วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
'วิโรจน์'งับทันที! จี้'กมธ.ทหาร'สอบ'แม่ทัพกุ้ง'ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา

'วิโรจน์'งับทันที! จี้'กมธ.ทหาร'สอบ'แม่ทัพกุ้ง'ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา

วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 17.28 น.

"วิโรจน์"งับทันที! จี้"กมธ.ทหาร"สอบ"แม่ทัพกุ้ง"ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ยกประวัติศาสตร์สมัยสมเด็จพระนเรศวรเปรียบเทียบ

เมื่อวันที่ 11 พฤศิกายน 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้โพสต์เฟสบุ๊ค กรณี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษา ผบ.ทบ.และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่ามีคำสั่งหยุดยิง เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม แต่ไม่ปฏิบัติตาม
โดยนายวิโรจน์ ระบุว่า [ การขัดคำสั่งโดยชอบของผู้บังคับบัญชา ในภาวะศึกสงคราม ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ]


เมื่อวันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ในพิธีรับรางวัลเชิดชูนักสู้ผู้กล้า ณ พุทธสถานปฐมอโศก อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ได้เกิดประเด็นสำคัญจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ซึ่งตอบคำถามของพิธีกรถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยและกัมพูชา เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยคำตอบของ พล.ท.บุญสิน ทำให้สามารถอนุมานได้ว่า ในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของการปะทะนั้น ได้มีคำสั่งอย่างหนึ่งที่ทำให้ พล.ท.บุญสิน เข้าใจว่าเป็น “คำสั่งให้หยุดยิง” และในขณะนั้น พล.ท.บุญสินได้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว

เพื่อความชัดเจนต่อสังคมและเพื่อประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินด้านความมั่นคง จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่า

1. มีคำสั่งดังกล่าวจริงหรือไม่ ผู้บังคับบัญชาท่านใดเป็นคนสั่ง

2. หากมี คำสั่งนั้นเป็นคำสั่ง “ให้หยุดยิง” ตามที่ พล.ท.บุญสินเข้าใจหรือไม่ และด้วยเหตุผลใดถึงมีคำสั่งเช่นนั้น

3. หรือแท้จริงแล้วเป็นคำสั่งประเภทใด

และด้วยเหตุผลใด คำสั่งนั้นจึงถูกส่งลงมาในช่วงเวลาดังกล่าว

เหตุผลที่ต้องมีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ก็เพราะว่า หากคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่มิชอบ ผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่งก็ย่อมต้องมีความรับผิดทางกฎหมาย แต่หากคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย การที่ พล.ท.บุญสิน ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา ขัดขืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบ และไม่ได้รายงานเหตุผลความจำเป็นทางยุทธการ ณ ขณะเผชิญสถานการณ์ แต่กลับนำมาเปิดเผยในภายหลัง แม้ว่าการขัดคำสั่งนั้น อาจถือได้ว่าเข้าข่ายการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา และเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะศึกสงคราม การที่ผู้ใต้บังคับบัญชาตัดสินใจทำตามดุลยพินิจส่วนตัว แม้จะสำคัญไปเองว่าทำด้วย “เจตนาดี” ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ และอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้อย่างร้ายแรง

หากเทียบเคียงกับกรณีเมื่อครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมอบหมายให้ “พระราชมนู” คุมกำลังพล 10,000 นาย เข้ารบหยั่งเชิงกับทัพหน้าพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งมีกำลังประมาณ 60,000 นาย ขณะนั้นทัพหลวงของสมเด็จพระนเรศวรและสมเด็จพระเอกาทศรถจำนวน 30,000 นายกำลังเคลื่อนทัพตามมา เมื่อได้ยินเสียงการปะทะ พระองค์จึงวางกลศึก โดยให้กองทัพแบ่งกำลังไปซุ่มอยู่ตามป่าจิกทั้งสองด้าน เพื่อเตรียมตีกระหนาบ จากนั้นทรงแต่งม้าเร็วถ่ายทอดคำสั่งให้พระราชมนูแกล้งแพ้และทำทีเป็นถอยร่นลงมา เพื่อหลอกล่อให้ข้าศึกไล่ตามเข้ามาในพื้นที่ซุ่มโจมตี

ทว่า เมื่อม้าเร็วไปแจ้งคำสั่งครั้งแรก พระราชมนูไม่ยอมปฏิบัติตาม อ้างว่ายังมีกำลังพอสู้ได้ จึงไม่ถอย ม้าเร็วจึงถูกส่งไปแจ้งเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ยังได้รับการปฏิเสธ จนครั้งที่สาม สมเด็จพระนเรศวรทรงพิโรธเป็นอย่างมาก ถึงขั้นรับสั่งว่า “ถ้ามันไม่ถอย ก็ให้ตัดหัวมันมา”

เมื่อได้รับคำสั่งเด็ดขาด พระราชมนูจึงจำต้องถอยทัพลงมา ข้าศึกเกิดความชะล่าใจและไล่ตามลงมา ตามอุบายที่สมเด็จพระนเรศวรทรงวางไว้ ทำให้ทัพไทยสามารถโอบกระหนาบตีจนฝ่ายเชียงใหม่แตกพ่าย เสียหายหนัก และสามารถจับเชลย รวมถึงยึดช้าง ม้า และอาวุธได้อย่างมากมาย

เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างสำคัญที่ชี้ชัดว่า “การขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาในภาวะสงคราม แม้ว่าจะกระทำด้วยเจตนาที่ดีก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด”

ด้วยเหตุนี้ คณะกรรมาธิการการทหารจึงจำเป็นต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงในกรณีนี้ให้กระจ่าง เพื่อจะได้จัดทำข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อให้การบริหารราชการด้านความมั่นคงของชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อนที่อาจสร้างความเสี่ยงต่อประเทศชาติในอนาคต

ทั้งนี้ นายวิโรจน์ ได้ นำภาพจากภาพยนตร์เรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มาประกอบด้วย

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top