื่องบินมารับ จะทำยังไงต่อไป เพราะถ้าต้องดูแลระหว่างส่งกลับแล้วต้องใช้เวลาเกือบปี ต้องเสียค่าอาหารต่อหัว 3 มือ ในระหว่างควบคุมขัง ถ้าเทียบกับซื้อตั๋วเครื่องบินอันไหนถูกกว่า ดังนั้นก็ต้องผลักดันกลับให้เร็วที่สุด
"ผมใช้คำว่า เนรเทศ แม้คำแรงไป แต่ต้องไม่ให้คนเหล่านี้มาใช้งบประมาณของไทย เราต้องเร่งผลักดันออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวย้ำว่า ได้ให้นโยบายในการคัดกรองชาวต่างชาติ ถ้าไม่ได้มาเป็นนักท่องเที่ยว ก็ต้องติดตามเส้นทาง ไม่ให้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ไม่ให้ไทยเป็นศูนย์กระจายมนุษย์ไปประเทศเพื่อนบ้าน "ผมเข้ามาเดือนเดียว เห็นปัญหานี้อยู่ จะต้องพยายามทำให้ลดน้อยลง ตอนนี้ทุกคนเห็นแล้วว่า เรื่องสแกม อาชญากรรมข้ามชาติ ออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ มีการทำงานเป็นรูปธรรม บูรณาการกันทั้ง ทหาร ตำรวจ ปกครอง ฝ่ายสนับสนุน การติดตามเส้นทางการเงิน การฟอกเงิน ยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์"
นายกฯ ยังกล่าวถึงการขยายผลเครือข่ายสแกมเมอร์และขบวนการนำพา ว่า ผบ.ตร.ดำเนินการอยู่ได้กวาดล้างเครือข่ายของผู้ที่ถูกเพิกถอนสัญชาติ รวมถึงการจับอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านดาวเทียม (สตาร์ลิงค์) ทั้งในอ.แม่สอด และกรุงเทพมหานคร ที่ถูกใช้เป็นอาชญากรรมเทคโนโลยี ทางกรมศุลากรก็ต้องทำงานอย่างหนักไม่ให้สินค้าเหล่านี้ถูกลักลอบได้ แม้จะเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ทางลำน้ำโขง ก็ต้องจัดการกับขบวนการเหล่านี้ ทั้งนี้ เรื่องการขยายผลเป็นหน้าที่ของตำรวจ ที่ทำตามมาตรการปราบปรามสแกมเมอร์ เพราะเป็นขบวนการใหญ่มาก เรากำลังทำสงครามกับสิ่งเหล่านี้.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี