วันศุกร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2568
รบ.ไฟเขียว
เปิดสภาวิสามัญ10-11ธ.ค.
หวังแก้รธน.เสร็จวาระ3ปีนี้
“ไชยชนก”ชี้“นายกฯ”ประกาศรอสัญญาณ 12 ธันวาคม ไม่ใช่ขู่“เพื่อไทย”จะยื่นซักฟอกมั่นใจ“ภูมิใจไทย”พร้อมถูกซักฟอก ยันจะยุบสภาเมื่อสำเร็จตาม MOA แล้วอยากคืนอำนาจให้กับประชาชน ปชน.ยันยื่นร่างแก้รธน.เร็วสุด 26 พฤศจิกายนห่วงยุบสภาก่อนถกวาระ 3 ขอรบ.รอ 15 วันหลังผ่านวาระ 2 รับหวั่นทำมาสูญเปล่า “เปรมศักดิ์” หวั่นแก้รธน.ล่มก่อนโหวตวาระ 3‘ไอลอว์-สมัชชาคนจน’บุกทำเนียบ จี้รบ.สั่งทำประชามติรธน.ใหม่ทันที ขณะที่ครม.เห็นชอบพ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้รธน.ให้เสร็จทันสิ้นปี
เมื่อเวลา 09.50 น.วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะเลขาธิการพรรคพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่าให้รอดูสัญญาณวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ในมุมมองของตนหากเราทำทุกอย่างเสร็จสิ้นภายใต้ MOA การคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่แล้ว ถ้าทำเสร็จตนคิดว่าน่าจะเป็นในมุมมองนั้นมากกว่า แต่โดยรวมสถานการณ์ปัจจุบัน เราก็ต้องเร่งทำทุกอย่างแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อน
ชี้นายกฯรอสัญญาณ12ธ.ค.ไม่ใช่ขู่‘พท.’
เมื่อถามว่ามีคนตีความว่าอาจจะเป็นการยุบสภา ก่อนจะถึงวันที่ 31 ม.ค. 69 นายไชยชนก ถามกลับว่า เพราะอะไร หากเป็นเรื่องการขู่อภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคเพื่อไทย ตนคิดว่าเราพร้อมอภิปราย ส่วนตัวไม่มีอะไรกังวลต่อการซักฟอก และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล ฉะนั้น การที่นายกรัฐมนตรีประกาศด้วยเหตุผลนั้น ตนคิดว่าไม่ใช่ เพราะท้ายที่สุดอำนาจอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า แบบนี้เป็นไปได้สูงที่จะยุบสภาวันที่ 31 ม.ค. 69 ตามกรอบ MOA หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ถ้าจะยกตนเชื่อว่าเราต้องมั่นใจว่าทำตามกรอบ MOA และอยากคืนอำนาจให้กับประชาชน
ปชน.ยันยื่นร่างแก้รธน.เร็วสุด26พ.ย.
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สัมภาษณ์เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเดินไปตามกรอบที่เราได้กำหนดไว้โดยการประชุมวันนี้เป็นการจัดการเชิงธุรการทั้งหมดในวันที่ 26 พ.ย.จะเชิญผู้ที่แปรญัตติซึ่งมี สว.4 คน สส.2คนเข้ามา แปรญัตติในมาตราต่างๆที่ไม่เห็นด้วย แต่ในบางประเด็นทางกมธ.ก็ได้ปรับแก้ไปตามที่สมาชิกได้แปรญัตติไว้แล้วเช่นเราพิจารณาแล้วเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 156 เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกำหนดการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไข เมื่อพิจารณากฎหมายเสร็จทั้งหมดจะต้องมีการบรรจุร่างรายงาน ส่วนคำสงวนบางส่วนของผู้แปรญัตติและกรรมาธิการที่เห็นต่าง เช่น นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ,นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ,น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์ สว.และอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับสูตร 20 หยิบ 1 ทั้งนี้ทางกรรมาธิการจะพิจารณารายงานร่วมกันในช่วงบ่ายวันที่ 26 พ.ย.หากเป็นเช่นนั้นเราจะพิจารณาได้จบสิ้นและส่งให้ประธานรัฐสภาอย่างช้าที่สุดในวันที่ 27พ.ย.หากพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อยก็จะส่งรายงานได้เลย
ส่วนตัวแทนคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในกรรมาธิการส่งเสียงมาว่าไม่จำเป็นต้องรอร่างเสร็จขอเพียงส่งเสียงมา การนำเสนอในคณะรัฐมนตรีเพื่อเปิดประชุมวิสามัญ นอกจากการทำหน้าที่ในฐานะประธานจะต้องติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่าจะมีการขอพระราชกฤษฎีกาเปิดสมัยประชุมวิสามัญหรือไม่และจะเปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่ากับว่ากรณีของกรรมาธิการงานของเราใกล้เสร็จแล้ว หากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป ทางกรรมาธิการก็พร้อมพิจารณาในสภาต่อไป
ห่วงยุบสภาก่อนถกวาระ3
นายณัฐวุฒิกล่าวว่ากมธ.มีความห่วงใย คือการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จถึงวาระ3หรือไม่เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่เหมือนกับกฎหมายอื่นเมื่อพิจารณาวาระสองเสร็จรัฐธรรมนูญจะต้องรอไว้ 15 วันก่อนลงมติวาระ 3 หากมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญในวันที่ 1 ธันวาคม เพื่อพิจารณาวาระ 2 การลงมติในวาระ 3อาจจะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคมเป็นต้นไป หรือถ้าเปิดประชุมสมัยวิสามัญ วันที่ 8 ธันวาเป็นต้นไปการพิจารณาวาระสามจะเกิดขึ้นในปลายเดือนธันวาคม
ยืนกรานไม่แตะหมวด 1 และ 2
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในที่ประชุมยังเห็นตรงกันให้นำข้อความหมวด 1 และหมวด 2 จากรัฐธรรมนูญปี 2560 มาใส่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่มีการแก้ไขถ้อยคำ ส่วนจะมีกรรมาธิการคนอื่นเห็นเป็นอย่างไรก็คงจะมีการไปลงมติในที่ประชุมรัฐสภา เมื่อถามว่า สถานการณ์การเมืองหากมีการยุบสภาห่วงหรือไม่ว่าอาจจะทำให้สิ่งที่เราทำมาสูญเปล่าหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าไม่เป็นห่วงเสียทีเดียวก็ไม่ได้ ก่อนหน้านี้กมธ.เคยพูดคุยเรื่องนี้ในตอนต้นของการประชุมเราควรจะโฟกัสที่เนื้อหามากกว่าจึงมีการวาง สถานการณ์การเมืองไว้ก่อน แต่เชื่อว่าน่าจะไม่มีการยุบสภาก่อนพิจารณาวาระ 2 เสร็จสิ้น
ไม่อยากให้มีอุปสรรคสะดุด
ส่วนจะพิจารณาถึงวาระ 3 หรือไม่เนื่องจากมีการรอระยะเวลา 15 วันนั้น แม้จะบอกว่าไม่ได้ห่วงขนาดนั้น แต่ในเมื่อเราเดินมาถึงขั้นนี้แล้ว จะเห็นว่าการปลดล็อคการแก้รัฐธรรมนูญเกิดยากมากในรอบ 8-9 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับรัฐธรรมนูญปี2560ที่ค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงจะเป็นโอกาสที่ดีที่ใกล้เคียงที่สุดในการจะนำไปสู่การแก้ไขได้ จึงไม่อยากให้มีอุปสรรคหรือปัญหาทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นมาเป็นข้อจำกัดหรือเป็นปัญหาต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
”ความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นเชื่อมั่นตรงกับกรรมาธิการหลายท่านว่า ในเมื่อระยะเวลาแค่ 15 วันก่อนลงมติวาระ 3 อาจจะใช้กลไกการตรวจสอบรัฐบาลในรูปแบบหลากหลายซึ่งฝ่ายค้านทุกพรรคไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย ก็ดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้นในปัจจุบัน ดังนั้นขอให้รออีกไม่เกิน 15 ถึง 16 วันได้หรือไม่ ก่อนจะมีสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงใดๆ พวกเราอยากให้เป็นเช่นนั้น และผม ก็สนับสนุนความคิดของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่าไม่ควรจะเอา2 เรื่องมาผูกกัน เพราะจะสะท้อนว่ารัฐบาลจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่”นายณัฐวุฒิกล่าว
ชี้ถ้ายุบสภาทุกอย่างสูญเปล่า
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่าหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเกิดขึ้นในวันที่ 12 ธันวาคมจริง รัฐบาลเองก็ไม่สามารถยุบสภาได้ในเมื่อในเมื่อยุบสภาไม่ได้ก็ขอรอให้พิจารณารัฐธรรมนูญให้จบไปพร้อมกันได้หรือไม่ ส่วนกระแสข่าวจะยุบสภาก่อนยื่นอภิปรายนั้น ตนก็ไม่สามารถก้าวล่วงการแก้ปัญหาของรัฐบาลได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงสิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะจบลงแค่วาระ 2 ซึ่งในทางกฎหมายอาจไม่ตกไป 100% อยู่ที่ว่ารัฐบาลใหม่จะหยิบขึ้นมา พิจารณาต่อหรือไม่แต่ในความเป็นจริงต้องยอมรับว่าเมื่อตกไปก็เสมือนเริ่มกระบวนการใหม่อีก ซึ่งไม่รู้ว่ามีฉันทามติอย่างไร ฉะนั้นแม้จะมีความกังโดยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายหรือโดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
บุกจี้รบ.สั่งทำประชามติรธน.ใหม่
วันเดียวกัน เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ConforAllพร้อมด้วยเครือข่ายสมัชชาคนจนที่ปักหลักอยู่บริเวณสำนักงานพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ข้างทำเนียบรัฐบาล เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.)เพื่อเรียกร้องให้ ครม. มีมติให้จัดการออกเสียงประชามติว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันที เนื่องจากอำนาจคณะรัฐมนตรีสามารถมีมติในเรื่องที่เห็นสมควรได้ซึ่งมีตัวแทนรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้มารับหนังสือ
ต้องถามฝ่ายก.ม.ให้ชัดก่อน
โดยนายภราดรกล่าวว่ารัฐบาลมีความตั้งใจจะเสนอประเด็นสั่งให้มีการจัดทำประชามติในวันนี้ (25พ.ย.)แต่เมื่อทบทวนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะมีข้อโต้แย้งทางกฎหมายในบางประเด็น แต่รัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติแล้วไม่ได้ห้ามเอาไว้จึงกำลังให้ฝ่ายกฎหมายตรวจสอบว่าสามารถจะดำเนินการได้หรือไม่ ในส่วนของ ครม. จะสามารถสั่งให้มีคำถามประชามติได้ แต่จำเป็นต้องถามฝ่ายกฎหมายให้ชัดเจนเสียก่อน แต่รัฐบาลตั้งใจจะทำประชามติครั้งที่ 1 ในวันที่ 29 มีนาคม 2569ที่ประกาศเอาไว้ว่า จะยุบสภาในวันที่ 31 มกราคม 2569
และยืนยันว่าไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อเปิดช่องให้มีการจัดทำรัฐธรรมนญฉบับใหม่จะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่อย่างไร ทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้น
ครม.ถกเปิดสมัยวิสามัญถกแก้รธน.
นายภราดรกล่าวทิ้งท้ายว่าในการประชุม ครม. วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ครม.จะพิจารณาเรื่องการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญของรัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560ในวาระ2 เมื่อเปิดสมัยวิสามัญในวันที่ 10-11 ธันวาคม 2568 เสร็จสิ้นแล้วรัฐธรรมนูญมาตรา 2560 กำหนดให้ต้องรอไว้ 15 วัน เพื่อให้รัฐสภาได้ลงมติในวาระ 3 ในวันที่ 29 ธันวาคม 2568
ครม.เคาะเปิดสมัยวิสามัญ10-11ธ.ค.
ต่อมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธันวาคม เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3 ทั้งนี้ เนื่องจากบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญกำหนดว่าหลังการพิจารณาในวาระ 2 แล้ว ต้องเว้นระยะเวลา 15 วันจึงจะสามารถพิจารณาในวาระ 3ได้ แต่หากต้องรอพิจารณาช่วงเปิดสมัยประชุมสามัญในวันที่ 12 ธันวาคมก็จะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ทันช่วงก่อนปีใหม่ตามกรอบเวลาจึงมีการขอเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อให้รัฐสภาสามารถดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จทันตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี