แจ้งข่าวดีนบข.  ‘หนู’ปลื้มขายข้าวจีน5แสนตัน  ข้าวหอมมะลิพุ่งตันละ13,000บ.

แจ้งข่าวดีนบข. ‘หนู’ปลื้มขายข้าวจีน5แสนตัน ข้าวหอมมะลิพุ่งตันละ13,000บ.

วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

นายกฯ“อนุทิน”เล่าโมเมนต์ตามเสด็จฯเยือนจีน ปลื้มพระบารมี“ในหลวง-พระราชินี”แจ้งข่าวดีกลางวงที่ประชุมนบข.ขายข้าวจีนได้ 5 แสนตัน ขอทุกฝ่ายทำหน้าที่เซลส์แมนขายสินค้าไทย โวราคาข้าวหอมมะลิพุ่งตันละ 13,000 บาท ขอช่วยกันพัฒนาคุณภาพแทนลดราคาแข่งขัน “วิสุทธิ์”ย้ำ“เพื่อไทย” พร้อมยื่นอภิปรายรัฐบาล หากปล่อยบริหารต่อไปจะเสียหาย ขู่ข้อมูลน่ากลัวมาก เชื่อมีคนตกเก้าอี้รมต.แน่ ยันยื่นซักฟอกเอง ไม่ง้อเสียงปชน. เย้ยจุดยืนฝ่ายค้านหรือฝ่ายค้ำไม่กังวลเลือดไหลออก พร้อมส่งตัวแทนครบทุกเขต‘จุลพันธ์’ลั่น’พท.’คงไม่รอ พร้อมส่งผู้สมัครใหม่แทน หลังมีภาพ‘สส.สุดารัตน์’ลูกสาว กุ่ย ชูวิทย์’ร่วมโต๊ะ’เนวิน’

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย โดยก่อนเริ่มประชุมนายกฯได้ทักทายกับนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ มาเข้าร่วมประชุม


‘หนู’แจ้งขายข้าวให้จีน 5แสนตัน

จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า วันนี้ได้มาร่วมประชุมกันพร้อมหน้าเป็นการประชุมครั้งแรกของปีนี้ว่าวันนี้เป็นการประชุมที่ต้องถือว่าเราจะต้องกําหนดกลไกและกําหนดทิศทางการบริหารจัดการข้าวของประเทศ ทั้งด้านการผลิตการตลาด การยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องชาวนา ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการบริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ในช่วงปีนี้สถานการณ์ตลาดข้าวโลกมีการผันผวนสูง ซึ่งตนต้องขอบคุณทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการเกษตร กระทรวงการต่างประเทศ และผู้เกี่ยวข้อง ที่ในช่วงตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ ก็มีความพยายามที่จะเร่งขายข้าวให้ประเทศจีนเพิ่มอีก 5 แสนตัน ตนได้เห็นความพยายามของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรมว.พาณิชย์ ได้ อัปเดตให้ทราบตลอดเวลาว่าทําอย่างไรที่จะทําให้จีนเร่งปิดดีลให้ได้ เรื่องของสต็อก เรื่องคุณภาพของข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความพร้อมอยู่แล้ว ไปบอกให้ทางจีนให้ออเดอร์เพิ่มมากขึ้นตรงนี้มา

ปลื้มพระบารมี‘ในหลวง-พระราชินี’

นายกฯ กล่าวต่อว่าทุกคนทราบว่าปีนี้ครบรอบความสัมพันธ์ 50 ปี ไทย-จีน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ได้เสด็จเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ซึ่งวันนี้ถือว่าเราได้ชงมาดี เมื่อผู้นําของจีนได้เข้าเฝ้าฯพระองค์ท่าน โดยประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน กราบบังคมทูลฯให้ทรงรับทราบ ยืนยันว่าจีนให้การสนับสนุนสินค้าการเกษตร ของไทย ตนนั่งอยู่ในที่ประชุมด้วย เป็นคําพูดปกติธรรมดา ยังลุ้นๆ อยู่ว่าจะได้ข้าวหรือเปล่า แต่ท่านก็พูดไปก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าว จํานวน5 แสนตัน พอท่านพูดคํานี้ ทําให้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราได้เพียรพยายามมาทั้งหมดได้บทสรุป ณ ที่นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทูตจีน ไม่ยอมยืนยันแต่บอกว่าให้อดทนนิดนึง แต่แนวโน้มเป็นด้านบวกซึ่งตนก็นึกไม่ถึง ตอนตนได้ไปประชุมอาเซียน ที่มาเลเซีย ได้เจอกับนายกฯจีนและประชุมเอเปคที่เกาหลีได้เจอกับประธานาธิบดีจีน อันนี้ต้องถือว่าเป็นพระบารมี ปกติไม่เปิดโอกาสให้คุยแบบนี้

ขอให้ทำหน้าที่เซลส์แมนขายสินค้าไทย

นายกฯกล่าวอีกว่าขณะนี้มีการขาย food security และข้าวให้สิงคโปร์ จํานวนหนึ่งแสนตัน ซึ่งสามารถปิดดีลอย่างเป็นทางการ ขอบคุณรัฐมนตรีพาณิชย์และรัฐมนตรีเกษตร รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้อง ฝากพวกเราทุกคนทําหน้าที่เซลล์แมนสินค้าของไทยให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้ ตอนนี้เราเปิดตลาดแล้ว ขอให้พยายามต่อไป หากอยากจะรู้จักว่าข้าวไทยดีแค่ไหน คุณภาพดีกว่าคนอื่นอย่างไร อร่อยกว่าคนอื่นอย่างไร จุดแข็งอยู่ที่ไหน ต้องไปกินนอกประเทศแล้วท่านจะรู้ว่า เวลาไปอยู่ต่างประเทศ แล้วต้องกระเดือกเข้าไปแต่ละคํา มันไม่ใช่ข้าวไทย เราก็คิดแล้วว่าอยากให้ข้าวไทยไปอยู่ตรงนี้ รับรองว่าคนของเขาต้องชอบแน่นอน สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราต้องรักษา และปรับปรุงคุณภาพของเราให้ดี ให้เลยจุดการแข่งขัน ตนคิดว่าเรื่องการปรับปรุงคุณภาพนั้นจะทําให้ข้าวของเราเป็นที่ต้องการ ไม่ใช่ไปขายแข่งกับเขา เราชอบใช้ว่าไปขายแข่ง มันขายได้แน่ ๆ ถ้าเราลดราคาลงมา 10-20 เปอร์เซ็นต์ รับรองว่าขายหมดสต็อกแน่ แต่มันจะเกิดอะไรกับประเทศ เราก็ไม่ได้รายได้ ชาวนาขาด นี่คือหน้าที่ของกบข.ที่จะต้องกําหนดนโยบาย แนวทาง และกลไกที่ทําให้ราคาข้าว เราสามารถอยู่ในตลาดโลกได้ รักษาคุณภาพที่ดีได้

เต็มใจช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา

นายกฯกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันไทยมีปัญหาผลิตข้าวเกินความต้องการ ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของชาวนา จึงอยากให้คณะกรรมการทุกท่านหาแนวทาง และมาตรการที่จะรักษาราคา และคุณภาพที่ยั่งยืนในระยะยาว ให้มีผลผลิตต่อไร่สูงขายได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่มีความเดือดร้อนในห่วงโซ่การขายข้าวตั้งแต่ชาวนา โรงสี ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง และการส่งออก อยากให้วินวินกันทุกฝ่าย ส่วนมาตรการช่วยเหลือชาวนาหลายมาตรการก็ช่วยเหลือได้สำเร็จ ขณะที่หลายมาตรการมีปัญหา แต่การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการ เพราะเขาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เราจึงต้องหามาตรการที่ดีที่สุด โปร่งใส ตรวจตรวจสอบได้ และเกิดประโยชน์มากที่สุด เชื่อว่าทุกคนในห้องนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้มีความเต็มใจยินดีที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวนา และให้การสนับสนุนเต็มที่โดยที่ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ใดๆแก่ตนเอง และพวกพ้อง เชื่อว่าเจตนารมณ์ที่ดี จะทำให้การกำหนดนโยบายเรื่องการบริหารข้าวของประเทศ เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

โวข้าวหอมมะลิพุ่งตันละ13,000บาท

นายกฯ กล่าวย้ำว่าขณะนี้ได้ข่าวมาว่าจีนคอนเฟิร์มออเดอร์ตรงนี้แล้ว แม้ว่าสต๊อกจะยังไม่ออกจากท่าเรือแต่การบริหารจัดการออเดอร์ในระบบก็เกิดการเคลื่อนไหวแล้ว ทำให้เกิดการผลักดันราคาได้ดีขึ้น เมื่อเช้า (18 พ.ย.) ได้พบกับร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ทราบว่าขณะนี้ข้าวหอมมะลิมีราคาที่ดีขึ้นมาแล้ว อยู่ในระดับ 13,000 บาทต่อตัน ซึ่งข้าวหอมมะลิมีเพียง 5-6 ล้านตัน ในจำนวน 30 ล้านตัน ถือเป็นเพียง 1 ใน 6 เราต้องผลักดัน และพัฒนาข้าวสารของเราให้มีคุณภาพที่ดี นำชาติอื่นให้ได้ เพราะเราขายข้าวให้จีนครั้งนี้ได้ 500,000 ตัน ซึ่งจีนมีความต้องการอยู่ที่ 1,300,000 ตัน.

พท.ขู่ข้อมูลเด็ด มีรมต.ตกเก้าอี้แน่

ที่พรรคเพื่อไทย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเปิดเผยถึงการยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามมาตรา 151ว่า ถึงเวลานี้พรรคเพื่อไทยมีความพร้อมมากในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่อ้างว่ารัฐบาลทำงานยังไม่ถึง2 เดือนเหมาะสมหรือไม่ ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญ

และในการอภิปรายครั้งนี้จากข้อมูลที่ได้รับมาเชื่อว่ามีคนตกเก้าอี้รัฐมนตรีแน่ ที่ผ่านมามีหลายฝ่ายนำข้อมูล ข้อเท็จจริงมากมาย มาให้พรรคเพื่อไทยเพื่อใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งยอมรับว่าเมื่อพิจารณาแล้วน่ากลัวมาก หากยังปล่อยให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย และคณะบริหารราชการแผ่นดินต่อไปอาจกระทบกับความน่าเชื่อถือของประเทศในหลายด้าน ดังนั้นการอภิปรายครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมนำความจริงออกมาตีแผ่ให้ประชาชนรับทราบ จำต้องหยุดการทำงานของรัฐบาลที่เต็มไปด้วยความน่ากังขาหลายเรื่อง เพราะหากไม่ทำประเทศไทยคงเสียหายมากกว่านี้ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น

ยันยื่นซักฟอกเอง-ไม่ง้อเสียงปชน.

ส่วนที่พรรคประชาชนอ้างว่ายังไม่พบความเสียหายจากการบริหารประเทศของนายอนุทิน ก็เป็นเรื่องของพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยยื่นญัตติเองได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้เสียงของพรรคประชาชน และอยากให้พรรคประชาชนหาจุดยืนของตนเองให้เจอก่อนว่า จะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายค้ำรัฐบาลกันแน่ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยพร้อม แต่พรรคประชาชนไม่พร้อมก็เป็นเรื่องของพรรคประชาชน

เมินคนย้ายออก-ส่งตัวแทนครบทุกเขต

นายวิสุทธิ์กล่าวว่าส่วนที่พรรคการเมืองบางพรรคเปิดพลังดูดใช้วิธีตกปลาในบ่อเพื่อนพบว่าสส.ของพรรคเพื่อไทยบางคนที่มีข่าวลือมาตลอดนั้น ทางพรรคเพื่อไทยไม่นิ่งนอนใจ แต่ให้เกียรติคนที่เป็นสส.ด้วยกัน ส่วนในอนาคตจะย้ายหรือไม่ย้ายพรรคก็เป็นเรื่องของบุคคลนั้น พรรคไม่ก้าวล่วงที่ผ่านมามีผู้ที่สนใจเข้ามาสมัครในพรรคตลอดเวลา พรรคมีความพร้อม หากมีการลาออกก็พร้อมนำเสนอคนใหม่เข้ามาเป็นตัวแทนพรรคในพื้นที่ดังกล่าวทันที ซึ่งเป็นธรรมดาของการเมือง มีออกก็มีเข้า แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกใครเป็นสส. และพรรคไหนเป็นรัฐบาลซึ่งพรรคเพื่อไทยพร้อมนำเสนอนโยบายดีดีเพื่อประชาชนในสนามการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน

พท.หาคนลงแทนลูกสาว‘ชูวิทย์’

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงกรณีปรากฎภาพ น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทยร่วมโต๊ะอาหารกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดว่า เรามีการพูดคุยกันหลายครั้ง ซึ่งได้รับการยืนยันว่าจิตใจอยู่ที่นี่ มีความรักพรรคและอยากที่จะอยู่ แต่เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเราจึงได้สอบถามเพื่อต้องการความชัดเจนว่ายังมีอุดมการณ์ยึดมั่นอยู่กับพรรคและพร้อมเดินกับพวกเราอีกหรือไม่

“แต่เมื่อเรารอแล้วยังไม่มีความชัดเจน พรรคจึงได้พิจารณาว่ามีผู้สมัครคนอื่นที่มีความเหมาะสมกว่าหรือไม่ พรรคไม่สามารถรอบุคคลได้ เราไม่ได้มีความขัดแย้ง คนเข้าออกเป็นเรื่องปกติ การที่เปลี่ยนใจทางการเมือง ทุกคนตัดสินใจได้ ไม่ว่ากัน แต่พรรคต้องเดินหน้าต่อ เราคงรอต่อไปไม่ได้ รอจนถึงวันเลือกตั้งวันสมัครรับเลือกตั้งและดูว่าใครยังอยู่ ยังไป คงไม่สามารถดำเนินการเช่นนั้นได้”

เหน็บ ภท.ที่ทำอยู่ปกติหรือไม่

ส่วนที่มีสส.กาญจนบุรี เขต 2ของพรรคไปร่วมโต๊ะรวมถึงอีกหลายคนที่ยังไม่ปรากฏภาพ ทางเพื่อไทยมีข้อมูลว่าใครจะไปใครจะมาหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า ต้องมาดูกันเป็นกรณี คงจะฟังจากข่าวอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์และต้องพูดคุยกัน ขณะนี้เราอยู่ในช่วงคัดสรรผู้สมัคร เกณฑ์ที่จะต้องใช้กับผู้สมัครทุกคนคือ ต้องมีความชัดเจน คนที่มีอุดมการณ์ตรงกับพรรคพร้อมที่จะเดินหน้าแข่งขันทางการเมืองมีเยอะ เราต้องดูผู้สมัครที่มีอุดมการณ์มีแนวความคิดที่ตรงกับเราเป็นเรื่องหลักเพื่อเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง

“คำถามนี้ไม่ควรมาถามกับพวกผม อยากให้กลับไปถามพรรคภูมิใจไทยว่ากระบวนการที่ทำอยู่เป็นกระบวนการที่ปกติหรือไม่ เป็นการสนับสนุน การเติบโตของประชาธิปไตยหรือไม่ การที่สส.ที่มีสังกัดอยู่ ใช้วิธีการนอกเหนือความปกติที่จะดึงดูดใจ ผมมองว่าเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องนัก” นายจุลพันธ์กล่าว

‘ธรรมนัส’ยังไม่ได้คุย‘เดชอิศม์’

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงความชัดเจน กระแสข่าวนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และอดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมขน สส.ในสังกัดย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันซึ่งตนมองว่าเรื่องนี้ยังมีเวลาคุยกัน ส่วนหากนายเดชอิศม์ขนคนในกลุ่มไปอยู่พรรคอื่นก่อนจะทำอย่างไรนั้น ตนมองว่าตอนนี้ทุกคนต่างตัดสินใจแล้วแต่ยังไม่พูดเฉยๆ

ย้ำส่งครบ400เขต-เปิดตัวใหญ่ต้นธ.ค.

เมื่อถามว่าพรรคกล้าธรรมจะจัดการประชุมใหญ่สามัญเพื่อเตรียมการเลือกตั้งเมื่อไหร่ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า พรรคกล้าธรรมจะมีการเปิดตัวครั้งใหญ่พร้อมกันทั้งหมดในช่วงต้นเดือนธ.ค.ตอนนี้ยังไม่มี แต่ยืนยันว่าพรรคกล้าธรรมจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้ง 400 เขต ผู้สื่อข่าวถามว่าจะส่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบ 3 คนหรือไม่ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า“ยังครับ ยังอยากให้ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นต่ออยู่”

ทสท.ติวเข้มผู้สมัครสส.สู้ศึกเลือกตั้ง

ที่ห้องประชุมใหญ่ สำนักงานดอนเมือง พรรคไทยสร้างไทย จัดการประชุมผู้สมัครสส.กรุงเทพมหานครและภาคกลางติวเข้มเตรียมความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยกล่าวว่าผู้สมัครทุกคนให้ยึดมั่นทำการเมืองสุจริต โดยเริ่มจากตัวเองเราไม่โกงและไม่ปล่อยให้ใครมาโกงชาติ เพราะการทุจริตเปรียบเสมือนมะเร็งร้ายที่กัดกินประเทศ จนทำให้ประเทศอ่อนแอ ทรุดโทรม ล้าหลัง ไม่ทันโลก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนยากจนและขาดโอกาส ทั้งที่งบประมาณแผ่นดินเพิ่มขึ้นทุกปี จนเกือบจะแตะ 4 ล้านล้านบาทต่อปี แต่ประชาชนกลับยากจนลง หนี้สินท่วมหัว หนี้ครัวเรือนทะลุ 16 ล้านล้านบาท

ชูสร้างการเมืองสุจริต-ล้างบางคนโกง

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่าพรรคไทยสร้างไทยขอให้สัญญาประชาคมกับประชาชนว่า พรรคไทยสร้างไทยจะเดินหน้า 5 มาตรการปราบโกงอย่างจริงจัง ล้างบางคนเลว ภายใน 6 เดือน ถ้าได้รับโอกาสจากประชาชนให้เป็นรัฐบาล ดังนี้ 1.เพิ่มโทษประหารชีวิตแก่ผู้กระทำการทุจริตระดับร้ายแรง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมืองระดับสูง 2.ให้อำนาจประชาชน 50,000 คน สามารถเสนอชื่อ ถอดถอนองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญได้ 3.จัดตั้ง ป.ป.ช. ภาคประชาชน ตรวจสอบการทุจริต ทำงานคู่ขนานกับ ป.ป.ช.และสตง. โดยเลือกจากตัวแทนองค์กรวิชาชีพและประชาชนทุกภูมิภาค ทำหน้าที่เสมือนสภาประชาชน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดกับคนโกง 4.พักการใช้หรือระงับกฎหมายและระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน เพื่อปิดช่องทางการทุจริต รีดไถ รับส่วยของผู้มีอำนาจ เปิดโอกาสให้ประชาชนได้ทำมาหากินอย่างคล่องตัว 5.ลดขนาดของระบบราชการอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านจำนวนหน่วยงานและจำนวนเจ้าหน้าที่ โดยดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระงบประมาณของประเทศ

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า การประชุมแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของพรรคไทยสร้างไทยในการก้าวสู่การเลือกตั้งอย่างเต็มกำลัง พร้อมย้ำเป้าหมายการสร้างการเมืองสุจริต และการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยเชื่อว่าการลดคอร์รัปชันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน

‘อธิรัฐ รัตนเศรษฐ’ย้ายขั้วซบปชน.

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีตรมช.คมนาคม และอดีตสส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัว พร้อมภาพสวมเสื้อที่มีโลโก้พรรคประชาชนโดยระบุว่า การเดินทางครั้งใหม่ หนังสือเล่มใหม่ กับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ พรรคประชาชน เราเอาจริง มาช่วยกัน ร่วมสู้ ร่วมสร้าง ไปด้วยกันนะครับ

สำหรับนายอธิรัฐ เป็นบุตรชายคนโตของนายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตประธานวิปรัฐบาล และสส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ก่อนหน้านี้น้องชายของนายอธิรัฐ คือนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีตสส.นครราชสีมา พรรคพลังประรัฐ และนายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ได้เปิดตัวร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว

‘ณรงค์กลั่นวารินทร์’ปธ.กกต.คนใหม่

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ดำเนินการจัดประชุมกรรมการการเลือกตั้งที่ยังไม่พ้นจากตำแหน่ง ซึ่งประกอบไปด้วย นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ,นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ,นายชาย นครชัย,นายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ และนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ร่วมกับนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และนายณรงค์ รักร้อยว่าที่ กกต.ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมวุฒิสภาและได้ลาออกจากตำแหน่งหรือเลิกประกอบวิชาชีพตามที่มาตรา 13 ประกอบมาตรา 10(20) (21) (22) และ(23)พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.กำหนดแล้วเพื่อให้เลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานกกต.แทน นายอิทธิพร บุญประคอง ที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระ

โดยการประชุมเริ่มต้นในเวลา13.30น.และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษก็เสร็จสิ้น มีรายงานว่า นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ได้รับเสียงสนับสนุน 4 ต่อ 3 ให้ดำรงตำแหน่งประธาน กกต.คนใหม่ ซึ่งหลังจากนี้ ทางสำนักงานฯ จะได้แจ้งผลการคัดเลือกกลับไปยังสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเพื่อเสนอต่อประธานวุฒิสภาให้นำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าเพื่อให้ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งนายอนันต์ และ นายณรงค์ รักร้อย เป็น กกต.และนายณรงค์ กลั่นวาริน ทร์ เป็นประธาน กกต.ในคราวเดียวกัน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top