วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘กมธ.ความมั่นคงฯ’ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึง‘นายกฯ’ จี้ใช้‘สตาร์ลิงค์’ช่วยน้ำท่วมใต้ ชี้แกะรอยสแกมเมอร์มานานเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง อยู่ที่ไหนในโลกก็ใช้อินเทอร์เน็ตได้ จี้‘ดีอี’แจงปมนำเข้าสแกมเมอร์ 500 คน นัดถก กมธ.นัดหน้า 11 ธ.ค. ยันเข้าใกล้การทลายรังสแกมเมอร์แล้ว
26 พ.ย.2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม กมธ.ว่า ในช่วงเช้าเป็นการตามต่อที่มีการกำหนดนัดล่วงหน้าเอาไว้เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยเราตามเรื่องของสแกมเมอร์ เราให้ความสำคัญกับกรณีที่มีการฟอกเงินผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงกับอาจจะเรียกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคือนายฮุน โต หรือกลุ่มบริษัทฮวยวัน
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า โดยก่อนที่จะมีการพิจารณาวาระนี้เราได้มีการหารือในเรื่องที่สำคัญก็คือเรื่องน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งไม่ได้มีแค่ในพื้นที่ภาคใต้อย่างเดียว หลายๆ พื้นที่ก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องน้ำท่วมมาก่อนหน้านั้นเหมือนกัน จึงเป็นที่มาว่าทาง กมธ. จะมีมติในการส่งข้อเสนอในการบริหารจัดการกรณีอุทกภัยที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ให้กับนายกรัฐมนตรี โดยมีเรื่องที่น่าจะเป็นประโยชน์คือจากการที่เราติดตามเรื่องสแกมเมอร์มาเป็นระยะเวลานาน เราพบว่าเครื่องมืออย่างหนึ่งที่ทรงพลังมากในเรื่องของสแกมเมอร์คือสตาร์ลิงค์ หรือเครือข่ายอินเทอร์เน็ตดาวเทียมวงโคจรต่ำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตที่ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนบนโลกคุณสามารถใช้อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำได้ ซึ่งบริษัทที่ทำเรื่องนี้คือสเปซเอ็กซ์ที่เจ้าของคืออีลอน มัสก์ ก่อนหน้านี้ทางสเปซเอ็กซ์ เคยมีความพยายามเจรจากับประเทศไทยเพื่อเข้ามาดำเนินการในประเทศไทย แต่เข้าใจว่ายังติดเงื่อนไขเรื่องของการปฏิบัติตามกฎหมาย เลยยังไม่สามารถทำได้ แต่ตนคิดว่าถ้ารัฐบาลอาศัยอำนาจพิเศษในเวลานี้ที่มีอยู่ เพื่อนำไปสู่การพูดคุยกับทางสเปซเอ็กซ์ซึ่งเป็นเจ้าของสตาร์ลิงค์ตนคิดว่าเราสามารถที่จะใช้สตาร์ลิงค์มาใช้ในเรื่องของการแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ทั้งหมดในการช่วยแก้ปัญหา แต่ในพื้นที่ที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตถูกตัดขาด พี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ ตนคิดว่าการเอาเครื่องมือนี้มาใช้จะเป็นประโยชน์มาก
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า โดยเรามีข้อเสนอ 4 ข้อ โดยหนึ่งในนั้นก็คือการเอาสตาร์ลิงค์มาใช้เป็นการกระจายสัญญาณโดยเฉพาะกับศูนย์กู้ภัยหน่วยย่อยในพื้นที่ประสบภัย นอกจากยังมีเรื่องของการทำงานแบบซิงเกิลคอมมานด์ไม่ใช่สะเปะสะปะอย่างที่เป็นมา รวมไปถึงจะต้องมีการระดมอุปกรณ์และพาหนะจำเป็นต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งล่าสุดมีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเป็นล้านคนแต่ที่ช่วยได้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น นอกจากนั้นการสื่อสารรวมถึงสิ่งของจำเป็นก็เป็นเรื่องที่เราเห็นว่ามีความสำคัญซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมติแม้เราจะไม่ได้กำหนดวาระไว้ล่วงหน้า แต่เราเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญต่อชาติบ้านเมือง จึงมีมติส่งเรื่องให้นายกฯ เป็นหนังสือด่วนที่สุด เพราะเรามีบทเรียนว่าพวกคอลเซ็นเตอร์มันใช้สตาร์ลิงค์เก่งมาก และคุณภาพสตาร์ลิงค์มันดี ถ้าเราเอามาใช้ในเรื่องดี ก็จะสามารถมีส่วนในการช่วยบรรเทาสาธารณภัยที่เรากำลังเจออยู่ในเวลานี้ได้
อย่างไรก็ตามสำหรับประเด็นหลักที่เรากำลังพิจารณาในเรื่องสแกมเมอร์นั้น ตนคิดว่าเราเห็นสัญญาณที่ดีมากขึ้น ซึ่งตนยังไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เพราะมีความละเอียดอ่อน แต่ตอนนี้คิดว่าฝ่ายผู้ปฏิบัติน่าจะเริ่มจับหลักได้แล้วว่าควรจะไปอย่างไร เราเองได้มีการสอบถามในเรื่องของบริษัทที่ไปทำเอ็มโอยูกับทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ด้วย แต่ทางหน่วยงานไม่ได้เตรียมตัวมา ในกรณีที่มีข่าวว่ามีการนำแก๊งสแกมเมอร์กว่า 500 คนเข้ามาในประเทศไทยซึ่งพูดง่ายๆ เอ็มโอยูมันก็เป็นเหมือนหลังพิงให้มีการออกวีซ่าต่างๆ ให้ เราก็จะมีการตามต่อไป โดยมีการบรรจุวาระอีกครั้งในวันที่ 11 ธ.ค.นี้ ซึ่งเราก็คงจะผ่านช่วงน้ำท่วมไปแล้วและน่าจะทำให้สังคมกลับมาโฟกัสในเรื่องสแกมเมอร์ควบคู่กับการแก้ปัญหาในเรื่องการเยียวยาต่างๆ ให้ประชาชน ตนคิดว่าเราใกล้มากขึ้นในเรื่องที่จะทลายโดยเฉพาะรัง ตัวเป้ง ๆ หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินได้มากขึ้นแล้ว โดยภาพรวมทิศทางอาจจะยังไม่น่าพอใจ แต่เราก็เริ่มเห็นความก้าวหน้าบางอย่าง และคาดหวังว่า ป.ป.ง. ตำรวจไซเบอร์ ตำรวจสอบสวนกลาง รวมไปถึง กลต.จะทำงานร่วมกัน และหวังว่าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมขึ้น
เมื่อถามว่าหากได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่มาร่วมชี้แจงจะสาวไปถึงตัวใหญ่ของสแกมเมอร์ได้หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้มันมีเคสไอดี แต่ตนขอไม่ลงรายละเอียด เรามีผู้เสียหาย เราเส้นทางการเงิน โดยมีเคสที่เกี่ยวข้องมากกว่า 100 เคส สิ่งที่จะต้องต่อยอดก็คือเราจะมี 2 ทาง คือเราอาจจะเจาะไปที่ฮวยวัน เป็นการเฉพาะ กับสองเราขยายผลจากเคสไอดีที่มี ซึ่งข้อเสนอของกมธ.คือให้ไปด้วยกันทั้งคู่ เราคิดว่าหน่วยงานเข้าใจเรื่องของการทำงานแล้วหลังจากที่คุยกันมาหลายนัด การปรับจูนต่างๆ มีทิศทางที่ดีขึ้น เพียงแต่การลงมือปฏิบัติมันยังเป็นสิ่งที่เราคิดว่ายังขาดอยู่ ซึ่งมีโมเดลที่เราทำสำเร็จคือกรณีเวิลด์คอยน์ซึ่งก่อนหน้านี้มีประเด็นว่ามีผู้ไปสแกนม่านตาแล้วเขาไม่ได้ให้ความยินยอมคือพูดง่ายๆ ไม่ได้เข้าใจว่าข้อมูลที่เขาสแกนไปเอาไปทำอะไร ล่าสุดการที่มีแอคชันออกมาว่าให้มีการสั่งลบข้อมูลดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าดี เพียงแต่สิ่งที่จะต้องทำคือมันมีผู้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และเชื่อมกับฮวยวันด้วย ตนคิดว่าคงจะต้องเอาทุกอย่างมาสอดประสานให้มันลิงค์กันต่อไป และนำไปสู่การแก้ปัญหาทั้งระบบเพื่อกวาดล้างอาชญากรรมให้สิ้นซาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี