วิเคราะห์คำพูด'เอกนิติ' สร้างภาพกล้าพูดความจริง-ชิงใจคนเมือง-ปูฐานเลือกตั้ง

วิเคราะห์คำพูด'เอกนิติ' สร้างภาพกล้าพูดความจริง-ชิงใจคนเมือง-ปูฐานเลือกตั้ง

วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 20.04 น.

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 อ.ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า เลือกตั้งน่าจะมาเร็วกว่าที่คิด ภูมิใจไทยถึงโยนก้อนหินถามทาง กรณีให้เอกนิติและศุภจี เป็น Candidate

วันนี้ เอกนิติว่าที่แคนดิเดตนายกฯของภูมิใจไทยเบอร์สอง กลับเอ่ยถึง การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 8.5% ในปี 2571 และ 10% ในปี 2573 ในกรณีที่เศรษฐกิจฟื้นตัว


ซึ่งปกติใกล้เลือกตั้งไม่น่าจะมีการพูดเพราะอาจจะเสียคะแนน

ดังนั้น…
นี่จึงไม่ใช่ “เผลอหลุดปาก“
น่าจะถูกออกแบบมาแล้ว แบบคนที่อ่านตำราเศรษฐศาสตร์พอ ๆ กับอ่านเกมการเมือง

(1) เขาปล่อยสัญญาณเพื่อ “ล็อก Narrative” ล่วงหน้า
VAT คือยาขมที่สุดในระบบภาษี
ใคร “พูดก่อน” คือคุม Narrative
ใคร “พูดตอนจำเป็น” จะถูกต้านหนักเพราะเวลาปรับตัวน้อย เพิ่มภาระ

ดังนั้นการพูดตอนนี้ จะทำให้ว่าที่แคนดิเดทนายกฯของภจท. เป็นตัวแทนพรรคที่กล้าพูดความจริงเรื่องการคลัง
ในจังหวะที่เพื่อไทยกับประชาชน ต่างอยู่กับนโยบายที่ใช้เงินมหาศาล
นี่คือ Political Positioning ชัดเจน ไม่ใช่เศรษฐกิจอย่างเดียว

(2) ส่งสัญญาณมืออาชีพให้คนเมืองก่อนเลือกตั้ง
คนเมือง / ชนชั้นกลาง ไม่ชอบประชานิยมสุดขั้ว ไม่ชอบโกหกเรื่องตัวเลข ไม่ชอบภาระหนี้สาธารณะในอนาคต
เอกนิติโยนไทม์ไลน์ VAT ล่วงหน้า เท่ากับ
พูดกับคนเมืองโดยตรงว่า “ผมไม่ใช่นักการเมืองแบบหลอกตัวเลข ผมคือ Technocrat“
นี่คือ solid move เพื่อเพิ่มคะแนน Party List
ตรง segment (กลุ่มที่ยังไม่ตัดสินและกลุ่มอนุรักษ์นะ)
คะแนนคนเมือง = ความชอบธรรม

3) ส่งสัญญาณให้ตลาด–นักลงทุนว่า “ไทยไม่บ้าประชานิยมอีกแล้ว”
พูดเรื่องขึ้น VAT ตอนตลาดเริ่มกังวลหนี้สาธารณะ ใกล้เลือกตั้ง มันคือสื่อไปที่
IMF…
นักลงทุนต่างชาติ…
บริษัทจัดอันดับ…
ธนาคารพาณิชย์…
ภาคเอกชนที่ซื้อบอนด์รัฐบาล…
นี่เป็นจังหวะ rebuild credibility ของไทยในเวที global finance

4) เป็นการ “ขึงแนววินัยการคลัง” ไว้ก่อนจะมีการหาเสียงครั้งใหญ่
เดี๋ยวพรรคอื่นจะแข่งกันแจกยับ
เขาขึงเส้นไว้ล่วงหน้าเลยว่า
“แจกได้ แต่ต้องตอบคำถามว่าเงินมาจากไหน”(ซึ่งเป็นปัญหาเงิน 10,000 บาทที่เพื่อไทยทำนโยบายเมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้วว่าเงินมาจากไหน)
พูดก่อนจะกลายเป็นผู้กำหนดกรอบสนามเลือกตั้ง
พรรคอื่นต้องเล่นอยู่ในกรอบนี้ทันที
นี่คือเกมวางกับดัก narrative ทางการคลังระดับสูง และออกมาจากปากอดีตอธิบดีกรมสรรพากรที่รู้เรื่องภาษีดีที่สุด และเป็นว่าที่ candidate นายกรัฐมนตรี

5) เน้นภาพเอกนิติเป็น “Technocrat“ ผู้จะเป็นขุนคลังคู่ใจนายกฯ ตลอดสมัยอนุทินเป็นนายกฯ
พูดเรื่องขึ้น VAT คือเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงนี้แปลเป็นภาพว่า
“ผมพูดเรื่องที่นักการเมืองไม่กล้าพูด”
นี่คือการยกระดับตัวเองขึ้นอีกขั้น
ตอกย้ำ Credibility Candidate นายกฯ ที่มาจากข้าราชการเก่า

6) เป็นการประกาศว่า “ประเทศไทยไม่ไหวแล้ว ต้องจ่ายกันจริง ๆ”
พูดตอนนี้เท่ากับ ส่งสัญญาณให้ภาคธุรกิจปรับตัวล่วงหน้า
ไม่รอให้ขึ้นแบบฟ้าผ่าแล้วธุรกิจสะดุด
ธุรกิจใหญ่จะ appreciate move แบบนี้มาก

7) ที่สำคัญที่สุด: วางอาณาเขตให้พรรคภูมิใจไทยเหนือเพื่อไทย–ประชาชนในเชิงนโยบายจริง
เพื่อไทย คือภาพพรรคประชานิยม
ประชาชน คือภาพ “เปลี่ยนโครงสร้าง-รัฐสวัสดิการ แต่ไม่พูดเรื่องรายได้รัฐ”
ภูมิใจไทยใช้เอกนิติ สร้าง image ภจท. “เราคือพรรคไม่โกหกตัวเลข และทำงานแบบไม่หนีความจริง”
เป็นการจิก Narrative ทั้งสองฝ่ายแบบเนียนมาก

สรุป…

เอกนิติพูดขึ้น VAT ตอนนี้
ไม่ใช่เพราะจะขึ้นจริงวันนี้
แต่เพราะต้องการ
ล็อก narrative + ขึงวินัยการคลัง + สร้างภาพกล้าพูดความจริง + ชิงใจคนเมือง + ปูฐานการเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทย

นี่คือการเคลื่อนแบบ “มืออาชีพคิดก่อน”
ไม่ใช่แบบการเมืองที่เก่งแต่ประชานิยม

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top