นักท่องเที่ยวตกค้างในรร.นับพัน
'หาดใหญ่'จมบาดาล
มรสุมพัดถล่มหนักถึง25พ.ย.นี้
16อำเภอสงขลาท่วมหนัก
3จังหวัดชายแดนใต้อ่วม
หาดใหญ่อ่วม! น้ำล้อมสนามบิน นักท่องเที่ยวตกค้างนับพัน ยันยังเปิดให้บริการปกติ ผู้ว่าฯสงขลาประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัย สั่งเร่งอพยพ-ระดมกำลังทุกหน่วยรับมือ หลัง 16 อำเภอท่วมหนัก 4.6 แสนคน เดือดร้อน อุตุฯใต้เตือนร่องมรสุมและมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพาดผ่าน ฝนยังตกหนักต่อเนื่องถึง25พ.ย.ปัตตานีฝนไม่พัก ถนนย่านเศรษฐกิจจม ท่วมสูง40ซม.บางแห่งรถเล็กวิ่งไม่ได้ เขื่อนเร่งระบายเตรียมรับมวลน้ำจากยะลา‘สตูล’วิกฤตน้ำท่วม-ดินสไลด์ เด็ก9ขวบดับ ประกาศ‘เขตภัยพิบัติ’ทั้งจังหวัด ‘ยะลา’วิกฤติขยายวงกว้าง ฝนตกหนักต่อเนื่อง4วัน มวลน้ำทะลักเข้าเขตเทศบาล สั่งเตือน10ชุมชนเสี่ยงภัยอพยพด่วน ด้านแม่น้ำสายบุรียังเอ่อท่วมหลายหมู่บ้านในอ.รามัน‘พัทลุง’ยังท่วมสูง5อำเภอเขตภัยพิบัติ
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมทั้งหารือกับนายกฤษฎา พุกะทรัพย์ ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่น.ส.จิราวดี อ่อนวงศ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสงขลาน.ส.อุไรวรรณ จันลาภ ผู้อำนวยการการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
นายอรรถกรได้ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องในการจัดการส่งอาหารและน้ำดื่มให้นักท่องเที่ยวที่ติดค้างในโรงแรมที่พัก และช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตามคำร้องขอของกงสุล ส่วนการบริหารจัดการภายในสนามบินหาดใหญ่ ให้ทางสนามบินจัดตั้งจุดขอความช่วยเหลือ และให้ตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับเจ้าหน้าที่ TAC ในการรับเรื่อง
นทท.นับพันตกค้างน้ำล้อมสนามบิน
นายอรรถกรเปิดเผยว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวหลายร้อยคนติดค้างกระจายตามโรงแรม เนื่องจากระดับน้ำสูงเกินกว่ารถทั่วไปจะเข้าถึงได้ ซึ่งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้เร่งดูแลนักท่องเที่ยวทุกคนอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้กรมชลประทานจัดบรรทุก 10 ล้อในการอำนวยความสะดวกส่งอาหาร น้ำดื่ม และรับนักท่องเที่ยวที่ติดค้างในโรงแรมที่พักออกมายังศูนย์พักพิง หรือสนามบิน โดยประสานปฏิบัติกับตำรวจท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง
นายอรรถกรกล่าวว่า ภายใน 2-3 วันนี้จะมีผู้โดยสายตกค้างประมาณ 800-1,000 คน เนื่องจากการเดินทางเข้าตัวเมืองทำได้ลำบาก กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงได้ประสานให้สนามบินจัดจุดช่วยเหลือ พร้อมจัดเตรียมน้ำดื่ม อาหาร แปรงสีฟัน ยาสีฟัน และของใช้จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องพักค้าง โดยเฉพาะจุดปฐมพยาบาลและโซนห้องน้ำต้องเพียงพอต่อความต้องการ โดยตนกำชับตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ TAC ได้จัดเวรผลัดเปลี่ยนให้การดูแลตลอด 24 ชั่วโมงทุกหน่วยงานได้เร่งปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลัง ทั้งจังหวัดสงขลา เทศบาลนครหาดใหญ่ ตำรวจท่องเที่ยว หน่วยงานท้องถิ่น รวมถึงภาคเอกชนที่ร่วมสนับสนุนอาหารและน้ำดื่ม เพื่อช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบ ประเมินว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายช่วง 2-3 วันนี้ หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่มเติม ก็จะทำให้การระบายน้ำสามารถดำเนินได้เต็มประสิทธิภาพ” นายอรรถกรกล่าว
ยันสนามบินยังเปิดให้บริการปกติ
นายกฤษฎา พุกะทรัพย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานหาดใหญ่ พร้อมด้วยผู้บริหาร และสายการบินที่ให้บริการ อาทิ สายการบินไทย สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ และสายการบินไทย แอร์เอเชีย ร่วมกันจัดหาอาหารและน้ำดื่มไว้คอยอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารตกค้างในสนามบินทั้งนี้ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ยังคงเปิดให้บริการสนามบินทั้งขาเข้าและขาออก สำหรับผู้โดยสารที่มีความประสงค์จะเดินทางเข้าออกระหว่างตัวเมืองหาดใหญ่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่ กองบิน 56 และ มทบ.42 ได้จัดรถให้บริการรับส่งสนามบิน ‘หาดใหญ่-แยกสนามบินใน-เซ็นทรัลเฟสติวัล หาดใหญ่’ เพื่อรับส่งผู้โดยสารเข้าตัวเมือง โดยผู้โดยสารสามารถติดต่อใช้บริการได้ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของท่าอากาศยาน
สงขลาเร่งอพยพคนติดค้างในโรงแรม
ศาลากลางจังหวัดสงขลา นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานประชุมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม จังหวัดสงขลา ประจำปี 2568 เพื่อประเมินสถานการณ์อุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมวางมาตรการช่วยเหลือและอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยมีคณะผู้บริหารจังหวัด ทหาร ตำรวจ ส่วนราชการ อปท. และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
นายรัฐศาสตร์เผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยเน้นย้ำความห่วงใยถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมสั่งให้ทุกหน่วยเร่งตั้งศูนย์อพยพเพิ่มเติม และสนับสนุนเครื่องมือยานพาหนะที่จำเป็น เช่น รถยกสูงของทหาร รถ ปภ. เรือท้องแบน รวมทั้งร้องขอให้ทุกหน่วยงานที่มีเรือเตรียมสนับสนุนทันที เพื่อเร่งเข้าช่วยเหลือเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก นอกจากนี้ ได้ประสานฝ่ายทหารเร่งอพยพประชาชนที่ยังติดค้างตามโรงแรมต่างๆ หลังมีประกาศตัดไฟในบางพื้นที่
สำหรับการช่วยเหลือเบื้องต้น เหล่ากาชาดจังหวัดสงขลาและองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้จัดทำข้าวกล่องวันละ 20,000 กล่องเพื่อกระจายสู่ทุกอำเภอ ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกำชับทุกฝ่ายให้ประสานงานใกล้ชิด รับโทรศัพท์ทุกสายเพื่อให้การสั่งการของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในส่วนของการเยียวยาหลังน้ำลดที่ต้องดำเนินการทันที
มรสุมถล่มใต้ตอนล่างถึ25พย.
ขณะเดียวกัน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก รายงานว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านอ่าวไทยตอนล่างเข้าสู่ภาคใต้ตอนล่าง ระหว่างวันที่ 23-25 พฤศจิกายน ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ยังคงมีกำลังแรง ทำให้พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง รวมถึงจังหวัดสงขลา มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายแห่ง โดยอำเภอเทพา นาทวี สะบ้าย้อย ระโนด กระแสสินธุ์ และ คาบสมุทรสทิงพระ เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ
16อภ.สงขลาอ่วม-4.6แสนคนเดือดร้อน
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสงขลา ยังคงรุนแรงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 19-23 พฤศจิกายน ส่งผลให้ 16 อำเภอ 100 ตำบล 637 หมู่บ้านได้รับน้ำท่วม กระทบประชาชนกว่า 465,000 คน ต้องอพยพ 235 คน แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยอำเภอหาดใหญ่ รัตภูมิ และนาหม่อม ถูกจัดเป็นพื้นที่รุนแรง “ระดับหนักมาก” โดยเฉพาะหาดใหญ่ซึ่งมีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 243,000 คน น้ำท่วมขังหลายจุดในเขตเมือง และคลองสายหลักอย่างคลองอู่ตะเภาเริ่มมีระดับน้ำสูงใกล้ล้นตลิ่ง ขณะที่อำเภอระโนดยังเผชิญวาตภัยกระทบกว่า 700ครัวเรือน เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา สั่งตั้ง “ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ส่วนหน้าอำเภอหาดใหญ่” พร้อมมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ เพื่อกำกับการอพยพ จัดกำลังเจ้าหน้าที่ และประสานอุปกรณ์ช่วยเหลือทุกหน่วยงาน โดยหน่วยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเพิ่มกำลังสนับสนุนเต็มที่ โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำกว่า 80 เครื่องใน 68 จุด เพื่อระบายน้ำออกจากชุมชน พร้อมส่งเรือท้องแบนจำนวนมากเข้าสนับสนุนการช่วยเหลือ
หาดใหญ่-เทพาจุดวิกฤติสำคัญ
ขณะเดียวกัน ทหาร ตำรวจ ตชด. อปพร. และจิตอาสา เข้าช่วยอพยพประชาชนและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรกว่า 40 คัน ในอ.หาดใหญ่และอ.เทพา ซึ่งเป็นจุดวิกฤตสำคัญด้านความเสียหายเบื้องต้นพบว่ามีบ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 1 หลัง บางส่วน 3 หลัง ร้านค้า โรงเรียน และวัดได้รับผลกระทบหลายแห่ง ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมรวมถึงพื้นที่เกษตรกว่า 4,000 ไร่ ทั้งนาข้าว พืชไร่ สวนผลไม้ และบ่อปลา สร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรจำนวนมากในพื้นที่เสี่ยง เช่น รัตภูมิ กระแสสินธุ์ และสทิงพระ
ผู้ว่าฯสงขลากล่าวอีกว่า แม้ร่องมรสุมมีแนวโน้มเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลอันดามันหลังวันที่ 24 พฤศจิกายน แต่ระดับน้ำในลำคลองหลายสายยังคงสูงและต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยยังคงจัดเวรเฝ้าติดตามตลอด 24 ชั่วโมง โดยเน้นพื้นที่เสี่ยง ได้แก่ หาดใหญ่ นาหม่อม รัตภูมิ และระโนด พร้อมขอให้ประชาชนติดตามประกาศเตือนภัยจากหน่วยงานรัฐต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ปัตตานี12อภ.ท่วมขังวงกว้าง
ที่จ.ปัตตานี สภาพอากาศในพื้นที่ยังมีเมฆปกคลุมหนาแน่นทั้ง 12 อำเภอ และมีฝนตกหนักต่อเนื่องมาตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหลายจุด โดยเฉพาะพื้นที่ติดกับภูเขา พื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่ที่มีปัญหาระบายน้ำไม่ทัน ขณะนี้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่ อำเภอทุ่งยางแดงมายอยะรังปะนาเระยะหริ่งสายบุรีหนองจิก และอำเภอเมืองปัตตานี ซึ่งต่างประสบปัญหาน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขังเป็นวงกว้าง
เขื่อนแม่ลานเร่งระบายน้ำรอมวลน้ำจากยะลา
ด้านเขื่อนแม่ลาน อ.แม่ลาน จังหวัดปัตตานี ได้เปิดประตูระบายน้ำทุกบานเพื่อเร่งระบายน้ำออกจากอ่างเก็บน้ำ ป้องกันปริมาณน้ำล้นอ่าง โดยเตรียมรับมวลน้ำก้อนใหญ่จากจังหวัดยะลาที่กำลังไหลบ่าสมทบ ก่อนน้ำทั้งหมดจะเข้าสู่พื้นที่อำเภอเมืองปัตตานีและไหลออกสู่ทะเล ขณะเดียวกันบางพื้นที่ริมน้ำในจังหวัดปัตตานีเริ่มพบว่าน้ำเอ่อล้นตลิ่งแล้ว
ถนนย่านศก.น้ำสูง40ซม.
สำหรับเขตเทศบาลเมืองปัตตานี หลังจากมีฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหลายจุด โดยเฉพาะย่านเศรษฐกิจถนนยะรังถนนพิพิธถนนฤาดีถนนรามโกมุทถนนนาเกลือ และถนนเจริญประดิษฐ์ ซึ่งมีระดับน้ำสูงประมาณ 20–30 เซนติเมตร บางจุดสูงถึง 40 เซนติเมตร ส่งผลให้ถนนจมอยู่ใต้น้ำ บ้านเรือนและร้านค้าหลายแห่งถูกน้ำไหลเข้าท่วม ขณะที่รถขนาดเล็กบางเส้นทางไม่สามารถสัญจรได้ อีกทั้งพบรถจักรยานยนต์หลายคันเสียหาย ถูกจอดทิ้งไว้บนเกาะกลางถนนเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปภ.จ.ปัตตานีแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปัตตานียกของขึ้นที่สูงเพื่อความปลอดภัยจากสถานการณ์น้ำล้นตลิ่ง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายประชาชนในจุดที่น้ำท่วมสูงไปยังพื้นที่ปลอดภัย
สตูลอพยพปชช.พ้นพื้นที่เสี่ยงโคลนถล่ม
ผู้สื่อข่าว จ.สตูล รายงานว่าหลังเกิดเหตุสลดจากอุทกภัยใน จ.สตูล เมื่อดินสไลด์จากเชิงเขาถล่มทับบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ควนกาหลง ทำให้เด็กหญิงวัย 9 ขวบเสียชีวิตขณะกำลังนอนอยู่ในห้องนอน เมื่อเวลาประมาณ 10.00น.วันที่ 22พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนพี่ชายได้รับบาดเจ็บและนำส่งโรงพยาบาลควนกาหลงนั้น นายคณิต คงช่วย รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล พร้อมนายธนภัทร เด่นบูรณะ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสตูล นายอำเภอควนกาหลง ปภ.สตูล นายก อบต.ควนกาหลง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ให้กำลังใจและแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมมอบปัจจัยช่วยเหลือเบื้องต้น และร่วมสวดอภิธรรมศพ โดยศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดเหนือคลอง หมู่ 11 ต.ควนกาหลง
นายคณิต ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ สั่งการด่วนให้อพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่พื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่มซ้ำซากบริเวณเชิงเขาจำนวน 30 ครัวเรือน ให้ย้ายไปยังศูนย์อพยพที่ทางจังหวัดจัดเตรียมไว้ หรือไปพักอาศัยกับญาติชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยและป้องกันการสูญเสียซ้ำรอย
ขณะที่นายจตุพล แคล้วคลาด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 เล่าว่า การเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากดินทับถมจนไม่สามารถระบุจุดที่เด็กติดอยู่ ใช้เวลากว่า 30 นาทีจึงนำร่างขึ้นมาได้ มวลน้ำจากเชิงเขายังคงไหลหลากต่อเนื่อง ทำให้หลายพื้นที่ของ จ.สตูล เผชิญน้ำท่วมฉับพลัน หลายหมู่บ้านต้องเร่งอพยพผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และกลุ่มเปราะบาง บางจุดระดับน้ำสูงเกือบมิดศีรษะ
ทหารลุยควนโดน-ละงูย้ายผุ้ป่วยติดเตียง
ล่าสุด กองบัญชาการกองทัพไทย โดยหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา สั่งการให้ พ.อ.สุรการณ์ ฉิมกูล ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 45 ระดมกำลังพล 20 นาย พร้อมยุทโธปกรณ์ลงพื้นที่ อ.ควนโดน และอ.ละงู ซึ่งเป็นพื้นที่วิกฤติ ภารกิจเร่งด่วนคืออพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยง เคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียงและผู้สูงอายุ รวมถึงผลิตและแจกจ่ายน้ำสะอาดให้ชาวบ้านที่ขาดแคลนน้ำใช้
พ.อ.สุรการณ์ ระบุว่า กองทัพไทยจะอยู่เคียงข้างประชาชนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เราพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง อุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบ 7 อำเภอ 16 ตำบล 92 หมู่บ้าน รวม 3,309 ครัวเรือน มีผู้ได้รับผลกระทบ 8,544 คน เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 1 รายจากเหตุดินโคลนถล่ม
ปภ.ประกาศสตูลทั้งจวพื้นที่ภัยฉุกเฉิน
ขณะที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสตูลประกาศให้ทั้งจังหวัดเป็น พื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินเส้นทางสัญจรสายหลัก ถนนยนตรการกำธร ซึ่งเชื่อมพื้นที่ตำบลฉลุง–ควนโดน บริเวณบ้านย่านซื่อ ถูกน้ำท่วมหลายช่วงจนไม่สามารถสัญจรได้ตามปกติ ต้องปรับลดเหลือเพียง 1 ช่องทางจราจร ทำให้การเดินทางติดขัดหนัก ขณะที่ถนนสายหลุมไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในอำเภอละงู ก็ถูกน้ำตัดขาดเป็นบางช่วงเช่นกัน ส่งผลให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง
ด้านเขตพื้นที่ประถมศึกษาจังหวัดสตูลแจ้งว่า มีรายงานโรงเรียนในจังหวัดสตูล 12 แห่ง ถูกน้ำท่วมจนต้องหยุดการเรียนการสอนชั่วคราว เจ้าหน้าที่เร่งเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นออกจากพื้นที่เสี่ยง
ยะลาฝนถล่มต่อเนื่องท่วมขยายวงกว้าง
สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ ทำให้หลายพื้นที่ในจังหวัดยะลาเผชิญภาวะน้ำท่วมขยายวงกว้างอย่างรวดเร็ว น้ำท่วมขังหลายจุดมีระดับสูง ชาวบ้านจำนวนมากเริ่มทยอยอพยพและขนย้ายทรัพย์สิน รวมถึงรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไปไว้ในพื้นที่ปลอดภัย โดยเฉพาะในเขตอำเภอเมืองยะลา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก เทศบาลนครยะลาออกประกาศแจ้งเตือนภัยน้ำท่วม ฉบับที่ 2 โดยระบุว่าปริมาณน้ำฝนสะสมตลอด 3–4 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่นอกเขตเทศบาล เช่น ตำบลท่าสาป ตำบลยุโป ตำบลสะเตงนอก และตำบลบุดี ถูกน้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน และสถานการณ์เช้าวันที่ 23 พฤศจิกายนทวีความรุนแรงจนเริ่มมีน้ำหลากเข้าสู่เขตเมืองแล้ว
เทศบาลฯ จึงขอให้ประชาชนใน 10 ชุมชนลุ่มต่ำที่มีประวัติน้ำท่วมซ้ำซาก เร่งขนย้ายสิ่งของและเตรียมอพยพทันที ได้แก่ ชุมชนหลังวัดยะลาธรรมาราม, ชุมชนวิฑูรอุทิศสัมพันธ์ (ซอย 10), ชุมชนหลังโรงเรียนเทศบาล 5, ชุมชนดารุสลาม, ชุมชนจารูนอก, ชุมชนเมืองทอง, ชุมชนเสรี, ชุมชนธนวิถี, ชุมชนหลังโรงเรียนจีน, ชุมชนมะลิสัมพันธ์
เทศบาลนครยะลาย้ำให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับปลั๊กไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันอันตราย และขอให้ดูแลกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วย อย่างใกล้ชิด ประชาชนสามารถอพยพไปยังศูนย์พักพิงของเทศบาลได้ทันที หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครยะลา โทร. 073-212-345, สายด่วน 199 หรือศูนย์ประสานงาน ศอ.บต.1880 ตลอด 24 ชั่วโมง
แม่น้ำสายบุรีทะลักท่วมหมู่บ้านอ.รามัน
ด้านน้ำในแม่น้ำสายบุรีซึ่งไหลผ่านพื้นที่ อำเภอรามัน ได้เอ่อล้นเข้าท่วมหมู่บ้านหลายแห่ง เช่น หมู่ 6 บ้านตลาดล่าง หมู่ 3 บ้านปายอยือนิ หมู่ 4 บ้านพอเม็ง หมู่ 5 บ้านอูยงบาโร๊ะ ตลอดจนพื้นที่ ต.ตะโละหะลอ ทำให้บ้านเรือนบางส่วนจมน้ำ ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่กับญาติในพื้นที่ปลอดภัย โดยบางหมู่บ้านต้องใช้เรือท้องแบนในการเดินทางเนื่องจากถนนถูกน้ำท่วมสูงขณะเดียวกัน ถนนสายรามัน–ยะลา มีมวลน้ำจากภูเขาในต.กายูบอเกาะ ต.กาลูปัง และต.โกตาบารู ไหลหลากเข้าท่วมหลายจุด ส่งผลให้รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรได้ เจ้าหน้าที่จึงประกาศงดใช้เส้นทางชั่วคราว และจัดเส้นทางสำรองให้ประชาชนใช้แทน สถานการณ์ยังคงน่ากังวลและอาจทวีความรุนแรง หากฝนยังตกต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรติดตามประกาศจากหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิดและเตรียมพร้อมอพยพตามคำสั่งทันที
‘พัทลุง’ บางพื้นที่ยังท่วมสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพัทลุงเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น โดยพื้นที่ริมเทือกเขาบรรทัด ได้แก่ อำเภอกงหรา ป่าบอน ป่าพะยอม และศรีนครินทร์ ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง หลายหมู่บ้านกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว อย่างไรก็ตาม พื้นที่ลุ่มริมฝั่งยังคงเผชิญน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะอำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน เขาชัยสน ปากพะยูน และระดับน้ำหลายจุดยังสูง น้ำทรงตัว ชาวบ้านยังต้องอพยพข้าวของขึ้นที่สูงต่อเนื่องสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพัทลุงรายงานภาพรวมตั้งแต่วันที่ 19-23 พฤศจิกายน พบว่ามีผู้ได้รับผลกระทบแล้ว 11 อำเภอ 64 ตำบล 597 หมู่บ้าน รวม 75,723 ครัวเรือน เสียชีวิต 1 ราย และสูญหายอีก 1ราย ขณะที่พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 30,000ไร่
ประกาศ5อำเภอแขตภัยพิบัติ
จังหวัดพัทลุงประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอกงหรา อำเภอเขาชัยสน อำเภอป่าพะยอม อำเภอศรีนครินทร์โดยเส้นทางสัญจรสำคัญ เริ่มกลับมาใช้งานได้ตามปกติ โดยบริเวณสี่แยกโพธิ์ทอง อ.ควนขนุน และบ้านโคกยา อ.เขาชัยสน ระดับน้ำที่เคยท่วมสูงเมื่อวานนี้ได้ลดลงแล้ว เจ้าหน้าที่เปิดการจราจรทั้งสองฝั่งเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำ สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพัทลุงจะคลี่คลายลงภายใน 2-3 วันข้างหน้า
9อภ.ประสบภัย-6.8พันครัวเดือดร้อน
สถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากคลองมวนที่เอ่อล้นเข้าท่วมหลายพื้นที่อย่างรวดเร็ว มีชาวบ้านได้รับผลกระทบจำนวนมาก ขณะที่ฝ่ายปกครองท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าช่วยเหลือและจัดตั้งเต็นท์บริการ อาหาร น้ำดื่ม สำหรับประชาชนที่ยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้
ด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยเผยว่า ติดตามระดับน้ำใกล้ชิด และเตรียมพร้อมกำลังพลและอุปกรณ์ หากมีการร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มเติมขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานเสริมว่า ข้อมูล ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 16.00 น. ระบุว่า จังหวัดตรังมีพื้นที่ประสบภัยแล้ว 9 อำเภอ 36 ตำบล 3 เทศบาล รวม 132 หมู่บ้าน คิดเป็น 6,890 ครัวเรือน คาดว่าสถานการณ์วันนี้จะขยายผลกระทบเพิ่มขึ้นในอีกหลายพื้นที่ แม้ขณะนี้ปริมาณฝนจะเริ่มมีช่วงหนัก–เบาสลับกันแล้วก็ตาม
รับใต้ท่วมหนัก-หาดใหญ่วิกฤติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ว่า ขณะนี้มีสถานการณ์น้ำท่วมหนักคือ พัทลุง และสงขลา แต่อาจมีสถานการณ์เพิ่มขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ท่วมหนักเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่ต่ำและมีปริมาณน้ำหลาก เวลานี้มีรัฐมนตรีหลายคนลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ ส่วนตนลงไปติดตามสถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สั่งจัดเตรียมศูนย์อพยพเพื่อดูแลผู้ประสบภัย ซึ่งสถานการณ์ภาคใต้จะไม่เหมือนกับที่อื่น เนื่องจากสามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้หากไม่มีฝนเข้ามาเติม ประมาณ 3-4 วันในการระบาย โดยประเมินว่าอาจจะมีพายุลูกใหญ่ช่วง 1-2วันนี้ จากนั้นก็จะหมด ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดสำรวจจำนวนครอบครัวผู้ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือในทันที เรื่องนี้เตรียมการไว้แล้ว รู้ว่าจะมีสภาวะน้ำท่วมแบบนี้เกิดขึ้น
ยันเยียวยา9พันได้ทันทีไม่ต้องสำรวจ
ทั้งนี้ รัฐบาลจะเร่งจ่ายเงินเยียวยาต่อไป เพราะเข้าหลักเกณฑ์ทั้งหมดที่จะได้รับเงินเยียวยาครัวเรือนละ 9 พันบาท ไม่ต้องรอให้สำรวจเสร็จแล้วค่อยจ่าย สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งทำคือเติมวัตถุดิบเพื่อใช้ประกอบอาหารในการแจกจ่ายให้กับทุกคนที่ตกค้าง ทั้งในโรงแรม อย่างสภาหอการค้าที่ไปประชุมกัน มีคนตกค้างนับพัน รวมถึงนักท่องเที่ยว และประชาชนที่ไม่สามารถออกมาได้ จึงต้องเร่งนำอาหารเข้าไปแจกจ่าย
ลงพื้นที่อีกรอบบัญชาการระบายน้ำ
นายกฯ กล่าวว่า ได้สอบถามอธิบดีกรมชลประทานถึงสถานการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยระบุว่าสถานการณ์เมื่อคืนหนักสุดแล้ว และค่อยๆ ระบาย ส่วนน้ำหลากที่จะมาจากที่อื่น คาดว่าสามารถบริหารจัดการได้ถ้าฝนไม่ตกเพิ่ม และเตรียมตัวเผื่อต้องลงไปติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อีกครั้งในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ (23 พ.ย.) ต้องลงไปดูให้เห็นกับตา เพื่อจะได้สั่งการถูกต้อง ขอบคุณรัฐมนตรีทุกคนที่ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ ส่วนคำถามที่ว่าต้องปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการในพื้นที่หรือไม่นั้น ที่จริงเรามีคลอง ร.1 ที่ช่วยระบายน้ำออกสู่ทะเล แต่น้ำมีปริมาณมากจึงเกิดการท่วมหนัก ซึ่งการบริหารจัดการน้ำอยู่ในแผนของกรมชลประทานอยู่แล้ว ที่ต้องหาวิธีทำให้ระบายน้ำมีประสิทธิภาพ เนื่องจากทางออกทะเลมีมาก อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมต่างๆ ของกระทรวงมหาดไทยได้อยู่ในพื้นที่แล้ว สามารถสั่งการ บูรณาการได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี