วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
'สุรเชษฐ์' แฉรัฐบาลโฆษณาลดค่าทางด่วน แลกยืดสัมปทานเอื้อนายทุน สร้าง Double Deck ไม่คุ้มค่า แก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ได้ แช่แข็งการพัฒนา เป็นรัฐบาล MOA อยู่ 4 เดือน อย่าสร้างภาระให้ประชาชนระยะยาว
15 พ.ย.68 นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ แถลงจุดยืนกรณีรัฐบาล 4 เดือนมีความพยายามจะขยายอายุสัมปทานทางด่วน Double Deck ว่า เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 68 กระทรวงคมนาคมเร่งหาแนวทางเตรียมรถค่าทางด่วนทุกเส้นทาง สูงสุดไม่เกิน 50 บาท เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนภายในสิ้นปี 68 แต่ไม่รวมมอเตอร์เวย์ แต่เป็นการโฆษณาเกินจริง จึงขอถามว่าเป็นของขวัญที่จะมาในปีใหม่นี้หรือจะเป็นภาระต่อลูกหลานในอนาคต ซึ่งในรัฐบาลที่แล้วพยายามจะทำแต่ทำไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เพียงแค่เปลี่ยนคนมาทำ ตนได้ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2562 โดยตั้งธงชัดเจน ว่าจะขยายสัญญาณสัมปทาน แต่มีความไม่ชอบพากล ซึ่งการจะขยายสัญญาต้องมีค่ายอมความหรือค่าแกล้งโง่ โดยรัฐบาลขณะนั้นเซ็นสัญญาไปแล้วทำให้เป็นผลพวงในอนาคต แต่อีกเรื่องคือ Double Deck หรือโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 เพื่อแลกกับสัมปทานเพิ่มอีก 15 ปี มีผลประโยชน์หลายแสนล้าน ซึ่งพรรคประชาชนตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ เราค้านว่าไม่ควรขยายสัญญาสัมปทานในเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเมื่อหมดสัมปทานแล้วก็ควรกลับมาเป็นของรัฐ แต่ขณะนั้นตนเป็นเสียงข้างน้อยในสภาทำให้มีการขยายสัมปทานสำเร็จ
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตลกร้ายก็คือรัฐบาลต่อมา ชอบออกมาโฆษณาเอาหน้า เรื่องขึ้นทางด่วนฟรีวันหยุด ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะเป็นเงื่อนไขจากการขยายสัญญาสัมปทานในช่วงปี 2562 อยู่แล้ว ไม่ใช่ผลงานของรัฐบาล ที่ผ่านมาในปี 2567 มีการปั่นกระแสลดค่าทางด่วน คนจำนวนมากชอบเพราะว่าถูกลง แต่ลึกๆ แล้วไม่ดีต่อประเทศในภาพรวม การลดค่าทางด่วนให้ถูกลงก็จะย้อนแย้งกับนโยบายที่อยากให้คนใช้ขนส่งสาธารณะ อีกเรื่องคือการไปลดราคาก็ต้องเอาเงินของทุกคนไปช่วยกันจ่าย ซึ่งขัดกับหลักผู้ใช้เป็นผู้จ่าย และเมื่อถูกลงต้องมีการเจรจากับผู้รับสัมปทานใหม่
แม้รัฐบาลปี 2567 จะไปแล้ว แต่ความพยายามนี้ยังอยู่ นายทุนเจ้าเดิมยังอยู่ ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งบริหารก็ยังอยู่ยังผลักดันเรื่องนี้ และกลับมาอีกครั้งในรัฐบาลนี้ ด้วยการสร้างภาพตั้งแต่วันแถลงนโยบายว่าจะลดรายจ่ายให้ประชาชนจะลดค่าผ่านทาง ตนมองว่าเป้าหมายที่แท้จริงเขาไม่ได้จะลดราคาให้ประชาชน เนื้อแท้แล้ว คือ อยากหาเรื่องขยายสัญญาสัมปทานไปอีก โดยปัจจุบันสิ้นสุดที่ปี 2578 แต่อยากจะขยายไปถึง 31 มีนาคม พ.ศ. 2601 ซึ่งเราต้องจ่ายเข้ากระเป๋านายทุนนานขึ้น และต้องแลกมาด้วยการ พ่วงโครงการ Double Deck 3.5 หมื่นล้านบาทแบบไม่ต้องประมูล ประชาชนต้องเดือดร้อนโดยไม่รู้ตัว เพราะถ้าไม่มีสัมปทานตัวนี้เราสามารถวิ่งฟรีได้ทุกวันด้วยซ้ำ
นายสุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า โครงการ Double Deck ไม่ได้เพิ่มทางลงสู่พื้นราบ เพราะเป็นการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 ลงมาบนทางด่วนขั้นที่ 2 ซึ่งรถติดอยู่แล้ว เหมือนเป็นการเพิ่มพื้นที่จอดรถบนอากาศ ซึ่งโครงการนี้ตกกิโลเมตรละ 2,047 ล้านบาท เอกชนก็จะได้ไปแบบไม่มีการแข่งขัน หากมีการเซ็นสัญญาสัมปทานกันไป ซึ่งเราเห็นว่าโครงการนี้ขาดทุนเห็น ๆ แต่ผู้มีอำนาจก็จนใจปกปิดข้อมูลและรายละเอียดต่อกรรมาธิการ ตนกับพรรคประชาชนไม่ได้ค้านหัวชนฝา แต่นี่คือการจงใจเอื้อประโยชน์ให้นายทุนผ่านการขยายสัมปทาน อยากชวนคิดว่าผู้บริหารการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ชงเพื่อใคร ใครเป็นคนแต่งตั้งเปลี่ยนรัฐมนตรีแล้วก็ยังคงเดินต่อ
ขณะเดียวกัน ยังมองว่า การลดค่าทางด่วนสามารถลดได้อยู่แล้วในช่วงกลางคืน หากปล่อยให้สัมปทานหมดแล้วคืนสู่รัฐ แลกกับการปรับขึ้นราคาในช่วงเวลาเร่งด่วน และตั้งสังเกตว่า ในช่วงทางด่วนสายสีแดง ช่วงแจ้งวัฒนะ -บางปะอิน ไม่ได้เกี่ยวของกับโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 แต่ได้ขยายสัมปทานไปด้วย
ขอย้ำจุดยืนของพรรคประชาชน ว่าเราขอคัดค้านอย่างมีเหตุผล ด้วยเหตุผล 4 ข้อ คือ 1.ไม่คุ้มค่า 2.ไม่โปร่งใส่ 3.ไม่ดีจริง และ 4. ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลนี้ เพราะเป็นรัฐบาลตาม MOA ที่อยู่ไม่เกิน 4 เดือนตามข้อตกลง แต่กำลังคิดจะสร้างภาระให้ประชาชนไปจนถึงปี 2601 ดีลใหญ่แบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ นอกจากนั้นตนได้ข้อมูลจากข้าราชการว่ามีวาระลับในบอร์ด กรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership : PPP) เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 68 จึงอยากให้ช่วยกันจี้ถามทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (ส.ค.ร.) ว่าตกลงแล้วมีเรื่องขยายสัมปทานเข้าไปด้วยหรือไม่ แล้วมติคืออะไร เพราะหากหลุดจากบอร์ดนี้ ทางฉลุยเข้า ครม.เลย
หากเราเงียบเอาแน่ชงเข้า ครม.แน่ ดังนั้นข้อเสนอของตนและพรรคประชาชน คือ หยุดหาเรื่องขยายสัมปทานไปเรื่อย เน้นแก้ปัญหารถติดให้ถูกจุด ไม่จำเป็นต้องรีบทำโครงการ Double Deck จะปะผุด้วยการขยายสัมปทานไปเรื่อย จะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ได้ เพราะการขยายสัมปทานเหมือนกันแช่แข็งการพัฒนา สิ่งสำคัญคือควรรอรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้งหานโยบายแนวทางการแก้ไขปัญหามาให้ประชาชนตัดสินใจ อย่าเพิ่งเร่งอนุมัติเรื่องใหญ่แบบนี้ เพื่อเก็บกระสุนไปเลือกตั้ง เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาล 4 เดือนควรทำ ควรรอให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งมาตัดสินใจ
เมื่อถามว่าได้พูดคุยเรื่องนี้กับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม แล้วหรือยัง นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในการประชุม กมธ.ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเชิญนายพิพัฒน์มา เป็นการหารือเรื่องตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วมเป็นหลัก แต่ตนก็ได้ลองสอบถามนายพิฒน์ดูท่านก็เบรกแบบขำๆ ตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้
นายสุรเชษฐ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้ประชาชนช่วยกันติดตามเรื่องดังกล่าว เพื่อเรียกร้องไปถึงรัฐบาลว่า จะทำอะไรให้คิดถึงประชาชนมากๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี