วันพุธ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจาก นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ออกมาแถลงจุดยืนอย่างชัดเจน เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568ว่า พรรคประชาชนพร้อมใช้กลไกในสภาทุกช่องทางตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยเฉพาะกลไก“การอภิปรายไม่ไว้วางใจ”ซึ่งอาจเกิดขึ้นเร็วสุดภายในสิ้นปีนี้ หากรัฐบาล ไม่ปฏิบัติตาม 3 เงื่อนไขสำคัญ อย่างต่ำ
เงื่อนไข 3 ข้อ ที่สะท้อน“เส้นตายทางการเมือง”
1.อยู่เกิน 4 เดือน - ต้องยุบสภาตาม MOA
พรรคประชาชน ระบุชัด หากรัฐบาลยังอยู่เกินวันที่ 31 มกราคม 2569 ซึ่งครบ 120 วัน ตามข้อตกลงในบันทึกความเข้าใจ (MOA) ถือว่า ผิดข้อตกลง และจะยื่นอเปิดภิปรายไม่ไว้วางใจทันที เงื่อนไขนี้สะท้อนถึงความพยายาม“เร่งรัด”ให้รัฐบาลทำตามข้อตกลงเดิมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่เห็นพ้องกันว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วเพื่อให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
2.ไม่เปิดสมัยวิสามัญ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ-ถือว่าไม่จริงใจ
เงื่อนไขนี้ อาจถือเป็น “หัวใจ” ของจุดยืนพรรคประชาชน เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15/1 เพื่อปลดล็อกเปิดประตูให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ของฝ่ายค้านทั้งหมด พรรคประชาชน มองว่า หากรัฐบาลไม่เปิดปรชุมสมัยวิสามัญในเดือนธันวาคม เพื่อให้กระบวนการพิจารณาทันภายในสิ้นปี2568นี้ แสดงให้เห็นถึง“การถ่วงเวลา”และ“ไม่มีความจริงใจ” ต่อการปฏิรูปกติกาทางการเมืองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ประกาศเอาไว้
3.หากรัฐบาลทำให้ประเทศเสียหาย หรือ แทรกแซงยุติธรรม - พร้อมยื่นซักฟอกทันที
ข้อนี้เป็น“ช่องเปิด”ที่เปิดทางให้พรรคสามารถยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ตลอดเวลา หากเห็นว่ารัฐบาลทำสิ่งที่ขัดต่อหลักธรรมาภิบาล หรือ ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อประชาชนและประเทศชาติ
“เงื่อนไข”หรือ“แรงกดดัน”
แม้พรรคประชาชนจะอธิบายว่า 3 เงื่อนไขนี้ เป็นเพียง “กรอบการตรวจสอบตามกลไกสภา” แต่ในทางการเมือง นี่คือ“แรงกดดันเชิงระบบ”ต่อรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างชัดเจน
เงื่อนไขแรก คือ การวาง“เส้นตายทางเวลา” ให้รัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภา หากยังอยู่เกินกรอบ 4 เดือน
เงื่อนไขที่สอง คือ การบีบให้รัฐบาลแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากไม่ดำเนินการก็จะถูกตีความว่า “ไม่จริงใจต่อคำมั่นทางการเมือง”
เงื่อนไขที่สาม เปิดพื้นที่ให้พรรคประชาชนใช้“เหตุผลทางศีลธรรมและธรรมาภิบาล”เพื่อเปิดอภิปรายได้ทุกเมื่อ
ด้วยเหตุนี้ เงื่อนไขทั้งสาม จึงเปรียบเสมือน“เครื่องมือทางยุทธศาสตร์”ที่พรรคประชาชนใช้วัดระดับความจริงใจของรัฐบาล และในขณะเดียวกัน ก็เป็น“ตัวเร่งทางการเมือง”ที่สามารถกดดันให้รัฐบาลต้องเร่งเดินหมากอย่างรอบคอบ
ความสัมพันธ์ฝ่ายค้าน-เพื่อไทย : ร่วมมือ หรือ ชิงการนำ?
เป็นที่น่าสังเกตว่านายพริษฐ์ยังกล่าวถึงพรรคเพื่อไทย ซึ่งแม้มี ส.ส.เกิน 100 คน สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เอง แต่พรรคประชาชนก็เปิดทางให้มีการ“หารือร่วม” เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านเดินคนละทิศทาง
อย่างไรก็ตาม ในเชิงทางการเมืองแล้ว การประกาศ “ยก3 เงื่อนไข”ของพรรคประชาชน ย่อมทำให้พรรคดูโดดเด่นกว่าในบทบาท“ผู้นำฝ่ายค้านเชิงรุก” และ สร้างแรงกดดันทางจิตวิทยาต่อพรรคเพื่อไทย ให้ต้องตัดสินใจว่าจะ“ร่วมมือซักฟอก” หรือ“รักษาระยะทางยุทธศาสตร์”
เกมเร่งนาฬิกา กับความเสี่ยงของรัฐบาล‘อนุทิน’
สถานการณ์หลังคำประกาศของนายพริษฐ์จึงเท่ากับเริ่มนับถอยหลังทางการเมืองของรัฐบาลอนุทินอย่างเป็นทางการ ระหว่างนี้ไปถึงสิ้นเดือนมกราคม 2569 คือ“ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ”ที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ว่า
จะจริงใจต่อการยุบสภา และคืนอำนาจให้ประชาชนตาม MOA หรือไม่
จะเร่งรัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างที่รับปากไว้หรือเปล่า
หากรัฐบาล‘อนุทิน’เลือกนิ่งเฉย หรือ เลื่อนเกมไปเรื่อยๆ เงื่อนไขทั้ง 3 ของพรรคประชาชน อาจกลายเป็น ชนวนเปิดศึกซักฟอกครั้งใหญ่ ที่ไม่เพียงทดสอบความมั่นคงของรัฐบาล แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ความเป็นเอกภาพของฝ่ายค้านในยุคใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ‘ฝ่ายค้าน’หรือ‘ฝ่ายค้ำ’
“3 เงื่อนไข”ของพรรคประชาชน ไม่ใช่เพียงกรอบตรวจสอบเชิงเทคนิค แต่คือยุทธวิธีทางการเมืองเพื่อ เร่งเวลา กำหนดจังหวะและบีบให้รัฐบาล แสดงความจริงใจ หากรัฐบาลอนุทิน ไม่ตอบสนองทันเวลา การซักฟอกอาจกลายเป็นเวทีเปิดศึกระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายค้านในการตรวจสอบในไม่ช้า
ต้องไม่ลืมว่า ทั้งสามพรรคการเมืองใหญ่ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิไจไทย ต่างเป็นคู่แข่งสำคัญในการเลือกตั้งครั้งหน้า อย่างปฎิเสธไม่ได้ จึงจะต้องหาโอกาส ช่วงชิงคะแนนนิยม และ ความได้เปรียบทางการเมือง จนวินาทีสุดท้าย ก่อนจะมีการยุบสภาอย่างแน่นอน
- ทีมข่าวแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี