กังขา DSI ออกหมายเรียกผู้ต้องหา‘ฮั้ว สว.’ไม่ระบุเหตุผล จับตาหาทางลง หลังนัดไต่สวน‘ภูมิธรรม-ทวี’

กังขา DSI ออกหมายเรียกผู้ต้องหา‘ฮั้ว สว.’ไม่ระบุเหตุผล จับตาหาทางลง หลังนัดไต่สวน‘ภูมิธรรม-ทวี’

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 16.38 น.

การเมืองเปลี่ยนขั้ว! กังขา‘ดีเอสไอ’ออกหมายเรียกผู้ต้องหาคดี‘ฮั้ว สว.’ไม่ระบุวัตถุประสงค์กระทำผิด ทั้งที่ก่อนหน้ารับเป็น‘คดีพิเศษ’ระบุชัดทั้งสาเหตุ ข้อกฎหมายฐานความผิด จับตากำลังหาทางลง หลังศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวน‘ภูมิธรรม-ทวี’วันที่ 24 ธ.ค.นี้

20 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีวันที่ 11 พ.ย.68 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยกองคดีการฟอกเงินทางอาญา ออกหมายเรียกผู้ต้องหารายหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หลังสอบสวนพยานประมาณ 1,200 คน โดยมี พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว สว.สำรอง เป็นผู้กล่าวหา ในคดีฮั้วสว.


ทั้งนี้ ให้เหตุผลมาสอบสวน ระบุว่า “ร่วมกันเป็นอั้งยี่และเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกติปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมาย เพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ฯลฯ”

จึงให้ผู้ต้องหารายนี้ไปที่กองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 19 พ.ย.68 เพื่อพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ลงนามโดยนายเอกรินทร์ ดอนดง พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าการออกหมายของดีเอสไอครั้งนี้ เป็นการแจ้งข้อหาโดยไม่ระบุเหตุผลว่าเกี่ยวข้องกับฐานความผิดหลักเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร อย่างชัดเจนเพื่อที่ให้ผู้ต้องหาชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนได้ถูกต้อง

แตกต่างจากมติคณะกรรมการคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ในสมัยที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เป็นประธาน ที่มติรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษและระบุฐานความผิดชัดเจนว่าเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547   ส่วนคดีอาญาใดที่ต่อเนื่องหรือเกี่ยวข้องกับคดีพิเศษดังกล่าว เช่น คดีความผิดฐานอังยี่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 รวมทั้งความผิดตามมาตรา 116 และการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวกับการฟอกเงินทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2561 มาตรา 77 วรรคท้าย ย่อมเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคสอง ที่จะทำการสอบสวนต่อไปได้ โดยไม่ต้องมีมติให้คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังมีการคาดว่าสาเหตุที่กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่แจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหาดังกล่าวอย่างชัดเจน เพราะอาจเกิดความกังวลและต้องการหาทางลง หลังรับทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวน นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรมว.ยุติธรรม ในวันที่ 24 ธ.ค. นี้หลัง สว. ยื่นให้ตรวจสอบฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4)  และ (5) หรือไม่  เนื่องจากใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ  แทรกแซงอำนาจ กกต. ในกระบวนการตรวจสอบการเลือกตั้งวุฒิสภา  และรับเป็นคดีพิเศษใช่หรือไม่ 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top