วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘หนู’เมินข่าวยุบสภากลางธ.ค.
อำนาจอยู่ที่นายกฯ
ยันข่าวปล่อย-เสียเวลาทำงาน
พท.ดักคอยุบสภาหนีไม่ได้
ปชป.อุบ3แคนดิเดตนายกฯ
“อนุทิน” ยิ้มรับหลังนักวิชาการมองเปิดชื่อ “ศุภจี” แคนดิเดตนายกฯ ส่งผลดีได้ฐานเสียงเพิ่ม ย้ำยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯไม่ต้องปรึกษาใคร ชี้เป็นรบ.เสียงข้างน้อย ต้องพร้อมเลือกตั้งเร็วที่สุด เมินกระแสชิงยุบสภากลางธันวาคม ชี้อำนาจอยู่ที่นายกฯ ไม่ประเมินคนปล่อยข่าว ป่วยการเสียเวลาทำงาน ’ภราดร’แย้มรบ.พร้อมเปิดสภาวิสามัญ8-11ธ.ค.ถกแก้รธน.ไม่รับปากนายกฯชิงยุบสภา ถ้าถูกยื่นซักฟอกขณะที่‘เพื่อไทย’ลั่นยื่นซักฟอกม.151ต้องตามใจ‘จุลพันธ์’ไม่ใช่‘อนุทิน’ดักคอยื่นญัตติซักฟอกก็ยุบสภาหนีไม่ได้ ชี้ไม่มีอะไรใหญ่กว่ารธน.‘จุลพันธ์’เมินภท.เปิด3แคนดิเดตนายกฯแย้มธ.ค.เพื่อไทยเปิดบ้าง เชื่อตื่นเต้น-ประทับใจแน่ ด้าน ปชป.เล็งเสนอแคนดิเดตนายกฯ3คน’อภิสิทธิ์’บอกไม่รีบเปิดหวั่นเสียเปรียบ
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.15 น.ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทยที่มีชื่อ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ซึ่งมีนักวิชาการออกมาให้ความเห็นว่าจะสามารถช่วยดึงคะแนนของกลุ่มคนวัยทำงานได้เพิ่มมากขึ้นถือว่าจะเป็นสัญญาที่ดีหรือไม่ว่า ทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ดีหมด แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เปิดตัวอะไรทั้งสิ้น ผู้สื่อข่าวถามมาก็เพียงตอบความคิดตัวเองไปใครก็ตามที่มีความสามารถ ผลงานและมีความตั้งใจในการทำงาน ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศซึ่งไม่ใช่เฉพาะพรรคภูมิใจไทย ต้องเร่งหาคนที่มีฝีมือ หากเขามีความยินดีที่จะมาช่วยเหลือบ้านเมือง ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย และขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับนางศุภจีแต่อย่างใด
นายกฯย้ำยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ
เมื่อถามว่ามีการส่งสัญญาณยุบสภาไปยังพรรคร่วมรัฐบาลแล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องส่งสัญญาณ ตนเคยพูดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นนายกรัฐมนตรี ว่าเรื่องยุบสภาเป็นอำนาจที่จะเสนอ แต่สุดท้ายก็เป็นพระราชอำนาจ คนที่ทูลเกล้าฯให้ทรงวินิจฉัยคือนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นนี่เป็นอำนาจในการนำขึ้นทูลเกล้าฯ อยู่ที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว ไม่ต้องไปหารืออะไรกับใคร
เมื่อถามย้ำว่าการเปิดรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยครบทั้ง3 คนอาจเป็นการส่งสัญญาณชิงจังหวะยุบสภาก่อนกำหนดหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เราเป็นการเมือง เราเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ต้องมีความพร้อมในการดำเนินการเลือกตั้งให้เร็วที่สุด และต้องบริหารจัดการบ้านเมือง โดยรู้ว่ามีระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งก็ต้องทำให้ดีที่สุด
เมินข่าวชิงยุบสภากลางเดือนธ.ค.
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกระแสข่าวการยุบสภาช่วงกลางเดือน ธ.ค. ก่อนไทม์ไลน์31ม.ค.68 มองว่ามีนัยอะไรหรือไม่ว่า กระแสข่าวนั้นไม่ทราบว่ามาจากไหน จึงไม่รู้จะตอบอย่างไร ซึ่งความเป็นนายกฯ ซึ่งต่างจากรัฐมนตรีคนอื่นๆ คือการมีไว้ซึ่งอำนาจการทูลเกล้าฯ ออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภา ส่วนกระแสข่าวจะออกมาอย่างไรก็แล้วแต่ ตัวนายกฯเขาไม่ยุบก็คือไม่ยุบ หรือจะไม่มีกระแสข่าว แต่นายกฯเห็นว่าควรจะยุบก็ยุบ ตรงนี้เป็นสิทธิ์ และเป็นอำนาจที่นายกฯมีอยู่แล้วภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ทำงานทุกวัน ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่ากระแสข่าวมาได้อย่างไร นายกฯกล่าวว่า ประเมินไปก็ป่วยการ เสียเวลาทำงานเปล่าๆ
รบ.แย้มเปิดสภาวิสามัญ8-11ธ.ค.ถกแก้รธน.
ที่รัฐสภา นายภราดร ปริศนานันท์ฐกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นขอทูลเกล้าฯเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญว่าตนได้เห็นความก้าวหน้าของการพิจารณาในชั้น กมธ.ซึ่งประเมินกันว่าภายในสัปดาห์หน้า โอกาสที่จะเสร็จมีสูงเพราะในวันที่ 21พ.ย. การพิจารณาจะเสร็จสมบูรณ์และสัปดาห์หน้าจะเป็นการทบทวน
นายภราดรกล่าวอีกว่าในส่วนคณะรัฐมนตรี(ครม.) ตนได้หารือกับนายกรัฐมนตรี ถึงแนวโน้มในการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญซึ่งนายกฯ และ ครม.ไม่ได้ขัดข้องอะไร และยืนยันมาตลอดว่าจะเร่งผลักดันให้รัฐธรรมนูญเดินหน้าเร็วที่สุด ซึ่งหากกมธ.มีความพร้อม และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จทันกรอบเวลา ก็พร้อมที่จะเปิดประชุมสมัยวิสามัญ คาดว่าจะเป็นช่วงวันที่ 8-11 ธ.ค. ส่วนจะเป็นวันที่เท่าไหร่ต้องหารือและดูกันอีกที
ไม่รับปากนายกฯชิงยุบสภาถ้าถูกยื่นซักฟอก
เมื่อถามว่าหากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีปัญหาหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ก็ผูกโยงกันได้บ้าง แต่แน่นอนว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องนำไปสู่การลงมติ ดังนั้นต้องดูญัตติว่าเป็นการอภิปรายครม.ทั้งคณะหรือรายบุคคล หากฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตขึ้นมา ก็จะไม่มีรัฐบาลต่อและต้องมีการโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ หรือเป็นอำนาจนายกฯในการที่จะตัดสินใจทางการเมือง ซึ่งนายกฯอาจจะยุบหรือไม่ยุบสภาไม่มีใครตอบได้
ปัดกลัวตรวจสอบแต่เสียงไร้โอกาสชนะ
เมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าหากมีการยื่นเปิดอภิปรายนายกฯจะได้รับได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร นายภราดร กล่าวว่ารัฐบาลไม่ได้กลัวการตรวจสอบ แต่เราประกาศตั้งแต่วันแรกว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้น การจะชนะเสียงในสภาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เราจึงต้องประสานงานกับทุกพรรคในการพิจารณากฎหมาย เพื่อใช้เวลาในช่วงช่วง 4 เดือนให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งเราพยายามหาความเห็นพ้องต้องกัน ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายผ่านเยอะมาก เทียบแล้วการผ่านกฎหมายในช่วง 4 เดือนนี้ เกือบจะมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เสียงของรัฐบาลจะชนะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และต้องดูว่าหากเสียงโหวตไม่ไว้วางใจมีมากกว่า 247เสียงหรือไม่ ถ้าหากมากกว่านั้น นายกฯก็อยู่ไม่ได้
พท.ไม่มีอะไรใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ก็พร้อมชี้แจง แต่ถ้าเป็นอภิปรายไม่ไว้วางใจมาตรา 151 ก็พร้อมยุบสภามองเรื่องนี้อย่างไรและพรรค พท.จะยื่นหรือไม่ ว่า ตนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีตอบคำถามสื่อมวลชนซึ่งอำนาจในการยุบสภาได้หรือไม่ได้ ท่านใช้คำว่าเอาตามอนุทิน แต่ตนมองว่าน่าจะเข้าใจผิดเพราะกระบวนการในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ถูกกำหนดชัดว่าหากยื่นแล้ว และใช้คำว่าเสนอญัตติไม่ใช่การบรรจุญัตติสู่สภา จะไม่สามารถยุบสภาได้ ฉะนั้น จะไม่มีข้อบังคับการประชุมหรืออะไรที่ใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ
ดักคอ‘หนู’ยุบสภาหนีซักฟอกไม่ได้
นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า“เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญชัดเจนในเรื่องนี้กำหนดว่าเมื่อมีการเสนอญัตติแล้วจะยุบสภาไม่ได้เพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงการตรวจสอบ ดังนั้นคงไม่ใช่การตามใจนายอนุทิน แต่กระบวนการในการยื่นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151หรือ152นั้นอันนี้ต้องตามใจจุลพันธ์ ต้องตามใจพวกตน เพราะพวกเราเป็นฝ่ายค้าน มีหน้าที่ในการตรวจสอบ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบต้องมาดูว่า ความผิดและความเสียหายต่อประเทศอยู่ในขั้นไหน
ถ้าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152ก็เป็นเพียงการเสนอแนะรับฟังความคิดเห็นฉะนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องของการเสนอแนะเพียงอย่างเดียว มันต้องยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติ
“กระบวนการพวกนี้เป็นอำนาจของฝ่ายค้าน และเป็นอำนาจของสส. ในการเสนอญัตติ ตรงนี้ขอให้พวกผมดำเนินการดีกว่า ท่านในฐานะที่เป็นรัฐบาล เมื่อถูกตรวจสอบแล้ว ก็ควรจะเปิดให้มีการอภิปราย รับฟังตอบข้อซักถามและข้อสงสัย หากท่านตอบได้กระจ่างชัดแน่นอนว่าคะแนนจะเป็นของท่าน เมื่อเดือนหน้าสู่การเลือกตั้งท่านประสบชัยชนะอย่างแน่นอน เราก็อยากให้กระบวนการตามประชาธิปไตยเดินไปตามครรลองของมันตนจึงดูเรื่องความเสียหายต่อประเทศเป็นหลัก” นายจุลพันธ์ กล่าว
โวข้อมูลซักฟอกมีมากเพียงพอ
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่าดังนั้นเราจึงต้องระมัดระวัง ตอนนี้เราก็อยู่ในกระบวนการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ได้มากเพียงพอแล้ว มีการตั้งทำงานภายในคณะทำงานภายในขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมการในเรื่องนี้ เชื่อได้ว่ากระบวนการที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและเราจะทำให้ดีที่สุด เพื่อชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหาที่มีรัฐบาลนี้อยู่ต่อไป ส่วนหากท่านจะตัดสินใจยุบสภา นั่นก็เป็นอำนาจของท่าน ตนบังคับไม่ได้และยืนยันว่าวันที่ตนไปคุยกับพรรคประชาชน ก่อนที่เขาจะลงมติเลือกพรรคภท.เราก็บอกว่าพวกตนจะยุบสภาเลยหมายความว่าพวกตนพร้อม
รับเป็นห่วงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายจุลพันธ์ยอมรับว่าแน่นอนว่าเราก็มีความเป็นห่วงในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ต่างจากพรรคการเมืองอื่น ในชั้นคณะกรรมาธิการแล้วก็ทำงานอย่างเต็มที่ แต่เรื่องการตรวจสอบรัฐบาล คงไม่ได้เอาเรื่องอื่นมาเป็นปัจจัย หากเกิดความเสียหายต่อประเทศ หน้าที่ของพวกตนในการตรวจสอบคือทำงานได้เต็มที่ในสภา
เมื่อถามว่าหากดูไทม์ไลน์ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ3คือช่วงสิ้นเดือนธันวาคมและตามกรอบยุบสภาคือช่วงสิ้นเดือนมกราคมจึงเหลือประมาณ 1เดือน กรอบเวลาในการยื่นอภิปรายจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่นายจุลพันธ์ กล่าวว่าปัญหามันคงไม่ใช่เรื่องกรอบเวลา ต่อให้เหลือเวลา 3 วันแล้วมีความเสียหายต่อประเทศ มีการทุจริตคอรัปชั่น แล้วจะให้พวกตนหยวนๆ ไปเถอะเราคงทำไม่ได้ เราก็ต้องตรวจสอบก็แค่นั้น หากพวกตนไม่มีหลักฐานที่ดีพอ ไม่มีข้อมูลเป็นที่ประจักษ์ สุดท้ายความเสียหายก็จะเกิดกับพวกตนเอง
เมื่อถามว่าหากจะยื่นอภิปรายนั้นจะจำเป็นต้องให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ3ผ่านไปก่อนใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่าตนไม่ได้ตอบในจุดนี้ ขอให้มีการหารือ เพราะได้ฝากกับทีมยุทธศาสตร์ของพรรค ในเรื่องการเดินการยื่นญัตติในตอนนี้ต้องมีการคุยกัน อย่างละเอียดและต้องดูจังหวะเวลา ที่มีความเหมาะสมที่สุด ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปกลับมาถามย้ำว่า จะเป็นการยื่นญัตติอภิปรายตามมาตรา 151 แน่นอนไม่ใช่ 152 ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้พูดแบบนั้น แต่ขณะนี้ไม่ได้มีการเตรียมที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152
ผู้สื่อข่าวได้แซวว่าพูดขนาดนี้ ก็บอกมาเลยว่ายื่นญัตติอภิปรายตามมาตรา 151 ทำให้นายจุลพันธ์ หัวเราะแต่ไม่ได้ตอบอะไร
พท.เมิน3แคนดิเดตนายกฯภท.
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเปิดตัว3แคนดิเดตนายกฯว่าเป็นความพยายาม และเป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค ที่พยามผสมภาพที่ไม่ได้เป็นฝ่ายการเมืองเข้ามา แต่รู้อยู่ดีว่าในข้อเท็จจริง ตัวจริงมีเพียงหนึ่งเดียว คือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยซึ่งคงสลัดภาพความเป็นภูมิใจไทยเก่าไม่ได้ เป็นความพยายามของพรรคภูมิใจไทยก็อยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ส่วนแคนดิเดตนายกฯอีก 2 คน ถือว่า มาเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วก็ต้องพิสูจน์ว่าการข้ามจากภาคเอกชนมาสู่การเมืองจะทำประโยชน์ให้กับประชาชนสมความตั้งใจหรือไม่ ต้องดูกันต่อไป
เปิดตัวธ.ค.เชื่อตื่นเต้นประทับใจแน่
ส่วนพรรคเพื่อไทยจะใช้จังหวะไหนเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯนายจุลพันธ์ กล่าวว่า อยากให้คนรู้สึกอยากรู้ เพื่อที่จะได้ติดตาม แต่คาดว่าภายในเดือนธันวาคมนี้จะมีความชัดเจน และเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการพูดคุย หารือ และสรุปผล แต่ไม่ขอเปิดเผย ว่า เป็นคนนอก หรือ คนใน ขอให้รอดูทีเดียว หากให้ข้อมูลก่อน ก็จะไปคาดเดากัน เดี๋ยวจะไปกันใหญ่ เปิดมาคงจะตื่นเต้นกัน และจะเป็นที่ประทับใจ ขอให้รอเวลา
บ้านใหญ่ไหลเข้าภท.เป็นเรื่องปกติ
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมเปิดตัวบ้านใหญ่ชลบุรีและสุพรรณบุรีในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ มองอย่างไรที่บ้านใหญ่ไหลไปรวมที่นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องการขยับสับเปลี่ยนช่วงใกล้การเลือกตั้งเป็นเรื่องปกติ เราไม่ได้พะวงอะไร ในส่วนของแต่ละจังหวัดก็มีผู้สมัครเข้ามามากมาย จะคัดสรรคนที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ทำงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่อง มีอุดมการณ์ตรงกับพรรค และต้องเป็นคนที่มีโอกาสจะได้รับการเลือกตั้ง เราทำงานเต็มที่ทุกเขต เราห่วงเรื่องการทำงานของเรามากกว่า ไม่ได้พะวงเรื่องของพรรคการเมืองอื่น วันนี้เปิดตัวผู้สมัครจังหวัดกำแพงเพชร ก็เป็นทีมที่แข็งแรง ดังนั้น เราก็มีพื้นที่ที่เป็นจุดแข็งของพรรค และจะรักษาจุดแข็ง เดินหน้าสู่ชัยชนะในการเลือกตั้ง
ปชน.พร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบทุกมิติ
ที่รัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า พรรคให้ตนโฟกัสเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลักแต่ไม่ว่าจะมีพรรคการเมืองใดเริ่มยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนยืนยันว่าในฐานะที่เป็นพรรคฝ่ายค้านเราพร้อมที่จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในทุกมิติแน่นอน ส่วนจะเป็นการยื่นอภิปรายด้วยตัวเองของพรรคประชาชนที่มีเสียงสส.ครบหรือไม่ ยังอยู่ในขั้นการพิจารณา คงจะพิจารณาประกอบตามเงื่อนที่ปรากฎในMOAเพราะคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า2ใน 5 ข้อนั้นเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ
จี้ปลด‘รมต.เทา’ไม่ต้องรอยื่น‘ซักฟอก’
“ส่วนคุณสมบัติของรัฐมนตรีรายบุคคลก็ไม่ต้องรอให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากรัฐบาลเห็นว่าบุคคลเหล่านั้นมีคุณสมบัติที่มีปัญหา หรือมีข้อกังขาสำหรับประชาชนก็สามารถใช้กลไกอื่นจัดการได้อยู่แล้ว เพื่อให้การเดินหน้าตามข้อตกลง MOAเป็นไปด้วยดี และเป็นสิ่งที่รัฐบาลประกาศไว้เองว่าจะเป็นผู้ปราบปรามธุรกิจสีเทาต่าง ๆและผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของรัฐบาล ถ้าไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหาการเปิดอภิปรายไม่ว่าจะเป็นมาตรา151 หรือ 152 หรือการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติอื่นๆก็เป็นอาวุธหรือเครื่องมือที่ฝ่ายค้านเตรียมไว้ทุกมิติ”นายณัฐวุฒิกล่าวพร้อมย้ำว่า เข้าใจว่าสส.ของพรรคประชาชนมีการหารือมาโดยตลอดว่าจะใช้เครื่องมือใดในการตรวจสอบรัฐบาลโดยจะเป็นการยื่นญัตติอภิปรายเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะไม่ว่าจะเป็นตามมาตรา 151 หรือ 152 ซึ่งคงต้องหาข้อสรุปของที่ประชุมสส.พรรคและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ปชป.เล็งเสนอแคนดิเดตนายกฯ3คน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมพร้อมผู้สมัครสส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีประกาศแคนดิเดตของพรรคภูมิใจไทยแล้ว 3 คนว่า พรรคยังชวนคนมาสมัคร สส.อยู่เพราะพรรคเพิ่งเริ่มประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งแรกได้เมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาเพราะตอนนี้พรรคเร่งเฟ้นหาผู้สมัครที่เชื่อในแนวทางการเมืองที่เราอยากจะทำให้เร็วที่สุดแคนดิเดตนายกฯหาไม่ยาก ชวนใครก็รับทั้งนั้นแหละครับ”
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอคนเดียวหรือ 3 รายชื่อตามกฏหมาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในอดีตเราจะเสนอคนเดียวแต่ได้พูดคุยกันในเบื้องต้นว่าเอาเข้าจริงๆ การเสนอชื่อคนเดียวมันไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทางการเมือง เพราะเคยเจอมาแล้วตอนปี 2562ที่ตนมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯเมื่อตนลาออกจากหัวหน้าพรรคพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีแคนดิเดตนายกฯหัวหน้าพรรคคนใหม่ก็ไม่มีชื่ออยู่ในแคนดิเดต ขณะที่ชื่อตนก็ยังค้างอยู่โดยไม่สามารถออกได้ ยกเว้นไปบวชหรือล้มละลาย หรือขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ครั้งนี้จึงเห็นตรงกัน เบื้องต้นว่าน่าจะไม่ใช่คนเดียวต้องเป็น3คน
อีก2คนมีชื่อในใจแล้วแต่ยังไม่รีบเปิด
ส่วนจะบอกได้หรือไม่ว่าอีก2คน เป็นนักการเมืองหรือนักธุรกิจนายอภิสิทธิ์กล่าวว่าใครมาตรงนี้ตนถือว่าเป็นนักการเมืองไม่มีหรอกที่เป็นแคนดิเดตนายกฯแล้วไม่เป็นนักการเมือง ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่ได้รายชื่อทั้ง 3 คนเพราะเรื่องนี้ต้องนำเข้าที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคแต่ในใจตนมีรายชื่อแล้วเพื่อนๆ แถวนี้ก็มีอยู่ แต่ไม่รู้ว่าตรงกันหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวชี้ไปที่นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่าใช่คนนี้ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หัวเราะก่อนจะบอกว่าเค้าช่วยตนคิดอยู่
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่เปิดรายชื่อเพื่อชิงความได้เปรียบหรือไม่ เพราะพรรคภูมิใจไทยเปิดไปแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า“ผมเป็นคนชอบดูกีฬา แล้วพอดีทำอะไรก่อนมันเสียเปรียบ”ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่า จะรอดูแต่ละพรรคแล้วค่อยเปิดทีเดียวใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ทราบครับ
‘เพื่อไทย’เปิดตัว3ผู้สมัครสส.กำแพงเพชร
วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรค พท.พร้อมด้วย แกนนำของพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค นายพงษ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรค ร่วมเปิดตัวผู้สมัครสส.เป็นรอบที่ 5 จำนวน 3 คนประกอบด้วย 1.นายธนากร รัตนากร (ลูกชายนายวราเทพ) 2.นายนพพล ผลอำนวย (ลูกชายนายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ) และ 3.นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ โดย นายสุริยะ กล่าวว่า ตนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อที่จะได้เป็นผู้สมัคร สส.เพื่อไทย วันนี้เปิดตัว จ.กำแพงเพชรโดยได้มีการคัดเลือกมาแล้ว 3 คน แต่กำแพงเพชรมี 4 เขต ซึ่งอีก 1 เขต กำลังคัดเลือกและจะเปิดตัวในโอกาสต่อไป
ต้อนรับ’วราเทพ’กลับบ้านเสริมทัพ
ด้านนายจุลพันธ์กล่าวว่าวันนี้พรรคพท.มีกิจกรรมเปิดตัวผู้สมัคร สส.อย่างต่อเนื่อง วันที่ 21 พ.ย.จะมีอีกครั้งขอให้ติดตามการเปิดตัวผู้สมัครที่มีความเข้มแข็ง วันนี้ยินดีอย่างยิ่งและต้อนรับนายวราเทพ รัตนากร กลับบ้าน ซึ่งนายวราเทพถือเป็นบุคลากรทรงคุณค่าของพรรคอย่างยาวนาน เราเคยทำงานร่วมกันตั้งแต่สมัยพรรึไทยรักไทยต่อเนื่องมาเรื่อยๆนายวราเทพเป็นอดีตรัฐมนตรีในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯซึ่งทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมากมาย วันนี้เราได้ความเข้มแข็งของกำแพงเพชรกลับมา พร้อมกับนายวราเทพ รวมถึงผู้สมัครที่มีแนวโน้มว่าจะชนะการเลือกตั้งได้สูงมาก ทำให้พรรค พท.มั่นใจว่าจะปักธงที่กำแพงเพชรได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เชื่อว่านายวราเทพจะสามารถทำภารกิจและทำงานให้กับพรรคได้ในหลายมิติทั้งในเรื่องของนโยบายการเงินการคลัง การแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในหลายมิติ ฉะนั้น ในเรื่องของการเสริมทีมที่แข็งแกร่งจะทำให้พรรค พท.เดินหน้าสู่การเลือกตั้งได้อย่างเข้มแข็งต่อไป
มั่นใจได้4เขตรวม 200 ที่นั่งตามเป้า
นายวราเทพ กล่าวว่าวันนี้ตนได้กลับมาอีกครั้งก็รู้สึกดีใจ เชื่อมั่นว่าจะสามารถมาช่วยเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ให้กับพรรค พท.ในการแข่งขันการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เชื่อมั่นว่าพรรค พท. ยังเป็นพรรคการเมืองที่ประชาชนให้การสนับสนุนจากผลงานที่ผ่านมา หรือแนวคิดนโยบายที่ดีๆซึ่งหลายนโยบายที่ทำสำเร็จไปแล้วมีมากกว่าที่ไม่สำเร็จและมั่นใจว่าทีมกำแพงเพชรจะได้สส. 4 คน ไปรวมในเป้าหมาย 200 คนตามที่นายสุริยะหวังไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี