‘เพื่อไทย’ส่อไม่ยื่นซักฟอกรบ. หวันแก้รธน.ล่ม หนุนยุบสภาตามเดิม31ม.ค.69

‘เพื่อไทย’ส่อไม่ยื่นซักฟอกรบ. หวันแก้รธน.ล่ม หนุนยุบสภาตามเดิม31ม.ค.69

วันพุธ ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

‘เพื่อไทย’ส่อไม่ยื่นซักฟอกรบ.

หวันแก้รธน.ล่ม

หนุนยุบสภาตามเดิม31ม.ค.69

ภท.เมินโพลปชป.ใต้แซง

‘พิพัฒน์’ชี้ฐานเสียงยังดี

 

“เพื่อไทย”ส่อล้มซักฟอก“จาตุรนต์”เปิดไทม์ไลน์แจงยิบแนะ 3 ข้อรัฐบาลเร่งกดปุ่มเดินหน้าทำประชามติคำถามแรกหวั่นตัดเกมแก้รธน.จี้ยุบสภากำหนดเดิม 31 มกราคม 69“สว.นรเศรษฐ์”โฆษกกมธ.เผยส่งร่างแก้รธน.ทางธุรการแล้ว คาดผ่านวาระ 2 ได้ ชี้นายกฯยุบสภา 12 ธ.ค.ต้องคิดใหม่ เหตุปชช.ต้องการรัฐบาลอำนาจเต็ม ในการแก้ปัญหา-เยียวยา ‘พิพัฒน์’เมินโพลกระแสปชป.ภาคใต้ แซงภท.มั่นใจฐานเสียงยังดี ชี้ขอลุยแก้วิกฤตน้ำท่วมก่อน‘สุชาติ’เผยนัดคุย‘สนธยา’วางตัว 10 ผู้สมัครสส. ชลบุรี คาดจบภายใน 1-2 วัน ขอจองเขต1ลงเอง ส่วนภาพรวมดูความเหมาะสมใครถนัดลงเขตไหน ลั่นอยากให้ภท.เป็นหนึ่งเดียวในชลบุรี บอกยังไม่มีสัญญาณยุบสภา


เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความระบุว่าที่กกต.ออกมาระบุว่าหากคณะรัฐมนตรีและ/หรือรัฐสภาส่งเรื่องการทำประชามติมายังกกต.ช้ากว่าวันที่ 15 ธันวาคม อาจทำให้ไม่สามารถจัดให้มีการลงประชามติพร้อมวันเลือกตั้งได้นั้นดูเหมือนจะมีความคลาดเคลื่อนในการคำนวณเวลาอยู่พอสมควร เพราะทางรองนายกรัฐมนตรี บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เองก็ได้คำนวณเส้นตายไว้ชัดเจนแล้วว่า กรอบเวลาจริงไปสิ้นสุดที่วันที่ 30 ธันวาคม

‘จาตุรนต์’เปิดไทม์ไลน์ยิบ

อย่างไรก็ตาม คำเตือนของกกต.ก็ทำให้ทุกฝ่ายต้องกลับมาช่วยกันคิดอย่างจริงจังว่า จะเร่งรัดแต่ละขั้นตอนอย่างไร เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดเดินไปให้ทัน และสามารถจัดให้มีการทำประชามติสองคำถามในวันเดียวกับวันเลือกตั้งได้ ตัวเลขวันที่ 15 ธันวาคม ในความเป็นจริงจึงเหลือความหมายสำคัญเพียงประเด็นเดียวคือใช้เป็น“หมุดหมายสำคัญทางการเมือง”สำหรับช่องทางที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นเองครม.สามารถมีมติได้ตั้งแต่ตอนนี้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งจัดให้มีการลงประชามติในคำถามที่ 1 ว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หากครม.กดปุ่มเรื่องนี้เร็วเท่าใด เวลาที่กกต.จะใช้เตรียมการจัดประชามติก็จะมากขึ้นเท่านั้น และโอกาสที่จะทำให้ประชามติคำถามที่ 1 จัดพร้อมกับวันเลือกตั้งก็จะยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น

หวั่นตัดเกมแก้ไขรธน.

พร้อมกันนี้ ยังมีอีกหนึ่งช่องทางที่จะนำไปสู่การลงประชามติในคำถามที่ 1 ได้ นั่นคือให้รัฐสภามีมติร้องขอให้จัดให้มีการทำประชามติ ตามแนวทางที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ ช่องทางนี้จำเป็นต้องรอให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปจนถึงวาระสามเสียก่อน เมื่อรัฐสภาลงมติวาระสาม เห็นชอบกับร่างแก้ไขและมีมติเห็นชอบให้ร้องขอทำประชามติคำถามที่ 1 ด้วย ประธานรัฐสภาก็จะส่งเรื่องไปยังครม.เป็นสองเรื่องพร้อมกัน คือ ขอให้ทำประชามติในคำถามที่ 1 และขอให้จัดทำประชามติในร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านวาระสาม ซึ่งจะเป็น “คำถามที่ 2” ทั้งกระบวนการนี้จะเกิดขึ้นหลังจากวาระสองเสร็จสิ้นแล้ว 15 วัน หรือราววันที่ 26 ธันวาคม

จี้ยุบสภากำหนดเดิม31มค.

โดยสรุปแล้ว สิ่งที่ต้องเดินหน้า ได้แก่ (1) ครม.ควรเร่งมีมติให้มีการจัดทำประชามติคำถามที่ 1 โดยเร็วที่สุด (2) เมื่อรัฐสภาเห็นชอบในวาระที่สาม ประธานรัฐสภาจะต้องส่งเรื่องให้ครม.หรือกกต.จัดให้มีการทำประชามติตามมาตรา 256 ซึ่งจะเป็นคำถามที่ 2 และ (3) รัฐสภาอาจใช้ช่องทางมติเสียงข้างมากร้องขอให้ครม.จัดทำประชามติในคำถามที่ 1 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีผลผูกพันรัฐสภาอย่างชัดเจน

ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้จริงก็ต่อเมื่อการยุบสภาเป็นไปตามกำหนดเดิม คือในวันที่ 31 มกราคม 2569 ไม่ถูกเร่งให้สั้นลงจนทำให้กระบวนการประชามติทั้งสองคำถามไม่เกิดขึ้นในวันเลือกตั้ง

ส่งร่างแก้รธน.ให้รัฐสภาแล้ว

นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.)ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…)รัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้วุฒิสภาพิจารณาก่อนเปิดการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 10-11ธ.ค.ว่าตอนนี้ฝ่ายเลขาฯของ กมธ.ได้ส่งเนื้อหาร่างแก้ไขให้ กมธ.ดูแล้ว ทั้งนี้อาจยังไม่ได้เป็นร่างที่ครบ จบ เพราะต้องให้ทางสำนักประชุมตรวจสอบคำอีกครั้ง เราได้ส่งขั้นตอนทางธุรการไปแล้ว ส่วนเนื้อหาหลัก เราสื่อสารกับสว.บางคนที่มีความสนใจแล้วว่าเนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง

“คิดว่าในการประชุมวิปวุฒิสภาวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ตนจะลองเสนอว่าเราอาจจัดประชุมก่อนเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อทำความเข้าใจ เกี่ยวกับตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทราบว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร และหากมีคำถามใดที่กมธ.ตอบได้ เราจะได้คลายข้อสงสัย”นายนรเศรษฐ์ย้ำ

คาดวาระ2น่าจะผ่านได้

เมื่อถามว่าประเมินทิศทางอย่างไรว่าสว.จะเห็นด้วยหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า เรามีการสื่อสารออกมาเรื่อยๆ เข้าใจว่าในบางประเด็นที่สว.หลายคนเป็นห่วง และสว.ที่เป็นกมธ.ก็สงวนความเห็นกันไว้ เพื่ออภิปรายในการประชุมร่วมกัน แต่เชื่อว่าในภาพใหญ่ของเนื้อหาที่เราได้ร่างมาแล้ว หลายคนน่าจะเห็นพ้องต้องกันได้ และต้องดูว่าบางมาตราที่สงวนความเห็นไว้ จะเห็นเป็นอย่างไร คาดว่าวาระ 2 น่าจะผ่านไปได้

ชี้นายกฯต้องคิดใหม่ยุบสภา

เมื่อถามว่าสถานการณ์ตอนนี้มีปัจจัยทางการเมืองที่กังวลหรือไม่ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ในทางการเมือง มีการส่งสัญญาณออกมาว่าอาจยุบสภาได้ทุกเมื่อ ล่าสุดมีข่าวว่านายกฯ จะยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.แต่ตนมองว่าอาจต้องคิดใหม่ เพราะขณะนี้มีสถานการณ์น้ำท่วม เรายังต้องการรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการบริหารและเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น เรื่องนี้เป็นงานใหญ่ ไม่ต่างจากการผลักดันร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

“ขอให้ผ่านพ้นตรงนี้ไปได้ก่อนและหากสถานการณ์ดีขึ้น มีความเหมาะสมแล้ว นายกฯจะยุบสภา ผมคิดว่ายังไม่สายเกินไป และประชาชนคงไม่อยากให้เอาการเมืองมาเล่นการเมืองกันจนเกิดผลกระทบกับความเสียหายและเยียวยาต่อประชาชน”นายนรเศรษฐ์ กล่าว

อย่าเล่นเกมการเมืองทำสะดุด

เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าสว.อาจจะเล่นเกมในวาระ 2 หรือ 3 ซึ่งทำให้ร่างไม่ผ่านตามเกณฑ์ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามีโอกาสเกิดขึ้นได้ในการเมืองของไทย เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของกมธ. และอยากให้ประชาชนช่วยกันส่งเสียงว่าอย่าให้การเล่นเกมการเมือง มาเป็นอุปสรรคที่จะมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ตนยังหวังว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขได้ จะนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาที่ติดล็อกของประเทศได้จริง และเรื่องของการเมืองที่มีความสับสนอยู่ตอนนี้ มีการออกมาส่งสัญญาณกันมาก ว่ามีการยุบสภา ซึ่งประชาชนก็จับตาดู นอกเหนือจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังมีกฎหมายอื่นๆรอการแก้ไขอยู่ อาจต้องหยุดชะงักเพราะเล่นการเมืองเกินไป และอาจสร้างความไม่พอใจให้ประชาชนได้

‘นิพิฏฐ์’แนะ‘หนู’ใช้นามสกุล‘โอษฐภัย’

นายนิพิฏฐ์อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความเรื่อง “โอษฐภัย” โดยมีรายละเอียดว่า ผมฟังท่านนายกรัฐมนตรี อนุทิน พูดว่า ช่วงนี้ อยากมีนามสกุล“หลีกภัย” แต่กลับได้นามสกุล“เจอภัย”ผมไม่รู้ว่า ท่านนายกฯ พูดโดยมีเจตนาอย่างไร และ มีวัตถุประสงค์อะไรผมว่าถ้านายกฯจะเปลี่ยนนามสกุล ผมแนะนำให้เปลี่ยนเป็น“โอษฐภัย”ผมเห็นด้วยกับที่คุณเดชอิศม์ ขาวทอง พูดว่าท่านนายกฯ เป็นได้เพียงพระรอง มิใช่พระเอก แต่เมื่อจับพลัดจับผลู ได้แสดงบทพระเอก หนังมันก็ออกมาอย่างนี้แหละครับ

“ปกตินามสกุลนี่เขาไม่ให้ตั้งซ้ำกันนะครับ และหากจะไปใช้นามสกุลของคนอื่น ก็ต้องให้ต้นกระกูลเขายินยอมให้ใช้ ซึ่งทำยากมากหากนายกฯจะเปลี่ยนนามสกุล ผมแนะนำให้พรุ่งนี้ ท่านขึ้นไปที่ ที่ว่าการอำเภอ แล้วบอกนายอำเภอว่า ขอเปลี่ยนนามสกุลเป็น “โอษฐภัย” รับรองไม่ซ้ำกับใคร ไม่ถึงครึ่งวันเดินลงจากที่ว่าการอำเภอ พร้อมกับนามสกุลใหม่“โอษฐภัย” ทำเถอะครับ เชื่อผม”นายนิพิฏฐ์ ระบุ

‘พิพัฒน์’เมินโพลปชป.ใต้แซงภท.

ที่ทำเนียบรัฐบาลนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พื้นที่ภาคใต้ กล่าวถึงกรณีนิด้าโพล เปิดเผยผลสำรวจคะแนนความนิยมของพรรค ภท. ในพื้นที่ภาคใต้ที่ลดลง ว่า ไม่เป็นไร ให้เป็นไปตามโพล ซึ่งตอนนี้การแก้ปัญหาวิกฤตถือเป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า โพลก็ส่วนโพลเราไม่สนใจ ขอเอาการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้ก่อน

มั่นใจฐานเสียงใต้ยังดี ขอลุยทำงาน

เมื่อถามว่า ยังมั่นใจกระแสในพื้นที่ภาคใต้อยู่หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ยังมั่นใจอยู่ส่วนกระแสของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เหมือนจะดึงให้คะแนนพรรค ปชป. เพิ่มขึ้นมากังวลหรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ไม่กังวล ที่จริงคนใต้ก็มีกระแสของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ฉะนั้นโผล่จะออกมาเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของโพล เรามีหน้าที่คือทำงานให้เต็ม

‘สุชาติ’นัดคุย‘สนธยา’วางตัวสส.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สมาชิกพรรคภูมิใจไทย(ภท.)กล่าวถึงการวางตัวผู้สมัครพื้นที่จ.ชลบุรีว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะหารือกับนายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มพลังชล เพื่อมาคุยกันทั้งจังหวัดว่าใครเหมาะสมพื้นที่ใดมากกว่า เรามาจากที่เดียวกันมาตลอดหลาย 10 ปี แต่เราอยู่คนละพรรค เราก็ต้องหารือร่วมกันในเรื่องความเป็นจริงว่าใครถนัดพื้นที่ไหน ในส่วนนี้มั่นใจได้

เมื่อถามว่าแสดงว่าจะยึดพื้นที่เดิมตามที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าถนัดในโซนไหนบ้าง จะยึดตามนั้นหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่าจะพูดแบบนั้นก็คงไม่ได้ เพราะเราทำงานการเมืองกับนายสนธยา มายาวนาน เราบังเอิญอยู่คนละพรรคกัน แข่งขันกัน แต่วันนี้ถ้าเรามีเจตนารมณ์อยู่พรรคเดียวกัน ก็จะมาแบ่งโซนกันว่าใครถนัดโซนไหน ตามสภาพความถนัดเราไม่สามารถโกหกได้ เพราะเราคนชลบุรีด้วยกัน เรารู้อยู่แล้วใครชำนาญพื้นที่ พี่น้องประชาชนเขตไหนให้ความรักและเคารพมากกว่ากัน

ขอจองชิง ส.ส.เขต1ชลบุรี ลงเอง

เมื่อถามว่า แนวโน้มเขต 1 จะเป็นอย่างไร นายสุชาติ กล่าวว่า ตนเคยเป็น สส.เขต 1 จำนวน 2 ครั้ง ปี 2554 และ 2562 ตนก็แสดงเจตจำนงไว้ว่า ตนขออนุญาตที่จะลงเขต 1 ซึ่งการเลือกตั้งปี 2566 ตนต้องไปลง สส.บัญชีรายชื่อ ตอนสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคิดว่าการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ตนน่าจะลงเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเอง เพราะเป็นพื้นที่ที่ตนถนัด แต่ครั้งที่แล้วเกิดฉุกละหุก ในการสังกัดพรรครทสช.ทำให้ตนต้องลง สส.บัญชีรายชื่อ เพราะต้องดูแลหลายจังหวัด แต่ครั้งนี้ตนย้ายมาสังกัดพรรคภท.แล้ว มีระบบที่ดี เป็นพรรคใหญ่ และเรามีเครือข่ายเยอะไม่จำเป็นต้องไปดูจังหวัดอื่น เพราะเรามีเพื่อน และเชื่อมั่นในศักยภาพเพื่อนแต่ละคน ครั้งนี้ลงครั้งที่ 3 ที่ 4 แล้วก็มีความชำนาญมากกว่าแรกๆ เราก็ปล่อยมือได้เพื่อนๆ เก่งอยู่แล้ว

คุยวางตัวผู้สมัครส.ส.10เขต

เมื่อถามว่ากระแสข่าวว่านายสนธยาจะไม่ยอมปล่อยมือจากเขต 1 นายสุชาติ กล่าวว่า“ไม่ๆพี่แป๊ะคุยกับตนแล้วดูที่ความเหมาะสม ถ้าเป็นผมก็ต้องเหมาะสมสิ เพราะเป็นผู้แทนมาก่อน พี่แป๊ะสนธยาก็กลัวว่าคนที่จะมาทำพื้นที่ถ้าแล้วจะสู้เขาไม่ได้มากกว่า เรามองเป้าหมายผลลัพธ์มากกว่า เราต้องการให้ภูมิใจไทยในจ.ชลบุรีเป็นหนึ่งเดียว ต้องการให้ได้เยอะที่สุด”จริงๆ ภายใน 1-2 วันนี้ สำหรับ 10 เขตเลือกตั้งจ.ชลบุรี คุยกันจบ นัดนายสนธยาอยู่

บอกยังไม่มีสัญญาณยุบสภา

เมื่อถามว่า ประมาณแบ่งกันคนละครึ่งหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า คงไม่มากขนาดนั้น แต่จะเอาตัวเลขมากางบนโต๊ะว่าใครเหมาะสมตรงไหนผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีสัญญาณการยุบสภาหรือยัง นายสุชาติ กล่าวว่า ยังไม่มี ส่วนตัวคิดว่าสถานการณ์ต่างๆ ขณะนี้ ต้องไปถามฝ่ายค้านมากกว่า แต่ตนทำงานทุกวันอยู่แล้ว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top