วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
'กมธ.ศึกษายกเลิก MOU43-44' จ่อ ขยายเวลาเพิ่ม 30 วัน เหตุพิจารณาไม่ทัน 'สฤษฏ์พงษ์' เผย ที่ประชุมยังเห็นต่าง หนุน 'รัฐบาล' จัดเวทีดีเบต ให้ความรู้ประชาชน ย้ำ อำนาจยกเลิกอยู่ที่ ครม. ขอยึดผลประโยชน์ประเทศเป็นสำคัญ
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา เปิดเผยถึงความคืบหน้าการศึกษา ว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนทำรายงาน มีเวลาศึกษาจนถึงวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ซึ่งคิดว่าไม่ทันจึงต้องขอขยายเวลาศึกษาออกไปอีก 30 วัน เพื่อให้มีเวลาในการรวบรวมเอกสาร และข้อมูล ของแต่ละฝ่ายให้ได้เต็มที่ ซึ่งทางกรรมาธิการได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อไปรวบรวมหลักฐานและตรวจสอบข้อมูลให้สมบูรณ์โดยมี นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นประธาน
ส่วนขณะนี้ เหตุการณ์ชายแดนเริ่มปะทุอีกครั้ง ทาง กมธ.ได้ประเมินสถานการณ์ไว้หรือไม่ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เราประเมินทุกสถานการณ์ แต่การจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก MOU เป็นอำนาจของรัฐบาล แต่บทบาทของกมธ.ก็ทำเต็มที่เพื่อเสนอให้รัฐบาล ส่วนรัฐบาลจะฟังหรือไม่ฟังข้อมูลจากกรรมาธิการ ก็เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในที่ประชุมขณะนี้ ก็มีความเห็นที่แตกต่างกันทั้งในส่วนข้าราชการ อดีตข้าราชการ และภาคประชาชน แต่ในความเห็นที่แตกต่างกันก็พยายามทำความเข้าใจว่าไม่ใช่ใครเป็นฝ่ายที่ถูกหรือฝ่ายที่ผิด แต่อาจมีฐานข้อมูลความเชื่อและการตีความที่แตกต่างกัน
เมื่อถามว่าในที่ประชุมมีการพูดคุยหรือไม่ว่าถ้าหากยกเลิก MOU43-44 จะทำให้เราเสียเปรียบหรือได้เปรียบมากกว่ากัน นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายที่เห็นควรไม่ให้ยกเลิกก็ให้เหตุผลว่าหากเรายกเลิกเราก็จะเสียสิทธิ์และเสียเปรียบ ส่วนฝ่ายที่บอกว่ายกเลิกได้ทันทีก็เพราะว่าเขาผิดอนุสัญญาและเป็นโอกาสในจังหวะที่ประเทศไทยควรยกเลิก แต่ยังมีอีกหลายประเด็นทั้งเรื่องที่ต้องพิจารณา เช่น การตีความตามเส้นแนวเขตว่าจะใช้แนวเขตตามขอบหน้าผาหรือแนวสันปันน้ำ ซึ่งวันนี้จะมีการคุยกันในเรื่องเขตรอยต่อไทยกัมพูชาที่เป็นสันเขาและล้ำเข้ามาในดินแดนของประเทศไทย ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่ารัฐบาลเตรียมจัดดีเบตรับฟังความเห็นเรื่อง MOU43-44 ทาง กมธ.จะมีส่วนร่วมอย่างไรนั้น นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม โดยเฉพาะพี่น้องชายแดน 7 จังหวัด โดยนำวิทยากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญให้ข้อมูลทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยแก่ประชาชนตามแนวชายแดน
ส่วนจะทำให้เราเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่ในการดีเบตครั้งนี้ นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบอยู่ที่ข้อกฎหมายอยู่แล้ว สิ่งที่ประเทศไทยเราจะได้ก็คือประชาชนได้มีความรู้เพิ่มขึ้น และเห็นด้วยในการทำประชามติแบบประเทศประชาธิปไตย เราอย่าไปคิดว่าตอนเซ็น MOU ทำไมไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และพอคราวนี้ตัดสินใจให้ประชาชนมีส่วนร่วม ตนคิดว่ารัฐบาลหรือ ครม. จะตัดสินใจว่าจะยกเลิกหรือไม่เพียงแต่ต้องการให้ประชาชนมามีส่วนร่วม และการที่กัมพูชาทำพฤติกรรมแบบนี้เราก็ต้องเก็บข้อมูลเพราะเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เราก็ต้องไปเก็บข้อมูลว่าละเมิดอย่างไร สิ่งเหล่านี้พอถึงเวลาจะย้อนกลับและเป็นคนประโยชน์ต่อประเทศไทย
“สิ่งสำคัญที่สุด ที่ผมอยากทำความเข้าใจกับประชาชนคือ ให้ประชาชนยึดหลักผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ สิ่งที่เห็นต่างกันในข้อเท็จจริงเราอย่านำประเด็นที่เห็นต่างกันทำเพื่อชัยชนะ ประเด็นที่เห็นต่างและทำให้กัมพูชาเอาประเด็นที่เห็นว่ามีประโยชน์ไปอ้างได้ในเวทีโลก” นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี