เปิดสาระร่างแก้ รธน. กำหนดเวลา ร่าง 360 วัน ขีดเส้นห้ามยุ่ง หมวด1 - หมวด2

เปิดสาระร่างแก้ รธน. กำหนดเวลา ร่าง 360 วัน ขีดเส้นห้ามยุ่ง หมวด1 - หมวด2

วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 14.53 น.

เปิดสาระร่างแก้รธน.! ให้มี ‘2กลไก’ ปูทางจัดทำฉบับใหม่ มาจากการเลือกของ ‘รัฐสภา’ ขีดกฎห้ามคนถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง-ระงับสิทธิ์มีส่วนร่วม กำหนดเวลาทำร่างใหม่ 360 วัน -ให้รัฐสภาโหวตเห็นชอบหรือไม่ ขีดเส้นห้ามยุ่ง’หมวด1 - หมวด2’ 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) รัฐสภา ที่มีนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธานกมธ. ซึ่งได้พิจารณาเนื้อหาแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ และขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งรายงานกมธ. ไปยังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อให้บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญ ช่วงวันที่ 10-11 พ.ย. เพื่อพิจารณาในวาระสอง


ทั้งนี้ สำหรับเนื้อหาที่กมธ.พิจารณา และเสนอต่อที่ประชุมนั้น มีการปรับเปลี่ยนจากร่างรัฐธรรมนูญที่รัฐสภารับหลักการ เกือบทุกมาตรา โดยประเด็นที่เป็นสาระสำคัญ คือ องค์กรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่  กำหนดให้มี คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ที่มาจากการเลือกของสมาชิกรัฐสภา เพื่อทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน และปรับ สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้เป็นกมธ.รับฟังความคิดเห็นและการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน ทำหน้าที่ อาทิ รับฟังและรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึงในการจัดทำรัฐธรรมนูญ เพื่อเสนอต่อกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ  เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ประชาชนรับทราบ  รวมถึงแจ้งให้ สส. สว. คณะรัฐมนตรี(ครม.) และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้แสดงความคิดเห็น 

ขณะที่หลักเกณฑ์การรับสมัคร ลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะสมัครเป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นนั้น ใช้หลักเกณฑ์ คุมสมบัติ และลักษณะต้องห้ามเดียวกัน ทั้งนี้มีประเด็นที่ กมธ. เขียนเพิ่มเติม ได้แก่ ห้ามบุคคลที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ อยู่ระหว่างถูกรระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นข้าราชการที่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ เป็นพนักงาน ลูกจ้าง หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นในหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น  ลงสมัคร

สำหรับในส่วนของคุณสมบัติกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ นั้น กมธ. ได้กำหนดคุณสมบัติพื้นฐาน เช่น มีสัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี การศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่า นอกจากนั้นยังกำหนดให้มีคุณสมบัติเฉพาะส่วนของนักวิชาการ ราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง ทั้งนี้พบว่ากมธ.ได้เติมคุณสมบัติเฉพาะขึ้นใหม่ อาทิ  เป็นหรือเคยเป็นผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์ หรือผู้วิจัยที่มีรายชื่อในโครงการวิจัยของหน่วยงานในระบบวิจัย และนวัตกรรม และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เคยับราชการตำแหน่งไม่ต่ำกว่าตุลาการในศาลปกครองชั้นต้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี เคยรับราชการเป็นหน้าหน้าที่ของรัฐในกระบวนการยุติธรรม ไม่น้อยกว่า 5 ปี ส่วนของนักการเมือง  ได้เพิ่มข้อความให้ครอบคลุมถึงนายกเมืองพัทยา ด้วย 
นอกจากนั้นได้เพิ่มคุณสมบัติที่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพที่มีกฎหมายรองรับการประกอบวิชาชีพ ไม่น้อยกว่า 5 ปี  และบุคคลที่เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมหาชนจำกัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี สามารถสมัครเข้ารับการเลือกเป็นกมธ.ร่างรัฐธรรมนูญด้วย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่คุณสมบัติของกมธ.รับฟังความคิดเห็น กมธ.เสียงข้างมาก ให้ใช้คุณสมบัติ 2 ประการ คือ มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งกมธ. ได้ลดเกณฑ์อายุที่สมัครลงจากเดิมที่กำหนด ไม่ต่ำกว่า 20 ปี 
ทั้งนี้กมธ. ได้กำหนดบทบัญญัติเพื่อขจัดการมีส่วนได้เสีย  คือ ห้าม กมธ.ร่างรับธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นดำรงตำแหน่งทางการเมือง ภายใน 2 ปีนับจากวันที่พ้นตำแหน่งไว้ด้วย

สำหรับการรับสมัคร บุคคลเพื่อเข้ารับคัดเลือก เป็น กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ใช้กลไกเดียวกัน คือ ให้สมัครผ่าน กกต. ด้วยหลักฐานที่กำหนดพร้อมกับวิสัยทัศน์ และรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนไม่น้อยกว่า 100 คน ทั้งนี้ยังกำหนดให้ประชาชนมีส่วนตรวจสอบคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครและผู้สนับสนุนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนการเลือก กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ซึ่งกำหนดให้รัฐสภาเป็นผู้เลือกนั้น กำหนดเวลาให้รัฐสภาทำให้เสร็จภายใน 60 วัน โดยใช้สูตร 20 หยิบ 1 คือให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มๆ ละ  20 คนตามหลักเกณฑ์ที่ประธานรัฐสภากำหนด เพื่อเสนอ กมธ.ร่างรัฐธรรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็น ได้กมธ.ละ 1 คน  จนครบจำนวน จากนั้นให้ประกาศรายชื่อในราชกิจจานุเบกษา

สำหรับขั้นตอนหลังจากที่ได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และ กมธ.รับฟังความคิดเห็นแล้ว กำหนดให้มีการประชุมร่วมกันครั้งแรก ภายใน 15 วัน  เพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน โดยกำหนดให้รับฟังความเห็นประชาชนอย่างทั่วถึง รอบด้าน และเป็นระบบ พร้อมกำหนดให้ประชุมร่วมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง

ขณะที่ระยะเวลาทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้ทำให้เสร็จภายใน 360 วัน และเมื่อทำแล้วเสร็จต้องส่งให้ประธานรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาอภิปรายแสดงความเห็น ให้ข้อเสนอแนะ โดยไม่ลงมติ ภายใน 30 วัน จากนั้นให้รัฐสภาส่งร่างรัฐธรรมนูญพร้อมคามเห็นและข้อเสนอแนะคืนให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้แก้ไขเพิ่มเติม ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทั้งนี้ยังให้โอกาสขยายเวลาพิจารณาได้ 1 ครั้ง ไม่เกิน 30 วัน จากนั้นส่งกลับให้รัฐสภาลงมติเห็นชอบด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวิธีการออกเสียงให้ใช้การขานชื่อและลงคะแนนโดยเปิดเผย แต่หากที่รัฐสภาไม่เห็นชอบ ให้ร่างรัฐธรรรมนูญนั้นตกไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ.เสียงข้างมาก ยังเห็นชอบต่อการกำหนดกรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ให้มีเนื้อหาสำคัญครอบคลุมใน 10 ประเด็น  อาทิ รับรองความเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกันจะแบ่งแยกมิได้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข คุ้มครองสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประชาชน การวางหลักให้ประชาชนยึดโยงกับสถาบันการเมือง ประชาชนตรวจสอบถ่วงดุล และมีความเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ วางกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐ ขจัดทุจริต ประพฤติมิชอบ จำกัดขอบเขตการใช้อำนาจรัฐและดุลยพินิจขององค์กรรัฐ สร้างเสริมความเข้มแข็งหลักนิติธรรม การบริหารราชการแผ่นดินและนโยบายรัฐที่ยืดหยุ่น กระจายอำนาจรัฐให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และ วางหลักเกณฑ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเนื้อหาที่กมธ.เพิ่มเติมขึ้น คือ ข้อกำหนดให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้นำบทบัญญัติในหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาบัญญัติไว้โดยไม่ให้แก้ไขด้วย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top