กมธ.พัฒนาการเมือง ส.ว. รับลูก สร.กทพ. รุกสอบปม ‘สร้างทางด่วนชั้นที่2’ หลังถูกท้วงขาดการมีส่วนร่วม

กมธ.พัฒนาการเมือง ส.ว. รับลูก สร.กทพ. รุกสอบปม ‘สร้างทางด่วนชั้นที่2’ หลังถูกท้วงขาดการมีส่วนร่วม

วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 13.31 น.

‘กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สว.’ รับลูก ‘สหภาพแรงงานฯ กทพ.’ รุกสอบปม ‘สร้างทางด่วนชั้นที่2’ หลังถูกท้วงขาดการมีส่วนร่วม เช็คปมขยายสัญญาสัมปทานเอกชน บริหารทางด่วนไปอีก 22 ปี จ่อเชิญผู้เกี่ยวข้องแจงสัปดาห์หน้

วันที่ 2 ธันวาคม 2568 ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา รับยื่นหนังสือจากกลุ่มสหภาพแรงงานวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการต่อสัญญาสัมปทานกับเอกชนในการบริหารจัดการทางด่วนออกไปอีก 22ปี5 เดือน ที่ส่อขัดกับกฎหมายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และ การก่อสร้างโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่2 (งามวงศ์วาน-พระรามเก้า) ที่ขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน


โดยนายบัณฑิต พรึงลำภู ประธานสร.กทพ. กล่าวว่า กรณีการขยายสัญญาสัมปทานให้กับเอกชน 22 ปี 5 เดือนนั้นส่อว่ามีความไม่ชอบมาพากล เพราะเป็นการขยายสัญญาสัมปทานให้เอกชนรายเดิม โดยไม่มีการประเปิดประมูลตามกฎหมายเพื่อให้เอกชนรายอื่นเข้าร่วมแข่งขัน ทั้งนี้ในปี2578 เวลาที่ให้สัมปทานเดิมจะหมดลงและรัฐสามารถนำมาบริหารจัดการให้เหมาะสมได้

นายบัณฑิต กล่าวต่อว่าขณะที่โครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่2 นั้น ปัจจุบันไม่มีความจำเป็น ปริมาณรถมีจำนวนลดลงซึ่งจากปี 2562 ที่เป็นแนวคิดนั้นเพื่อแก้ปัญหาการจราจรที่ติดขัด แต่ในปี2568 พบว่ารถมีจำนวนลดลงถึง 13% จึงไม่มีความจำเป็นอีกทั้งการสร้างทางด่วนชั้นที่ 2 ยังเป็นอันตรายกับผู้ใช้ทาง ขณะที่ประเด็นการบรรเทาปัญหาการจราจร มีทางเลือกที่ดีกว่า คือ ทางด่วนเส้นเกษตร-นวมินทร์ที่เตรียมจะดำเนินการ หลังจากการก่อสร้างทางด่วนชั้นที่2

ด้านนายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า กมธ.จะรับเรื่องไว้พิจารณาและสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงต่อกมธ. อย่างไรก็ดีมี 3 ประเด็นที่กมธ.ต้องหาความกระจ่าง คือทางเลือกที่ดีกว่าโครงการก่อสร้างทางพิเศษระดับชั้นที่2   การให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อโครงการดังกล่าวที่มีผลกระทบกับประชาชน รวมถึงการขยายสัญญาสัมปทานให้กับบริษัทเอกชนว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ รวมไปถึงการแก้ไขสัญญาสัมปทานที่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่

“การแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่กทม. ถือเป็นความจำเป็นที่ต้องมีทางด่วน แต่โครงการที่จะเกิดขึ้นต้องพิจารณาว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ คุ้มค่าและตอบโจทย์การเดินทางหรือไม่ อย่างไรก็ดีเมื่อกมธ.ได้ตรวจสอบแล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ผมสนับสนุนที่ว่าหากรัฐบาลจะเดินหน้าจริง ควรนำไปหาเสียงกับประชาชนก่อน เพื่อให้ได้รับความชอบธรรมต่อการผลักดัน” นายนรเศรษฐ์ กล่าว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top