'ธรณ์'กระตุกพรรคการเมือง ยกระดับนโยบายรับมือโลกร้อนเป็นนโยบายหลัก ไม่ใช่ของแถม

'ธรณ์'กระตุกพรรคการเมือง ยกระดับนโยบายรับมือโลกร้อนเป็นนโยบายหลัก ไม่ใช่ของแถม

วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 14.28 น.

ดร.ธรณ์ ชี้กรณีหาดใหญ่ ทำคนเริ่มกล้วโลกร้อน กระตุกพรรคการเมืองต้องปรับตัว ทำเป็นนโยบายหลัก มิใช่แค่ของแถม 

26 พ.ย. 68 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ได้โพสต์เฟสบุีค ระบุว่า วันนี้ผมมีพูดที่พรรคประชาธิปัตย์ เขาติดต่อไว้นานแล้ว หัวเรื่องคือการรับมือภัยพิบัติในยุคโลกร้อน ในกรณีหาดใหญ่


จากการสื่อสารที่ผิดพลาดในช่วงต้น คนกลับเข้าไปในช่วงรอยต่อระลอก 1-2 ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุดในการรับมือภัยพิบัติ นั่นคือมีผู้ประสบภัยเป็นจำนวนมาก
มาถึงการช่วยเหลือของภาครัฐ การประเมินสถานการณ์ที่ไม่ดีพอ การใช้ระบบแบบเดิมๆ คือสั่งการ ทำให้เกิดการทำงานที่เชื่องช้าและสับสน
การประสานงานที่วุ่นวาย การสื่อสารที่ขาดหาย และการไม่ใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทุกอย่างที่เรามีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สุดท้ายแล้วภาคประชาชนคือพระเอก (ทุกท่านที่กรุณาเสียสละลงไปกู้ภัยและช่วยชาวบ้าน)
แต่ภาคประชาชนก็คงทำได้เพียงซัพพอร์ต เราต้องการภาครัฐให้นำทาง แต่มันก็ไม่ค่อยมีอย่างที่หวัง
หลายหน่วยงานลงไปช่วยกัน พี่ๆ ทหารไปช่วย กรมประมงกรมทะเลก็เอาเรือออกไป ผมทราบดีและอยากขอบคุณจากใจ

แต่การนำทางมันต้องมากกว่านั้นมากๆ การสื่อสารต่อผู้คนทั่วประเทศที่เป็นห่วงใจจะขาด มันต้องทำดีกว่านั้น
การลงมือทำในพื้นที่ มันต้องจริงจังและฉับพลัน ทุกนาทีมีค่าหมายถึงชีวิต
ในโลกโซเชียล โพสต์ต่างๆ ที่ทยอยขึ้นมา ผ่านไป 3-4-5 วัน ความช่วยเหลือยังไม่มาถึง ยิ่งทำให้ศรัทธาสูญหาย

แม้แต่ผมผู้ไม่ค่อยหวังอะไรอยู่แล้ว บอกเสมอว่าการรับมือภัยโลกร้อนของไทย อยู่ในสภาพตัวใครตัวมัน ผมยังไม่คิดว่ามันจะเศร้าได้ถึงขนาดนี้
ในยุคของผม ภัยพิบัติขนาดใหญ่ที่เจอคือพายุเกย์และสึนามิ เรายังเชื่อและศรัทธาภาครัฐมากกว่านี้

อาจเป็นเพราะยุคนี้มีโซเชียล มีการทำงานของภาคประชาชนที่พัฒนาไปข้างหน้า ขณะที่ภาครัฐตามไม่ทัน ทำให้การเปรียบเทียบเห็นชัดขึ้น
และยิ่งโลกร้อนขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งภัยพิบัติเกิดขึ้นถี่แค่ไหน เรายิ่งเห็นภาพชัด
มันจึงเป็นสถานการณ์ที่ผมบอกมาตลอด โลกร้อนมันน่ากลัว เราต้องให้ความสำคัญมากๆ กับการรับมือ

จากกรณีหาดใหญ่ ผมเชื่อว่าคนไทยเห็นความน่ากลัวของโลกร้อน เริ่มคิดถึง เริ่มหาข้อมูล เริ่มรู้สึกถึงความเสี่ยง
เริ่มอยากให้คนที่เขาเลือกไปเป็นผู้แทน ไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ต้องมีอะไรที่เขาศรัทธาได้
มีอะไรที่จะทำให้พวกเขาวางใจว่าจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น

มันก็จะสะท้อนกลับมาสู่การปรับตัวของพรรคการเมือง ให้ความสำคัญกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ให้ความสำคัญกับการรับมือโลกร้อนมากขึ้น นอกเหนือไปจากเอะอะก็ Net Zero
จนสักวัน โลกร้อนจะกลายเป็นนโยบายหลัก มิใช่แค่ของแถม
และต้องเป็นนโยบายที่ทำได้ มิใช่แค่แถลงไว้แต่ทำไม่ได้ เพราะมันจะย้อนมาปักอกตัวเองให้เจ็บหนัก

นั่นคือบางเรื่องที่อยากพูดบ่ายนี้ครับ

หมายเหตุ - ตราบใดที่ไม่เล่นการเมือง นักวิชาการต้องเป็นกลาง ผมยินดีไปพูดให้พรรคไหนก็ได้ และไม่คิดจะเล่นการเมืองครับ
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top