วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า อ่านข่าวนายกฯอนุทิน เตรียมทาบทามเอกนิติและศุภจี เป็น candidate นายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย
นี่คือ Political marketing ที่ออกมาในจังหวะที่เพื่อไทยระส่ำ และ ปชป.ภายใต้อภิสิทธิ์ ที่อาจชิงแชร์ Party List จากฐานชนชั้นกลางอนุรักษ์
ผมสมมุติว่าถ้ากล้าๆหน่อย ให้ศุภจี เป็นเบอร์หนึ่งไปเลย
เนื่องเพราะถ้ากล้าให้ศุภจีขึ้นเป็นแคนดิเดตนายกอันดับ 1
ภูมิใจไทยจะได้คะแนนเมืองสูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งพรรค
นี่คือ Political Marketing ล้วนๆนั่นแหละ
แต่มันทำงานแบบ “โดปามีน–ความหวัง–ความเป็นไปได้ใหม่” ที่โดนใจคนเมืองทันที
1) ศุภจีคือBrand Positioning ที่ปชป. กับพรรคกลางเมืองเก่าเคยถือ แต่ตอนนี้ไม่มีใครเหลือ
คนเมืองไม่ได้ต้องการแค่ “คนเก่ง”
แต่ต้องการ รูปแบบผู้นำที่พาไทยไปสู่โลกสมัยใหม่
ศุภจีมี 4 สัญลักษณ์ที่โดนใจทันที
Corporate leadership…
Professional class…
Global mindset…
Integrity+ modern governance…
นอกจากนี้ศุภจียังเป็น Effective Executive ที่ปลอดคอรัปชั่น
นี่คือสิ่งที่พรรคเมืองต้องมี แต่ตอนนี้ไม่มีใครมีครบ
ไม่ใช่พรรคประชาชน
ไม่ใช่ประชาธิปัตย์
ไม่ใช่เพื่อไทย
ช่องว่างนั้นก็คือ “ช่องผู้นำหญิงระดับ CEO”
และ “ผู้นำแบบ technocratic-modern”
ศุภจีเข้ารูปแบบนี้เป๊ะ
คะแนนเมือง—โดยเฉพาะผู้หญิง 30+ และกลุ่มเงินเดือน 35K–200K—จะไหลมาอย่างไวมาก
2) การเอาศุภจีเป็นเบอร์ 1 คือการ Rebrand พรรคทั้งก้อนทันที
ภูมิใจไทยตอนนี้มี narrative ชัดอยู่แค่ 2 อัน
1. พรรคภูมิภาค ใจถึง ยิงแม่น
2. พรรคอนุทิน และเนวิน
ถ้าเอาศุภจีขึ้นเบอร์ 1
พรรคจะเปลี่ยนเป็น…
“พรรคที่พร้อมบริหารประเทศด้วยมืออาชีพ ไม่ใช่พรรคภูมิภาค”
นี่จะกลายเป็น สินทรัพย์การสื่อสารระดับพรรคทั้งพรรค
ทุกสื่อจะพูดคำว่า…
คือพรรคทันสมัย…
พรรคมีนักบริหารมือโปร…
พรรคพร้อมมีทีมบริหาร…
พรรคมีผู้นำผู้หญิงระดับโลก…
พรรคปะทะได้ทั้งโลก–เศรษฐกิจ–เทคโนโลยี
นี่คือ rebrand shot ที่ร้อนแรงที่สุด…
3) ถ้าให้ศุภจีเป็นเบอร์ 1 คือตัดลมหายใจประชาธิปัตย์ทันที
ประชาธิปัตย์เคยมี “คะแนนกลาง–กลางบน”
ตอนนี้ไม่มี “หน้าตา” ที่จะขายคนเมืองเลย
ถ้าภูมิใจไทยกล้า…
ศุภจี คือตัวแทนความหวังคนเมืองที่เบื่อความวุ่นวายทางการเมือง
ปชป. จะโดนกิน คะแนน Party List ตั้งแต่
ภาคใต้…
กรุงเทพฯ…
ภาคกลางตอนบน…
เชียงใหม่/เชียงราย เขตชนชั้นกลาง…
ระยอง–พัทยา…
นี่คือหมาก “ยึดที่มั่นคนชั้นกลาง” แบบประชาธิปัตย์เคยเป็น
4) ทำไมพรรคไม่กล้าให้ศุภจีเป็นเบอร์ 1?
เพราะ…
1. แบรนด์พรรค คืออนุทิน
การเอาศุภจีขึ้นหมายเลข 1 เท่ากับยอมสละ narrative ที่สร้างมา 10 ปี
2. โครงสร้างภายในพรรค ชัดมาก
การให้ศุภจีเบอร์ 1 คือการเลื่อนข้าม “สายการเมือง” อันดับใหญ่ในพรรค
3. กลัวเสียคะแนนชนบท
จริงๆ ไม่เสียหรอกเพราะคนชนบทโฟกัส “นโยบาย” ไม่ใช่ “หน้าเบอร์ 1”
แต่พรรคกลัวความเสี่ยงทาง perception
4. การต้านภายในพรรคจากกลุ่มที่กังวลว่า “จะถูกลดบทบาทหลังเลือกตั้ง”
คือนักเลือกตั้งบ้านใหญ่ต้านนั่นแหละ
กล่าวโดยสรุป นี่คือ Political Marketing ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับภูมิใจไทย ถ้ากล้าทำจริง
และมันจะเพิ่ม party-list แบบ “กระฉูด” ไม่ใช่แค่เพิ่ม “นิดหน่อย”
เพราะมันจะเปลี่ยน perception แบบทันที
พูดเรื่องเศรษฐกิจ…
พูดเรื่อง Digital Governance…
พูดเรื่องผู้หญิงในภาวะผู้นำ…
พูดเรื่อง corporate integrity…
พูดเรื่อง modern Thailand…
นี่คือ narrative ใหม่ที่เมืองรอ แต่ยังไม่มีใครส่งให้
นึกภาพ ทักษิณสละตำแหน่งนายกฯให้ ดร.สมคิด ยังไงยังงั้น มันไม่มีวันเกิดขึ้นหรอก
แต่แค่คิดก็ฟินแล้ว…
และที่สำคัญที่สุด…
ถ้าศุภจีเป็นเบอร์ 1…
ภูมิใจไทยจะได้สิทธิ์ที่พรรคอื่นไม่มี…
คือ “ดึงคนที่อยากเห็นไทยวิ่งทันโลก แต่ไม่ชอบความรุนแรงทางการเมือง”
ตลาดนี้…มูลค่าสูงมาก และไม่มีพรรคไหนครองอยู่…
ท่านนายกฯโปรดนำ ฝันลมๆแล้งๆของผมไปคิดขำๆ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี