วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
อธิบดีดีเอสไอ สั่งกองคดีความมั่นคง สอบสวนขยายผลขบวนการช่วยอำนวยความสะดวกนักโทษจีนเทา จัดสาวบำเรอผู้ต้องขัง VIP สาวไส้ทั้งเครือข่าย เชื่อมีเงินหมุนเวียนมหาศาล ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบฯ คาดมีการอำพรางเส้นเงิน ใช้บัญชีม้า ขณะที่อดีต ผบ.เรือนจำฯ ชอบบินมาเก๊า จ่อไล่ดูไทม์ไลน์
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม มีคำสั่งโยกย้ายนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2568 และพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อำนวยการนำทีมจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจู่โจมเข้าตรวจค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ต่อมากรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงว่าจากการเข้าจู่โจมและตรวจค้นดังกล่าวพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำ ความผิดในการควบคุมและปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง จึงได้ย้ายเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง รวม 15 ราย ประกอบด้วย ผู้บัญชาการเรือนจำฯ เจ้าหน้าที่ผู้คุม และหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดน ไปปฏิบัติหน้าที่ยังกรมราชทัณฑ์ ว่าอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยมีนายไพฑูรย์ มงคลหัตถี หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรมฯ เป็นประธานเจ้าหน้าที่กองทัณฑวิทยา เจ้าหน้าที่กองบริหารทรัพยากรบุคคล กลุ่มงานวินัยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น และเตรียมสอบสวนเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับกรณีดังกล่าวเนื่องมาจากมีผู้ต้องขังชาวจีนบางรายที่มีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังรายอื่นภายในเรือนจำฯ จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ต้องขังชาวไทย จึงมีผู้แจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ให้ทราบถึงพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในเรือนจำดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม ได้นำคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบรายละเอียดเชิงลึกเพิ่มเติมและดูพื้นที่เกิดเหตุจริง ก่อนจะมอบหมายให้ดีเอสไอ ตั้งเรื่องสืบสวนเพื่อเตรียมรับเป็นคดีพิเศษในฐานความผิดที่พบพยานหลักฐานอันมีลักษณะเข้าเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
ต่อมา พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้กองคดีความมั่นคง พิจารณาว่าเข้าลักษณะคดีพิเศษในกรณีใด ประกอบด้วย 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหน อย่างไร มีใครเกี่ยวข้องโดยมีพยานหลักฐานใดยืนยันบ้าง 2.เจ้าหน้าที่รายใดเป็นตัวการ หรือช่วยเหลืออำนวยความสะดวก รวมทั้งขยายผลหากมีผู้มีอิทธิพลคนใดช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง และ 3.กลุ่มหรือเครือข่ายผู้ต้องขังชาวต่างชาติที่ซื้อบริการถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับเรื่องใด และพัวพันกับคดีข้ามชาติอื่นๆอีกหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่ามีทรัพย์สินที่หมุนเวียนใช้ในการกระทำ ความผิดจำนวนมาก โดยจะวิเคราะห์จากเส้นทางการเงินเพื่อยืนยันข้อเท็จจริงประกอบการสืบสวนต่อไป
ขณะที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุถึงแนวทางและวิธีการสอบสวนข้อเท็จจริง เรื่องการพบสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจำ ตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาตรา 72 มาตรา 73 ว่าภายหลังเกิดเหตุฉาวขึ้น นอกเหนือจากกระบวนการของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วนั้น กรมราชทัณฑ์ ได้มอบหมายให้นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เข้าไปจัดระเบียบภายในเรือนจำ ซึ่งจะต้องไม่มีสิ่งของต้องห้ามและสิ่งของไม่อนุญาตให้มีครอบครองหรือใช้ในเรือนจำ อาทิ มีด บุหรี่ซอง เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์ ตู้เย็น ไมโครเวฟ แอร์เคลื่อนที่ ฯลฯภายในเรือนจำ
สำหรับการจู่โจมตรวจค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบว่ามีการตรวจค้นถึง3 ครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษตรวจค้นจู่โจมครั้งแรก จะไม่มีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่เป็นการขอรับการสนับสนุนจากเรือนจำข้างเคียง และเรือนจำอื่นจากจังหวัดต่างๆ อีกทั้งวันที่ 20 พฤศจิกายน ได้มีการตรวจค้นอีก2 ครั้ง ซึ่งสิ่งสำคัญคือการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน พยานวัตถุทั้งหมดนำส่งให้ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และสำหรับแดนขังภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครที่มีผู้ต้องขังจีนเทาอยู่นั้น จะมีด้วยกัน 3 แดน คือแดน 2 , 4 และ 8 แต่แดน 8 คือแดนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและอยู่ด้านในสุด มีผู้ต้องขังกว่า 900 คน ทั้งยังอยู่ติดกับแดนสูทกรรม ที่จะมีผู้ต้องขังตื่นมาทำกับข้าวแต่เช้า อีกส่วนหนึ่งคือโรงงานช่างไม้ ซึ่งหมดสภาพความเป็นโรงงานไปแล้ว จึงอาจถูกใช้เป็นที่ซ่องสุมกันของผู้ต้องขังจีนเทา ซึ่งชุดตรวจค้นจะตรวจค้นแดน 8 (ล้างคุก) อย่างระมัดระวัง เพราะอาจมีของต้องห้ามบางอย่างที่ผู้ต้องขังจีนเทาฝังไว้แล้วนำมาใช้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ และจะนำกุญแจไปปิดห้ามเข้าใช้งาน
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุอีกว่า นอกจากเรื่องตรวจค้นจู่โจมแดน 8 ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครแล้วนั้น ยังต้องรวบรวมข้อมูลจากคำบอกเล่าของผู้ต้องขังอื่นๆในแดน 8 และแดนใกล้เคียงด้วยว่าตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมขังนั้น เจ้าหน้าที่ผู้คุมมีการปฏิบัติหน้าที่อย่าง ไร ให้อภิสิทธิ์ผู้ต้องขังจีนเทาอย่างไรบ้าง หรือผู้ต้องขังรู้สึกไม่ได้รับความเท่าเทียมจากพฤติกรรมการปฏิบัติของผู้คุมและหัวหน้าฝ่ายควบคุมแดนอย่างไร เนื่องด้วยจากการตรวจค้นจู่โจมพบว่ามีซองบุหรี่ยี่ห้อของคนจีนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงเป็นประเด็นที่ต้องขยายผลต่อว่าใครเป็นคนจัดหามาให้หรือใครเป็นคนสั่งซื้อหรือเจ้าหน้าที่จัดหามาให้เองแล้วนำเข้าไปให้ผู้ต้องขังจีนเทา หรือมีเอเย่นต์จัดหามาให้เจ้าหน้าที่เรือนจำเพื่อนำเข้าไปให้ผู้ต้องขังจีนเทาหรือผู้ต้องขังสั่งเจ้าหน้าที่ให้นำเข้าไปให้
“เรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนเล็กน้อย เพราะต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ล้วนใช้บัญชีม้า (บัญชีบุคคลอื่น) หรือใช้นอมินีในการรับเงินแทน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพฤติกรรมส่วนตัวของ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่ชื่นชอบเดินทางไปมาเก๊านั้น สามารถใช้ตรวจสอบคู่ขนานกับข้อมูลเรื่องห้องลับใต้บันไดและเรื่องทุจริตได้เพราะถ้าหากเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันมีแนวโน้มที่หัวใจสำคัญของการตรวจสอบจะไปอยู่ที่เรื่องการรับเงินเพื่อนำไปใช้เล่นการพนันหรือไม่” คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุ
นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบว่า แรงจูงใจของการไปมาเก๊าคืออะไร อีกทั้งที่มาที่ไปของห้องใต้บันไดดังกล่าว มีการปรับปรุงสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างไร และเกิดขึ้นในสมัย ผบ.เรือนจำฯ รายนี้หรือไม่ หรือเกิดขึ้นก่อนเข้ารับตำแหน่ง เพราะหากมีการปรับปรุงในยุคของ ผบ.รายนี้จริง ก็จะต้องขยายผลต่อว่าใช้เงินแหล่งใดมาปรับปรุงห้องดังกล่าว เพราะเงินที่จะใช้จะมีแค่งบประมาณของกรมราชทัณฑ์ หรือเงินพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังของกองพัฒนาพฤตินิสัย(กพน.) ซึ่งถ้าไม่ใช่เงินจากทางราชการเช่นนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะดูต่อไปว่าเป็นเงินจากผู้ต้องขังจีนเทาที่นำมาอุปถัมภ์หรือไม่
รายงานข่าวเปิดเผยว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ตรวจสอบการเดินทางไปต่างประเทศของนายมานพ อดีตผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่มีกระแสข่าวว่าชื่นชอบเดินทางไปมาเก๊า คู่ขนานกับการตรวจเส้นทางการเงิน โดยมีประเด็นต้องสงสัยว่านอกจากไปเล่นพนันหรือไม่ อาจเป็นสถานที่รับมอบเงินจากกลุ่มเส้นเทาเพื่อหลบเลี่ยงเส้นเงินและยังพบว่ากลุ่มจีนเทาได้มอบรถหรูให้นายมานพ อดีตผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ใช้งานตลอดช่วงดำรงตำแหน่งด้วย
ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องขังจีนเทา 2 คน ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ต้องขังจีนนั้น ราชทัณฑ์ได้ย้ายไปคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม เนื่องด้วยยังเป็นผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดีของศาล โดยให้ทั้งคู่จะถูกแยกแดนในการคุมขัง
ด้านนายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รักษาการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีมีข่าวพบภาพ “บอสกันต์” หรือนายกันต์ กันตถาวร ในกล้องวงจรปิดเหตุเจ้าหน้าที่เรือนจำเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังกลุ่มจีนเทาและห้องลับในเรือนจำว่าเบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลดังกล่าวในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นรักษาการ ผบ.เรือนจำฯ เพื่อเข้าจัดระเบียบให้เกิดความเรียบร้อย จะไปสอบถามข้อเท็จจริงกับนายกันต์ ซึ่งปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่แดน 1 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อเชื่อมข้อมูลไปให้กับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อมีข้อมูลใดที่สื่อเปิดประเด็น เราก็จะตรวจสอบให้กระจ่างที่สุด
ส่วนในปฏิบัติการจู่โจมค้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประกอบด้วย 3 ทีม ได้แก่ทีมเทคนิค ทีมตรวจค้น และทีมสอบปากคำเบื้องต้น เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดทีมเทคนิคนำไปตรวจสอบเพิ่มบางส่วนถูกลบและได้กู้กลับมา จึงต้องรอผลการสอบสวนให้รอบด้าน
รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ ระบุว่าวงจรปิดที่รวบรวมมาตรวจสอบทั้งหมดมีการบันทึกภาพผู้เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่ในแต่ละวัน เบื้องต้นจะตรวจดูภาพในวันที่ 16 พฤศจิกายน ตั้งแต่ก่อนเวลา09.00 น.ถึงช่วงเวลาจู่โจม 10.30 น.ซึ่งช่วงดังกล่าวไม่ปรากฏภาพบอสกันต์ ส่วนจะมีภาพบอสกันต์โผล่มาในวงจรปิดที่จุดไหน วันใดบ้างยังต้องรอการตรวจสอบ
สำหรับผู้ต้องขังจีนเทา 2 รายที่พบพร้อมกับหญิงสาวชาวจีน ในขณะจู่โจมตรวจค้นนั้น ได้ถูกย้ายไปขังที่เรือนจำเขาบิน ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูง หรือซูเปอร์แม็กซ์ โดยหนึ่งคนเป็นผู้ต้องขังระหว่างรอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน และอีกคนเป็นผู้ต้องคดีปลอมแปลงเอกสารราชการ หรือปลอมบัตรประชาชน
ส่วนคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับเหตุเอื้อประโยชน์ผู้ต้องขังจีนเทา มีทั้งหมด20ราย ที่ถูกย้ายออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือนายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวมถึง ผอ.ส่วน และผบ.แดน ได้แก่ ผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขังย้ายไปเรือนจำจังหวัดตราด ผอ.ส่วนสวัสดิการ ย้ายไปเรือนจำอำเภอกบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ผอ.ส่วนยุทธศาสตร์ ไปเรือนจำจังหวัดชัยนาท ผบ.แดน 8 ไปเรือนจำกลางนครปฐม ผบ.แดน 6 ไปเรือนจำกลางชลบุรี ผบ.แดน 4 ไปเรือนจำจังหวัดสระแก้ว ส่วนที่เหลืออีก 13 คนเป็นเจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการซึ่งเป็นทีมหน้าห้องคนสนิทของนายมานพ และเจ้าหน้าที่ในแดน 2,4,6 และ 8 ซึ่งเป็นแดนขังผู้ต้องขังจีนเทา โดยคำสั่งดังกล่าวให้มีผลจนกว่าการสอบสวนจะได้ผลเป็นที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี