วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568
‘อนุทิน’เฉียบขาด!ลั่นปิดประตูเจรจา
ไทยจัดหนักเขมร
เปิดแนวรบปะทะหลายจุด
ทอ.ส่งเอฟ16ถล่มกาสิโน
ทบ.ตั้งเป้าซัดให้สิ้นสภาพ
ทหารดับ1บาดเจ็บ18ราย
ทบ.สรุปเหตุปะทะชายแดนไทย – กัมพูชา ในหลายพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง เขมรเปิดฉากโจมตีไทยวันที่สอง ส่ง F-16 ล็อก 3 เป้าโจมตีกาสิโน เขมรซุกอาวุธหนัก ใช้เป็นกองบัญชาการฯตั้งอาวุธหนักยิงโจมตีเป็นภัยคุกคามไทย ขณะที่ทภ.1 สั่งกกล.บูรพาเตรียมพร้อมรบสูงสุดหลังเขมรเคลื่อนประชิดชายแดนไทย เสธ.ทบ.ย้ำ เป้าหมาย กองทัพถล่มกัมพูชา สิ้นสภาพทางทหารไปอีกนาน เพื่อความปลอดภัยลูกหลานคนไทยนายกฯถกฝ่ายความมั่นคงก่อนแถลงการณ์ปกป้องอธิปไตย – ความปลอดภัยประชาชน ยันไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มหรือรุกราน พร้อมปฏิบัติการทหารทุกกรณีตามความจำเป็น ส่วน“นายกฯ” มั่นใจแสนยานุภาพกองทัพไม่ให้ใครรุกราน ปิดประตูเจรจาเขมร อยากหยุดปะทะต้องทำตามไทย บอกหน้าที่นายกฯต้องรักษาประเทศ เมินโพสต์ “อันวาร์” ให้สองฝ่ายยับยั้งชั่งใจใช้อาวุธ ตอกพยานต้องไปบอกคนรุกรานให้หยุด
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยความคืบหน้าสถานการณ์ปะทะต่อเนื่องจากวันที่ 7 ธันวาคม ที่ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงโจมตีภูผาเหล็ก - พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
เปิดฉากปะทะแต่เช้ามืดช่องอานม้าอุบลฯ
โดยช่วงเช้ามืดวันนี้ (8 ธันวาคม) เกิดการปะทะในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชายิงปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้งตั้งแต่เวลาประมาณ 05.05 น. ไทยตอบโต้ตามกฎการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้ง และเมื่อเวลา 07.00 น. ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กองทัพบกได้รับรายงานว่าทหารไทยถูกโจมตีด้วยอาวุธยิงสนับสนุนทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย
ทอ.ส่งF16ถล่มฐานปืนใหญ่เขมร
พล.ต.วินธัยกล่าวต่อว่า ฝ่ายไทยเตรียมใช้อากาศยานกระทำต่อเป้าหมายคือ ที่ตั้งยิงอาวุธสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา เนื่องจากเป้าหมายเหล่านั้นใช้อาวุธ ปืนใหญ่ และเครื่องยิงลูกระเบิดกระทำต่อฝ่ายไทย
พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศเผยว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ร่วมกับกองกำลังสุรนารีในการตอบโต้ปฏิบัติการทางทหารของกัมพูชา ที่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของไทย ความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ชายแดน และกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ดังกล่าว นอกจากนี้ จากข้อมูลการตรวจสอบทางยุทธการพบการเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์หนัก จัดกำลังรบ เตรียมสนับสนุนด้านการยิงของกัมพูชา ซึ่งอาจนำไปสู่การขยายวงของปฏิบัติการทางทหารในลักษณะคุกคามเสถียรภาพในพื้นที่ชายแดนไทย จึงนำไปสู่การใช้กำลังทางอากาศ เพื่อยับยั้งและลดศักยภาพทางทหารของกัมพูชาในระดับจำเป็นต่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ
ทอ.ล็อค3จุดหยุดเขมรเป็นภัยคุกคาม
ทั้งนี้ กองทัพอากาศปฏิบัติภารกิจอย่างรอบคอบ กำหนดเป้าหมายเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร คลังอาวุธ ศูนย์บัญชาการ และเส้นทางสนับสนุนการรบที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ซึ่งถูกประเมินว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง ยืนยันว่าปฏิบัติการเป็นไปตามหลักสากลของการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ และยึดหลักความจำเป็นและความได้สัดส่วนอย่างเคร่งครัด ยืนยันจะปฏิบัติการทางอากาศบนพื้นฐานความรับผิดชอบ และตอบสนองภัยคุกคามที่กระทบเอกราชอธิปไตย และความปลอดภัยของประชาชน
รายงานข่าวจากกองทัพอากาศเผยว่า กองทัพอากาศใช้เครื่องบิน F-16 สนับสนุนภาคพื้น เป้าหมายอยู่ที่ปืนใหญ่ฝั่งกัมพูชาที่ยิงเข้ามาฝั่งไทย เน้นปฏิบัติภารกิจใน3 พื้นที่
F16บอมบ์กาสิโนเขมรฐานทหาร-ซุกอาวุธ
เพจเฟซบุ๊ก Army Military Force โพสต์คลิปวิดีโอพร้อมระบุว่า เวลา 08:09 น. ทหารเขมรลงคลิปโอดครวญ F-16 ไทยทิ้งไข่ถล่มคาสิโนจนพังราบในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยตรวจพบคาสิโนดังกล่าวถูกกองทัพกัมพูชาใช้เป็นฐานทหารและที่ซุกอาวุธหนัก เพื่อเตรียมใช้โจมตีลึกเข้ามาในดินแดนไทย หวังกระทำต่อพลเรือนไทย
ทภ.2เผยไทม์ไลน์ปะทะเขมรหลายจุดแต่เช้ามืด
เวลา 06.50 น. รายงานข่าวจากกองทัพภาค 2 (ทภ.2)เผยว่า ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงถล่มทหารไทยที่ห้วยตามาเลีย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ โดยไทยยิงตอบโต้ตามกฎการประทะสากล ในพื้นที่ยังมีการยิงตอบโต้ต่อเนื่อง มีไทม์ไลน์ทหารกัมพูชารุกหนักยิงใส่ไทยตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันเดียวกันนี้หลายพื้นที่ ดังนี้
เวลา 05.05 น. ที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กยาวยิงใส่ไทย ในพื้นที่ตำรวจตระเวนชายแดน 793 (ตชด.793) จากนั้น 05.11 น.พื้นที่ช่องอานม้า ทหารกัมพูชายิงปืนเล็กยาวเพิ่มอีก 3 นัด เวลา 05.21 น. ที่ฐานรากหญ้า ทหารไทยตรวจพบโดรน 2 ลำจาก ฐานแดนไกล เวลา 05.23 น. พื้นที่ตลาดช่องอานม้า ทหารกัมพูชายิงปืนกล 1 ชุดใส่ฝ่ายไทย เวลา 05.24 น.ฐานปฏิบัติการ เจนศึกยิงตอบโต้ป้องกันตัวตามหลักสากล ด้วยปืนกล 1 ชุด ใส่ตลาดช่องอานม้า เวลา 05.30 น. ฐานแดนไกล ตะวันออกทหารกัมพูชายิงปืนกลใส่ฝ่ายไทยต่อเนื่อง เวลา 05.36 น.ฝ่ายไทยยิงป้องกันตัว ตอบโต้ไปแล้วแต่ไม่มีการยิงตอบโต้กลับ เวลา 05.57 น.รากหญ้า ตรวจพบทหารกัมพูชา 50 คน เดินเท้าจากคาสิโนขึ้น เนิน 677
เวลา 06.00 น.พื้นที่ห้วยบอน ทหารกัมพูชายิงปืนเล็กใส่ฝ่ายไทย 5 นัด เวลา 06.07 น.พื้นที่ฐานต้นมะนาว และฐานห้วยบอน ทหารกัมพูชาได้ยิงปืนค. ใส่ฝ่ายไทย พื้นที่ละ 1 นัดรวม 2 นัด เวลา 06.11 น. มีกระสุน ค.ตกบริเวณบ่อดินหลังตลาดไท จำนวน 1 นัด เวลา 06.17 น.เจนศึกตอบโต้ ฝ่ายทหารกัมพูชา ด้วย ค.60 ตามสัดส่วนหลักสากล เวลา 06.23 น.มีกระสุน ค. ตกที่มั่น 3 ฐานริมผา
ทำลายกระเช้าเนิน350ตัดเส้นทางส่งเสบียง
ต่อมาเวลา 09.20 น. กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) รายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เป้าหมายกระเช้าเนิน 350 ทางด้านทิศตะวันตกปราสาทตาควาย อําเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ระยะ 300 เมตรได้ถูกทำลายแล้ว ทำลายเส้นทางขนส่งกำลังบำรุง พร้อมยืนยันกองทัพจะปกป้องประชาชนและอธิปไตยเต็มกำลัง
แจ้งยกระดับรปภ.อาคารสถานที่ราชการสำคัญ
ต่อมากองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย อาคาร สถานที่ราชการที่สำคัญ และป้องกัน ขัดขวาง การปฏิบัติของฝ่ายตรงข้าม ที่มุ่งสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินกองทัพจะปกป้องประชาชนและอธิปไตยเต็มกำลัง
เขมรยิงBM-21ตกบ้านปชช.บุรีรัมย์-ปะทะยาว
ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส รายงานสถานการณ์สู้รบแนวชายแดนไทยกัมพูชาว่า เวลา 08.30 น.วันเดียวกัน เขมรยิง BM-21 ลงพื้นที่บ้านเรือนประชาชนคนไทย บ้านสายโท 10 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ นอกจากนี้ ยังมีการปะทะตลอดแนวช่องอานม้า เนิน 677 ห้วยตามาเรีย พื้นที่คนา ปราสาทตาเมือนธม
พร้อมตอบโต้สูงสุด-เขมรประชิดชายแดนไทย
ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจากกกล.บูรพา เกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา โดยพบว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เตรียมพร้อมรบสูงสุดตามแนวชายแดน ในพื้นที่ จ.สระแก้ว มีการตรวจพบเคลื่อนย้ายกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงอาวุธหนักเข้าที่มั่นอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงเฝ้าติดตามฝ่ายไทยใกล้ชิด กระทั่งตลอดช่วงเช้าวันนี้ ได้รับรายงานการเคลื่อนกำลังเข้าประชิดชายแดน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยของไทย รวมทั้งสร้างความไม่ปลอดภัยในชีวิตของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา กองทัพภาคที่ 1 โดยกกล.บูรพา จึงเข้าปฏิบัติการทางทหารยึดคืนพื้นที่อธิปไตยของไทย บริเวณชายแดนจ.สระแก้ว
ทบ.เฝ้าระวังสนามบิน-รพ.บุรีรัมย์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกแถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย- กัมพูชาโดยย้ำว่า การใช้อาวุธตอบโต้ยังเป็นไปตามแผนเผชิญเหตุเฉพาะพื้นที่ตามกฎการใช้กำลังและมุ่งโจมตีพื้นที่เป้าหมาย ที่มีเจตนาคุกคามหรือกระทำต่อฝ่ายไทย นอกจากนี้ ยังพบว่ากัมพูชาเตรียมความพร้อมของกำลังพลยุทโธปกรณ์และอาวุธยิงสนับสนุนเพิ่มเติม รวมไปถึงมีแนวโน้มว่ากัมพูชามีการระบุพิกัดการใช้อาวุธระยะไกลในเขตพื้นที่ตอนใน ครอบคลุมพื้นที่ใกล้สนามบินบุรีรัมย์ และบริเวณพื้นที่ใกล้โรงพยาบาล ในอำเภอปราสาท ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนถึง 30 กิโลเมตร
ฉะเขมรแอบใช้ทุ่นระเบิด-ละเมิดหยุดยิงซ้ำ
โฆษก ทบ.กล่าวต่อว่า สำหรับบรรยากาศและท่าทีของกัมพูชาก่อนหน้านี้ มักละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และแอบใช้ทุ่นระเบิด ในพื้นที่ปฏิบัติงานของฝ่ายไทย รวมถึงการปรับปรุงเส้นทางของฝ่ายไทย ทั้งนี้ เป็นเครื่องบ่งชี้วัดทางกัมพูชาอาจต้องการให้กำลังพลทหารฝ่ายไทยได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดเหล่านั้น ขณะที่การปฏิบัติที่สำคัญช่วงเย็นวานนี้ กองทัพภาคที่ 2 คำนึงถึงความปลอดภัยประชาชน มีการเร่งอพยพซึ่งการดำเนินการเป็นการปฏิบัติในพื้นที่ส่วนหลัง กองทัพภาคที่ 2 ได้ประสานกับฝ่ายปกครองและฝ่ายท้องถิ่นรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอพยพ ซึ่งปัจจุบันมีความสมบูรณ์แล้ว
เขมรเปิดโจมตีตั้งแต่อุบลฯ-สุรินทร์-ศรีสะเกษ
ขณะที่เหตุการณ์กลางดึกวันที่ 7 ธันวาคมถึงเช้าวันนี้ มีการยิงและเกิดการปะทะหลายพื้นที่กระทั่งรุ่งเช้า และเริ่มปะทะหนักขึ้นตั้งแต่เวลา 05.00 น. โดยกัมพูชาใช้ปืนเล็ก ปืนใหญ่ อาวุธยิงสนับสนุนต่างๆเข้ามาจนเป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และยังพบหลักฐานว่าทางฝ่ายกัมพูชา ได้เปิดพื้นที่การปะทะเพิ่ม เช่น ช่องอานม้า ปราสาทคนา ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ และห้วยตะมาเรีย จ.ศรีสะเกษ โดยฝ่ายไทยตอบโต้ตามแผนเผชิญเหตุเน้นเป้าหมายทางทหารเป็นหลัก เช่น ฐานทหาร ที่ตั้งอาวุธจริงสนับสนุน พร้อมประสานขอรับการสนับสนุนการใช้อากาศยานของกองทัพอากาศปล่อยอาวุธยับยั้งการโจมตีของทหารกัมพูชา ถือเป็นความจำเป็นในการป้องกันตนเองหลังพบกัมพูชาใช้อาวุธยิงฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง
ย้ำใช้F16ทำลายฐานศูนย์บัญชาการโดรน
ขอเน้นย้ำว่าการใช้กำลังทางอากาศของไทย เป็นการปฏิบัติต่อเป้าหมายทางทหารของกัมพูชาเท่านั้น กำจัดวงและขอบเขตความเสียหาย พร้อมยับยั้งการโจมตีอาวุธยิงสนับสนุนของกัมพูชาที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตแก่กำลังพลของฝ่ายไทย สำหรับการโจมตีการปล่อยอาวุธจากอากาศยานเป็นการโจมตีที่ค่อนข้างมีความแม่นยำสูง บริเวณแนวปะทะไม่กระทบต่อพลเรือน ที่สำคัญฝ่ายไทยจำเป็นต้องสกัดกั้นอาวุธยิงสนับสนุนของกัมพูชา ที่กำลังคุกคามคนไทย เนื่องจากการปะทะครั้งที่ผ่านมาเคยยิงใส่ในพื้นที่เป้าหมายทางพลเรือนของฝ่ายไทย ทำให้ประชาชนและที่อยู่อาศัยมีความเสียหาย เกิดบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณี F- 16โจมตีพื้นที่กาสิโน เป็นที่ตั้งอาวุธชนิดใด โฆษกกองทัพบกระบุว่า เป็นทั้งสถานที่บังคับการและศูนย์การบังคับบัญชาของอากาศยานไร้คนขับ(โดรน) พร้อมย้ำว่า เป็นที่ตั้งของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับอากาศยานไร้คนขับ ส่วนการป้องกันสถานที่สำคัญ เช่น สนามบิน โรงพยาบาล คลังอาวุธของไทย ยอมรับว่าเตรียมการไว้ เครื่องมือแอนตี้โดรนสามารถสกัดกั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสถานที่สำคัญจริงๆในทางทหาร เตรียมการอยู่ในระบบปกติของราชการอยู่แล้ว
ยันข้อมูลทางการทหารดับ1เจ็บ11
พลตรีวินธัยยังกล่าวถึงยอดผู้เสียชีวิตเบื้องต้นขอยืนยันมีข้อมูลเป็นทางการเสียชีวิต 1 นาย ขณะที่ผู้บาดเจ็บขณะนี้ 11 นาย ส่วนจะขยายแนวไปที่กองทัพภาคที่ 1 หรือไม่ พลตรีวินธัยกล่าวว่า ปัจจุบันเป็นการตอบโต้เผชิญเหตุตามสถานการณ์มีเพียงข้อมูลตามที่ได้รายงานไปให้ทราบเท่านั้น
ทั้งนี้ สถานการณ์พื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาตลอดช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่ในขั้นที่ไว้วางใจ ดังนั้น ผบ.ทบ.สั่งการหน่วยนั้นเตรียมความพร้อมทางยุทธวิธีที่จะตอบโต้ภัยคุกคามที่กัมพูชาทำ โดยเฉพาะการใช้อาวุธ รวมทั้งเป็นห่วงการบาดเจ็บและสูญเสียของกำลังพลฝ่ายไทย และคำนึงสูงสุดถึงการที่จะส่งผลกระทบต่อการบาดเจ็บและสูญเสียของประชาชน จนเป็นที่มาให้ทำลายเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือ ทำลายระบบอาวุธยิงสนับสนุนของเขมร ลดผลกระทบต่อกำลังพล และคนไทย
ยันไทยต้องเร่งทำลายที่ตั้งยิงBM21
“หลักการใช้อาวุธต้องจำกัดขอบเขตในพื้นที่ชายแดน หากเกินพื้นที่ชายแดน สังคมโลกยอมรับไม่ได้ และเคยมีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้มาแล้ว ฉะนั้น ส่วนใหญ่ในพื้นที่สนามบินค่อนข้างห่างไกลพื้นที่การรบพอสมควร แต่ตามมาตรการทางทหาร ไม่ประมาท มีมาตรการดูแลป้องกันอยู่”พลตรีวินธัยกล่าว และยืนยันว่า การใช้กำลังของไทยยังเป็นไปตามการเผชิญเหตุ อยู่ในกรอบกติกาสากล การตอบโต้เป็นไปตามเหตุและผลอยู่ในระดับเหมาะสม
พลตรีวินธัยกล่าวต่อว่า การยิงBM 21 นั้น ในเชิงรุกต้องทำลายที่ตั้งยิงเหล่านั้นให้ได้มากที่สุด ส่วนมาตรการเชิงรับจะใช้วิธีอพยพคน พยายามทำให้ผลกระทบที่เกิดจากการใช้อาวุธนั้น ไม่เกิดกับความบาดเจ็บและความสูญเสียของประชาชน สำหรับเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีการยิง BM 21 ตกในพื้นที่เกษตรกรรม ไม่มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสีย แต่ต้องติดตามเป็นระยะ เนื่องจากมีการใช้อาวุธประเภทจรวดกี่จุดกี่พื้นที่
เสธ.ทบ.ฮึ่มถล่มเขมรให้สิ้นสภาพทางทหาร
พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบกระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาหลังมีการปะทะวันที่สองว่า เป้าหมายคือ กองทัพบกจะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพขีดความสามารถทางการทหารไปอีกยาวนาน เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานของเรา
นายกฯเรียกเหล่าทัพถกปมชายแดนเขมร
อีกด้านที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ พล.อ.อุกกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผบ.ทสส. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผบ.ทอ. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ร่วมประชุม
รบ.แถลงการณ์มุ่งมั่นป้องอธิปไตยสูงสุด
จากนั้นเวลา 12.20 น. นายกรัฐมนตรีนำคณะฝ่ายความมั่นคงแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่านโทรทัศรวมการเฉพาะกิจว่า ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมถึงขณะนี้ เกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่รัฐบาลติดตามใกล้ชิดทุกระยะ และสั่งหน่วยงานความมั่นคงร่วมทำงานเต็มสรรพกำลัง เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน และปกป้องอธิปไตยของชาติไทยอย่างเคร่งครัด
“รัฐบาลขอยืนยันว่าประเทศไทยจะดำรงความมุ่งมั่นสูงสุดในการปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และสิทธิป้องกันตนเองโดยชอบธรรม และวันนี้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีมติยืนยันว่า ไทยจะปฏิบัติการทางทหารทุกกรณีตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ปฏิบัติการทางทหารในเรื่องอื่นที่จำเป็น”นายกฯกล่าว
มั่นใจความสามารถกองทัพไทยยึดกฎใช้กำลัง
และว่า รัฐบาลเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในความสามารถของกองทัพไทย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบตามกฎการใช้กำลัง และยึดหลักมนุษยธรรมในการปกป้องประชาชน รักษาความสงบเรียบร้อยตลอดแนวพื้นที่ชายแดน
นายกฯกล่าวย้ำว่า เพื่อความถูกต้องของข้อมูล ไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก รัฐบาลขอวิงวอนให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากช่องทางราชการเท่านั้น และมอบให้กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้สื่อสารข้อมูลหลักในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ข้อมูลถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และขอให้ประชาชนมั่นใจ การปกป้องประเทศและความปลอดภัยของประชาชนคือภารกิจสูงสุดของรัฐบาลและกองทัพไทย
ยันไทยไม่ใช่ฝ่ายเริ่มหรือรุกราน
“ประเทศไทยไม่เคยต้องการเห็นความรุนแรง ยืนยันว่าไทยไม่เคยเป็นฝ่ายริเริ่มหรือรุกราน แต่ไทยจะไม่ยอมให้ใครมาละเมิดอธิปไตย และจะดำเนินการอย่างมีเหตุผล รอบคอบและยึดหลักสันติภาพ ความมั่นคง และมนุษยธรรมเป็นสำคัญ โดยรัฐบาลจะรายงานสถานการณ์ให้ประชาชนทราบต่อเนื่อง และพร้อมดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็น เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นรัฐบาล และในศักยภาพของกองทัพไทย»นายกฯกล่าว
มั่นใจแสนยานุภาพทหารไม่ให้ใครรุกราน
จากนั้นนายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า เรารักษาอธิปไตยของเรา เรื่องรายละเอียดยุทธวิธีหรือการดำเนินการทางทหารไม่สามารถเปิดเผยได้ กองทัพมีแนวทางดำเนินการอยู่ เราทำเพื่อรักษาอธิปไตย รักษาเกียรติภูมิความปลอดภัยของประชาชน ด้วยแสนยานุภาพของกองทัพไทย เรามั่นใจว่าไม่ควรที่มีการโจมตีจากประเทศเพื่อนบ้านใดๆได้ ส่วนที่สื่อต่างชาติเสนอข่าวมีเนื้อหาทำนองว่าไทยเป็นฝ่ายโจมตีก่อนนั้น นายอนุทินกล่าวว่า เขาต้องเชื่อข้อมูลของประเทศไทย ที่เราได้พิสูจน์ให้เห็นในทุกเวทีว่าเรารักสงบ เราเป็นฝ่ายถูกคุกคามถูกรุกราน ถูกกระทำถูกยั่วยุทุกกรณี ได้แสดงหลักฐานให้เห็นยื่นหนังสือไปองค์กรนานาชาติ เราพิสูจน์และยืนยันแล้วว่าไม่ได้รุกรานใครแต่เราไม่ยอมให้ถูกรุกรานแน่นอน
ลั่นไม่เจรจา-เขมรอยากหยุดยิงต้องทำตามไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังเปิดช่องเจรจาอีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า คงไม่ให้เจรจาแล้ว ถ้าเขาดำเนินการกับเราถึงขนาดนี้ และเราก็ได้ตอบโต้ให้เขาเห็น เที่ยวนี้น่าจะชัดเจนแล้วว่าการตอบโต้ของเราไม่ใช่ตอบโต้เพื่อส่งสัญญาณใดๆ แต่ตอบโต้ให้เขาเห็นว่าเขาไม่ควรเข้ามาคุกคามอธิปไตยของไทย ดังนั้น การเจรจาจะไม่มีแล้ว จากนี้ไปถ้ากัมพูชาจะหยุดสู้รบกัน ก็ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด
เมื่อถามว่าต้องฉีกปฏิญญาสันติภาพ ไทย- กัมพูชาที่ลงนามที่มาเลเซียใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีแล้ว จำไม่ได้และไม่ได้คุยไม่ได้แจ้งกับอันวาร์ อิบราฮีม นายกฯมาเลเซียหรือโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เป็นพยานลงนาม เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของไทยและคู่กรณี และไม่กังวลกับการเจรจาภาษีกับสหรัฐ
ดอก2ปท.พยานไปบอกคนรุกรานให้หยุด
ถามถึงกรณีนายกฯมาเลเซีย โพสต์เฟซบุ๊กระบุรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการปะทะด้วยอาวุธบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ทั้งสองฝ่ายประเทศยับยั้งชั่งใจ นายกฯย้อนถามว่าโพสต์ถึงใคร ไม่ได้โพสต์ให้ตน ถ้าจะบอกให้ประเทศไทยทำอะไร ตนวิงวอนคนที่เกี่ยวข้องและเป็นพยานควรไปพูดให้คนที่รุกรานประเทศไทยให้หยุดการกระทำเช่นนั้นเสียก่อน ไม่ใช่มาบอกให้ประเทศไทยเราต้องอดทนต่อไป ยังต้องหยุดหรือดำเนินการอะไร มันเลยเวลานั้นมาแล้ว ถ้าอยากหยุดต้องบอกคนที่รุกรานเราให้หยุด
เมื่อถามว่า กัมพูชาอ้างว่าไทยเป็นคนเปิดฉากก่อน นายกฯ กล่าวว่า คุณเชื่อกองทัพไทยหรือจะเชื่อศัตรูเรา คุณถามได้อย่างไรว่าเขาก็บอก คุณเป็นคนไทย และกองทัพไทยก็เป็นกองทัพที่เชื่อถือได้ รัฐบาลไทยเชื่อกองทัพไทย
รบ.ย้ำเขมรโจมตีไทยก่อนทหารเจ็บ2
เวลา 15.30 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงชี้แจงลำดับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันการนำเสนอข่าวคลาดเคลื่อน โดยยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดชี้ชัดกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากใช้อาวุธหนักก่อน เหตุทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและมีผู้เสียชีวิต ไทยจึงจำเป็นต้องปฏิบัติการป้องกันตัวตามสิทธิที่พึงมีของรัฐอธิปไตย และเป็นไปตามหลักสากลทุกประการ ดังนั้น เพื่อลดความสับสนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไทยขอเรียงลำดับเหตุการณ์การปะทะบริเวณภูผาเหล็ก และพลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่เริ่มโดยฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ดังนี้
วันที่ 7 ธันวาคม 2568 - เวลา 14.15 น. หน่วย พัน.ร.13 (ฉก.1) ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ ถูกทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงด้วยอาวุธปืนเล็กใส่ฝ่ายไทยก่อน จนส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย ได้แก่ ส.อ.อนุชาติ เรือนคำ และ พลฯ พรชัย จำปาจุม - เวลา 14.16 น. ไทยจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองตามกฎการปะทะ ดยใช้อาวุธตามสัดส่วนและความจำเป็น ขณะเดียวกัน กัมพูชายกระดับการใช้อาวุธ โดยใช้อาวุธต่อสู้รถถัง (ปรส.) ยิงใส่ฝั่งไทย แม่ทัพภาคที่ 2 จึงสั่งทุกหน่วยเพิ่มระดับความพร้อมเต็มรูปแบบทันที - เวลา 14.50 น. หน่วยปฏิบัติการยังคงเฝ้าระวังภัยอย่างใกล้ชิด และรักษาความพร้อมด้านการป้องกันในระดับสูงสุด จากนั้นในเวลา 14.53 น. เจ้าหน้าที่ลำเลียงทหารบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลด่วน - เวลา 16.00 น. นายกฯสั่งเสริมกำลังและเตรียมแผนอพยพประชาชน นายกฯย้ำว่า ไทยไม่ต้องการความรุนแรง แต่ไม่ยอมให้ใครละเมิดอธิปไตยอย่างเด็ดขาด
ลำดับเหตุปะทะป้องกันสื่อเสนอข่าวพลาด
โฆษกรัฐบาลกล่าวต่อว่า วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 03.00 น. กัมพูชากำหนดเป้าหมายอาวุธยิงสนับสนุนมายังฝั่งไทยในพื้นที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ และโรงพยาบาลปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- เวลา 05.00 น. กัมพูชาใช้อาวุธยิงมายังแนวการวางกำลังของฝ่ายไทยในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายไทยทำการยิงตอบโต้ตามกฎการปะทะ - 06.00 น. กัมพูชาใช้อาวุธยิงวิถีโค้งระดมยิงต่อฝ่ายไทยในพื้นที่ช่องอานม้า โดยจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้ กัมพูชาเริ่มยิงใส่ฝ่ายไทยก่อนหลายพื้นที่ และเริ่มหนักขึ้นในช่วง 05.00 น. เป็นต้นมา โดยมีการใช้อาวุธหนัก ซึ่งเป็นเหตุให้ทหารไทยเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้โดยใช้เครื่องบินรบโจมตีที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและเสียชีวิตของกำลังพลฝ่ายไทย และเป็นไปตามกฎการใช้กำลังอย่างเหมาะสมตามหลักสากล
“นายกฯย้ำชัดเจนว่า ไทยต้องการสันติภาพ แต่ไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตยไทย และพร้อมดำเนินการทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องประเทศและประชาชน รัฐบาลไทยขอให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศนำเสนอข่าวอย่างครบถ้วนตามข้อเท็จจริง ป้องกันการเข้าใจผิด และทำให้ไทยถูกมองว่าเป็นผู้รุกราน ทั้ง ๆ ที่ไทยเป็นผู้ถูกรุกรานจากฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด”โฆษกรัฐบาลกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี