‘ฮุน เซน’มุกแป้ก ปล่อยคลิปโจมตีอนุทินไร้ผล

‘ฮุน เซน’มุกแป้ก ปล่อยคลิปโจมตีอนุทินไร้ผล

วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 10.15 น.

‘ฮุน เซน’มุกแป้ก ปล่อยคลิปโจมตีอนุทินไร้ผล

ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้ถูกจุดปะทุขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การนำของ สมเด็จฯ ฮุน เซน ผู้กุมอำนาจสูงสุดของกัมพูชา ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นนักการเมืองที่เต็มไปด้วยลูกเล่นและเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แม้ว่าในทางยุทธศาสตร์และศักยภาพของกองทัพ ทั้งจำนวนกำลังพลและสมรรถนะอาวุธ กัมพูชาจะยังคงเป็นรองประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ แต่ ฮุน เซน กลับกล้าที่จะเป็นฝ่ายเปิดศึกกับไทยถึงสองครั้ง การกระทำนี้มิได้สะท้อนเพียงความกล้าหาญทางทหาร หากแต่เป็น กลยุทธ์ทางการเมือง ที่มุ่งเน้นการ "รบไปด้วย สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในการเมืองไทยไปด้วย"


#ย้อนรอย "มุกเก่า" ที่เคยเขย่าทำเนียบรัฐบาลไทย

กลยุทธ์ดังกล่าวเคยประสบความสำเร็จอย่างงดงามในอดีต กรณีที่เป็นที่จดจำคือ การปล่อยคลิปเสียงที่ถูกอ้างว่าเป็นการสนทนาระหว่างเขากับ แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งในขณะนั้นเป็นผู้นำรัฐบาล คลิปดังกล่าวได้สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองอย่างรุนแรง จนกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้รัฐบาลของลูกสาวอดีตนายกฯ ทักษิณ ต้องมีอันเป็นไป หลุดพ้นจากตำแหน่ง และสูญเสียเครดิตทางการเมืองไปอย่างสิ้นเชิง กลยุทธ์นี้ใช้ได้ผลเพราะอาศัย "สายสัมพันธ์" และ "อิทธิพล" ที่โยงใยระหว่างสองตระกูล

#การสิ้นสุดยุค "คอนเนกชัน" ในทำเนียบรัฐบาล

ทว่า เมื่อบริบทการเมืองไทยได้เปลี่ยนแปลงไป สู่ยุคที่รัฐบาลนำโดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งถูกมองว่าเป็นรัฐบาลที่ ปราศจากอิทธิพลของตระกูลชินวัตรอย่างสิ้นเชิง ฮุน เซน ก็ไม่สามารถใช้คอนเนกชันที่มีอยู่เดิมเพื่อเปลี่ยนแปลงท่าทีอันแข็งกร้าวของรัฐบาลไทยได้อีกต่อไป

แม้ปัญหาชายแดนจะมีการเจรจาหยุดยิงภายใต้การเป็นสักขีพยานระดับโลก เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานอาเซียน อันวาร์ อิบราฮิม แต่มาตรการ "ปิดด่าน" จากฝั่งไทยยังคงดำเนินต่อไปอย่างเข้มข้น มาตรการนี้ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา จนทำให้เกิดภาวะ "ง่อยเปลี้ยเสียขา" และกลายเป็นแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศ ที่สั่นคลอนสถานะอำนาจของตระกูลฮุนอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

#"มุกเดิม" ที่หมดมนตร์ขลัง: ทำไมจึงใช้ไม่ได้ผลกับนายกฯ อนุทิน

ในการเปิดสงครามทางการเมืองรอบสอง ฮุน เซน จึงหวนกลับไปใช้กลยุทธ์เดิม คือการปล่อยคลิปที่อ้างถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นในอดีต โดยปรากฏภาพของนายกฯ อนุทินนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับผู้ว่าราชการจังหวัดไพลินของกัมพูชา ฮุน เซน คงหวังว่า คลิปนี้จะส่งผลสะเทือนเหมือนกับ "คลิปหลานอังเคิล" ที่เคยทำให้ อุ๊งอิ๊งค์ ต้องหลุดจากเก้าอี้นายกฯ และสูญเสียสถานะการเป็นผู้นำ แต่ทว่า ลูกไม้เดิมกลับใช้ไม่ได้ผล กับนายกฯ อนุทิน ด้วยเหตุผลหลักสามประการ:

1.ขาดหลักฐานที่ก่อให้เกิดความเสียหาย: เนื้อหาในคลิปไม่ได้มีประเด็นที่สร้างความเสียหายโดยตรง เพราะการที่ผู้นำประเทศนั่งรับประทานอาหารกับผู้ว่าราชการจังหวัดของประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นเรื่องปกติในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ใช่การคบหากับหัวหน้าแก๊งสแกมเมอร์

2.การกระทำหักล้างข้อโจมตี: แม้จะมีความพยายามโยงภาพลักษณ์ของนายกฯ อนุทินให้เกี่ยวข้องกับขบวนการสีเทา แต่การกระทำที่ผ่านมาของเขาได้ให้คำตอบที่หนักแน่นกว่า ทั้งการ ไม่อนุมัติสัญชาติไทย ให้กับ เบน สมิทธ์ เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย และการเดินหน้าแถลงข่าว การยึดและอายัดทรัพย์สิน ขบวนการสีเทาที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอำนาจในกัมพูชาอย่าง เบน สมิทธ์, ก๊กอาน, และ ยิม เลียก การดำเนินการที่เด็ดขาดเหล่านี้มีน้ำหนักมากพอที่จะหักล้างข้อโจมตีทั้งหมด

3.ประชาชนรู้เท่าทันเกม: สิ่งสำคัญที่สุดคือ อารมณ์ความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ ที่ไม่สนใจและรู้เท่าทันเหลี่ยมเพชรของ ฮุน เซน แล้วว่า นี่คือกลยุทธ์ตื้น ๆ ที่มุ่งหวังจะดิสเครดิตผู้นำไทย และสร้างความขัดแย้งภายในประเทศ ท่ามกลางกระแสความรักชาติที่แข็งแกร่ง ทำให้คนไทยไม่หลงกลของ ฮุน เซน ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งไปแล้วในขณะนี้

การที่กลยุทธ์เดิมใช้ไม่ได้ผล เป็นสัญญาณชัดเจนว่า ยุคแห่งการใช้อิทธิพลส่วนตัวเพื่อบิดผันนโยบายรัฐบาลไทยได้สิ้นสุดลง ฮุน เซน กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่ เมื่ออำนาจของเขาต้องปะทะกับมาตรการที่เด็ดขาดและจิตสำนึกร่วมของความเป็นชาติที่ตื่นตัวของคนไทย

#แนวหน้าออนไลน์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top