วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เปิดภาพลงนามMOUพิสดาร 'เบนสมิธ'ร่วมพิธี 'ไชยชนก'สั่งยกเลิก

เปิดภาพลงนามMOUพิสดาร 'เบนสมิธ'ร่วมพิธี 'ไชยชนก'สั่งยกเลิก

วันอังคาร ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 16.19 น.

เปิดพิรุธ MOU พิสดาร ก.ดีอี-บ.สิงคโปร์ ก่อนโดน 'ไชยชนก'สั่งยกเลิก เผยภาพลงนาม 'ประเสริฐ-ธรรมนัส-นฤมล-เบน สมิธ' ร่วมด้วย

จากกรณีที่มีข่าวว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ได้สั่งยกเลิกบันทึกความเข้าใจ(MOU) ระหว่างกระทรวงดีอีกับบริษัทไพรม์ ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) จากสิงคโปร์ แหล่งข่าวจากกระทรวงดีอี ได้เปิดเผยกับ "แนวหน้าออนไลน์" ว่าMOU โครงการนำร่องศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลไทย ดีลสุดพิเศษ ใช้เวลาแค่ 3 วัน(25-27 มีนาคม 2568) เริ่มต้นจาก นายวัลลภ รุจิรากรเลขานุการ รมว.ดีอี นำร่าง MOU มาเสนอกระทรวง ทำสัญญาพิสดาร ผ่าน 3 หน่วยงาน กระทรวงต่างประเทศ อัยการสูงสุด และ กฤษฎีกา และให้ ปลัดกระทรวงดีอี.ลงนาม โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี เกษียณหนังสือ "เห็นชอบ"


แหล่งข่าวให้ข้อมูลด้วยว่า นายวัลลภ รุจิรากรเลขานุการ รมว.ดีอี คือคนของนายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ทักษิณ ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน, แพทองธาร ชินวัตร)

ทั้งนี้แหล่งข่าวยังได้ชี้ประเด็นที่น่าสนใจซึ่งนำมาสู่การรยกเลิก MOU ดังนี้

MOU เพื่อใคร ?

อ้างว่าทำโครงการนำร่องเพื่อการพัฒนา และส่งเสริมศูนย์ธุรกิจดิจิทัลสำหรับประเทศไทย จึงจะเรียกว่า Thailand International Digital Business & Finance Centre ("TIDC")

อ้างว่า ทำ Sandbox Digital Economy Regulatory Sandbox ("DERS") โดยอ้างว่า มีเป้าหมายสูงสุดคือการศึกษา พัฒนา และจัดทำกรอบและเครื่องมือในการส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลใหม่ของประเทศไทย

1.ให้สิทธิประโยชน์เอกชน แบบกว้างขวาง ครอบจักรวาล เป็นบริษัทเทวดา ในโลกธุรกรรมทางการเงินยุคใหม่ โทเคน สินทรัพย์ดิจิทัล ข้อมูลชีวภาพ กล้าระบุแม้กระทั่งการพนัน ซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ?
-ธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลและระบบการชำระเงิน
-ตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและการซื้อขายหลักทรัพย์ตราสารอนุพันธ์ -ฟินเทค ธนาคารดิจิทัล หลักทรัพย์ การบริหารสินทรัพย์ การลงทุนและการจัดการกองทุน และบริการประกันภัยออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ ที่เน้นสินทรัพย์ดิจิทัลและเสมือนจริง
-การแปลงหลักทรัพย์เป็นโทเคน (Tokenisation ofsecurities)
-ผู้ให้บริการประมวลผลการชำระเงินออนไลน์
-บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก (blue-chip) และสตาร์ทอัพ รวมถึงการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ดิจิทัลระดับภูมิภาค
-บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก (blue-chip) และสตาร์ทอัพ
-การจัดตั้งสำนักงานใหญ่ดิจิทัลระดับภูมิภาค
-บริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ารหัส และการจัดการข้อมูล
-ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพกราฟิกคอมพิวเตอร์ (CGI) ในการผลิตวิดีโอเกม อีสปอร์ต ภาพยนตร์ โทรทัศน์ สตรีมมิ่ง และสื่อ
-บริการเกมออนไลน์และการเดิมพันหรือพนันกีฬา
-นักพัฒนาเกม ร้านแอปพลิเคชัน และร้านเกมออนไลน์
-ทรัพธ์สินทางปัญญาดิจิทัล และกองทุนวิจัยและพัฒนา รวมถึงยานพาหนะการลงทุน
-ข้อมูล วิทยาศาสตร์ ชีวภาพ และวิทยาศาสตร์สุขภาพ

2. คนไทย เป็นหนูทดลอง ใช่ไหม ? เพราะ MOU กำหนดว่า DERS regulatory sandbox สถานการณ์ กิจกรรม ธุรกรรม หรือการจำลองใด ๆ ทั้งหมด ("ธุรกรรม") ที่ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบระบบ และการนำร่องโครงการ เพื่อการศึกษาและพัฒนาต่อไป จะดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ในการทดสอบเท่านั้น และไม่ถือว่าเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริงในโลกแห่งความเป็นจริง

3. MOU กำหนดว่า ระบบทั้งหมด เป็นทรัพย์สินทางปัญญาแต่เพียงผู้เดียวของผู้พัฒนา ข้อมูลทั้งหมด เป็นของใคร ?
ผู้เข้าร่วมตกลงว่า ระบบทั้งหมด โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที สถาปัตตกรรมแอปพลิเคชัน ไม่ว่าจะประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่ง ระบบเดียว หรือของ
ระบบ/โครงสร้างพื้นฐาน/สถาปัตยกรรม เว้นแต่จะถูกจัดหาโดย MDES หรือถูกพิจารณาว่าไม่เป็นกรรมสิทธิ์ ไม่ว่าจะบางส่วนหรือทั้งหมด ถือเป็นและจะยังคงเป็นทรัพย์สินทางปัญญาแต่เพียงผู้เดียวของผู้พัฒนา และข้อมูลที่เกี่ยวข้องหรือความรู้เกี่ยวกับสิ่งดังกล่าวจะอยู่ภายใต้เงื่อนไข "การรักษาความลับ" ของ MOU นี้

4. อ้างว่า นำเข้าบุคลากรไอทีมาล้วงตับ คนไทย หรือไม่ ?
MOU ระบุ ผู้พัฒนาจะต้องมีความสามารถในการเริ่มต้นจัดสรรผู้เชี่ยวชาญด้านไอที่จำนวน 500 คน
การกำหนดหน้าที่ไม่ชัดเจน สามารถลักลอบ นำข้อมูลสำคัญ ออกไปจาก ระบบได้

5. ไม่มีหลักประกันการกำหนดเก็บความลับ มีช่องให้นำความลับออกไปใช้มากมาย ?
โดย MOU กำหนดแค่ว่า ผู้เข้าร่วมแต่ละฝ่ายจะต้องเก็บรักษาความลับอย่างเคร่งครัดเกี่ยวกับการเจรจาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการมีอยู่และเนื้อหาของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้เงื่อนไขหลักของข้อตกลง โครงการ และเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่คาดหมายตามบันทึกนี้ และจะต้องไม่เปิดแยข้อมูลดังกล่าวโดยไม่ได้รับ
ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจากอีกฝ่ายหนึ่ง เว้นแต่จะเปิดเผยต่อบริษัทในเครือ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรรมการ พนักงาน และที่ปรึกษาของแต่ละฝ่ายตามความจำเป็นต้องทราบ ข้อกำหนดนี้รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการห้ามอย่างเคร่งครัดในการอภิปรายเรื่องใด ๆ ข้างต้นในที่สาธารณะ สื่อมวลชน หรือสื่ออื่นใดหรือวิธีการใด ๆ

6. โครงการ MOU เล่นใหญ่ขนาดนี้แต่กลับกำหนดในตอนท้ายว่า ไม่มีผลผูกพันตามกฎหมาย เจตนาต้องหลบเลี่ยงอะไรหรือไม่ ?
บันทึกความเข้าใจฉบับนี้และเงื่อนไขหลักของข้อตกลงนี้ไม่ได้มีเจตนาให้มีผลผูกพันตามกฎหมายต่อผู้เข้าร่วม

7. การทำ MOU นี้มีบริษัทเกี่ยวข้องกับการ สแกนม่านตาคนไทย มากกว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต อย่างถูกต้อง และฉ้อโกงคนไทย
-ประชาชน ถูกปิดบังรายได้ จากที่ควรต้องได้รับเงินทุกเดือน เป็นได้รับแค่ครั้งเดียว
-มีบริษัทชั้นน้ำ ในประเทศไทยเข้าร่วม ทั้งเอกชนทำกิจการคมนาคมระบบราง ห้างสรรพสินค้า (กำลังนำสืบ อยู่ว่าร่วมกินส่วนต่างรายได้รายเดือนจากการสแกนม่านตาด้วยหรือไม่)
-กระทรวงที่เกี่ยวข้องกับประชาชนฐานราก กว่า 30 ล้านคน (สืบ อยู่ว่าร่วมกินส่วนต่างรายได้จากการสแกนม่านตาด้วยหรือไม่)
-ประชาชน คิดว่าไม่มีการเก็บประวัติ แต่จริงๆแล้วมีการบันทึกประวัติ โดยการทดลองส่งคนเข้าร่วม และทำซ้ำ ซึ่งระบบแจ้งว่าไม่ผ่านเพราะเคนสแกนม่านตามาแล้ว
-การสแกนม่านตา เป็นการนำข้อมูล ชีวภาพส่วนบุคคล ไปใช้ ซึ่งในอนาคตถ้าระบบสแกนม่านตานำมาใช้อย่างกว้างขวางจริง ประชาชน 1.2 ล้านคน สุ่มเสี่ยงว่าจะถูกนำข้อมูลไปแอบอ้างใช้ในทางที่ผิดได้
-การสแกนม่านตา โดยผิดกฎหมาย กระทรวงดีอี. สามารถเรียกค่าปรับได้ 5 ล้านบาท ต่อ คนต่อเคส หรือรวมเป็นเงินก้อนโต 60 ล้านล้านบาท

8.เรื่องสแกนม่านตา มีข้อมูลเชื่อมโยงไปที่บริษัททุนเทา ทั้ง เบน สมิธ “นายเบนจามิน เมาเออร์ เบอร์เกอร์” และนายยิม เลียก 2 ผู้ประสานงาน Fixer ตระกูล ฮุน และตระกูลชิน

9. นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวถึงเรื่องเงินสกุลดิจิทัลและโทเคน ต่างกรรมต่างวาระ

1. การใช้ "Stablecoin" หรือ "พันธบัตรดิจิทัล" (G-Token) เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เสนอให้รัฐบาลออก Stablecoin หรือ โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (G-Token) ที่มีสินทรัพย์ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือสินทรัพย์อื่นค้ำประกัน เพื่อเป็นเครื่องมือในการระดมทุนจากประชาชนรายย่อย และนำเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง แทนที่จะพึ่งพาสถาบันการเงินที่ซื้อพันธบัตรแล้วถือไว้เพื่อกินดอกเบี้ย

2. ผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบล็อกเชนและคริปโต เคอร์เรนซี ในระดับภูมิภาคเสนอให้มีการศึกษาการใช้ บิตคอยน์ (Bitcoin) และสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ โดยอาจเริ่มจากพื้นที่นำร่อง (Sandbox) เช่น จังหวัดภูเก็ต เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง

3. เชื่อมโยงกับนโยบาย "เงินดิจิทัล วอลเล็ต" 10,000 บาท ถูกวางแผนให้ใช้ระบบ บล็อกเชน เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่นี้ และช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เติบโตช้าเพราะขาดสภาพคล่อง

ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวถึงแนวคิดการใช้ บิตคอยน์ เพื่อชำระค่าบริการและสินค้าแบบนำร่องในพื้นที่ ภูเก็ต ในงานสัมมนาเชิงกลยุทธ์ “Dinner Talk Chat with Tony : Bull Rally of Thai Capital Market” ซึ่งจัดโดยหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568

งานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ที่ หัวหิน (ช่วงประมาณปลายปี 2567 ตามเวลาในข่าว):
ในครั้งนี้มีการพูดถึงการให้กระทรวงการคลังศึกษาการใช้ Bitcoin ในพื้นที่ภูเก็ตเป็นแซนบ็อกซ์ (Sandbox) ด้วย

งานปาฐกถาภายในงาน "ISAN NEXT" : พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก ที่ จังหวัดนครราชสีมา ช่วงประมาณปลายปี 2567

งาน MFC's 50th Anniversary: The World's Next Opportunities and Beyond (โอกาสและการลงทุนแห่งอนาคต) โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ วันที่ 14 มีนาคม 2568 เน้นย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็น "ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล" (Digital Economy Hub)

การหารือกับนักลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกในกรุงเทพฯ สิงหาคม 2568 เปิดโต๊ะหารือกับผู้เล่นสำคัญในวงการคริปโตฯ ระดับโลก เช่น Metaplanet และ UTXO Management โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันไทยสู่การเป็น Crypto Hub ของอาเซียน และการพิจารณาจัดตั้ง "กองทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์" ที่มีสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นส่วนหนึ่ง และ ข้อเสนอเรื่อง Bitcoin Sandbox ที่ภูเก็ต

9 กรกฎาคม 2568 55 ปี เนชั่น ผ่าทางตันประเทศไทย นายทักษิณ สนับสนุนแนวคิดการใช้สกุลเงินดิจิทัลและบิตคอยน์เพื่อเป็นเครื่องมือในการ กระตุ้นเศรษฐกิจ และ เพิ่มสภาพคล่อง ผ่านแนวคิด Sandbox และการออก Stablecoin ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้
10.บทสรุป MOU เพื่อใคร ? เพื่อไทย ? เพื่อเทา ?

ไม่เชื่อว่า นายประเสริฐ และ นายวัลลภ จะคิดทำเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง ต้องมีคนชักใย บงการ และสั่งการ โดยมีผลประโยชน์ เคลือบแฝง วางงานเป็นขั้นเป็นตอนก่อนมามีอำนาจรัฐ เพื่อครอบครองตลาดการเงินสมัยใหม่ "เงินสกุลดิจิทัลของประเทศไทย" โดยใช้ประชาชนไทย เป็นหนูทดลอง ทั้งการทดลองระบบบ เครื่องมือ การบริหารจัดการ ข้อมูล ไปจนถึงม่านตาชีวะภาพ ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของส่วนตัวของประชาชน ถูกนำมาขายล่วงหน้าถึง 1.2 ล้านคน โดยไม่รู้จุดประสงค์เพื่ออะไร

ทั้งนี้แนวหน้าออนไลน์ ได้รับมอบภาพถ่ายพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ระหว่างกระทรวงดีอีกับบริษัทไพรม์ ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี (Prime Opportunity Fund VCC) เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 โดยภาพถ่ายดังกล่าว มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดีอี ในขณะนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ศ.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย และนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ เบน สมิธ ร่วมถ่ายภาพเป็นสักขีพยานด้วย

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top