เขมรเหิมยิงBM-21 ถล่มไทยหมู่บ้านเดียว5ลูกรวด ชาวบ้านหนีตายลงหลุมหลบภัย

เขมรเหิมยิงBM-21 ถล่มไทยหมู่บ้านเดียว5ลูกรวด ชาวบ้านหนีตายลงหลุมหลบภัย

วันพุธ ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เขมรเหิมยิงBM-21

ถล่มไทยหมู่บ้านเดียว5ลูกรวด

ชาวบ้านหนีตายลงหลุมหลบภัย

 

เขมรยิง BM-21 พุ่งเป้าใส่พื้นที่พลเรือนตกกระจายหมู่บ้านเดียว 5 ลูก ต้นไม้ขาดนับสิบหลังคาบ้านเสียหาย 1 หลัง ชรบ.และชาวบ้านที่ยังไม่อพยพกว่า 30 คน หนีตายเข้าบังเกอร์โกลาหล ป้าวัย 55 ปี ช็อกหมดสติหามส่ง รพ.ด่วน ชาวบ้านเรียกร้องรัฐบาลอย่าสั่งหยุดยิงเอาให้จบ นายกฯ สั่งทุกหน่วยงานดูแลประชาชนที่อพยพจากเหตุปะทะไทย-เขมร ด้าน“นฤมล”เผยปิดโรงเรียนแล้ว 990 แห่ง เตรียมเรื่องการเรียนชดเชยแล้วส่วน รมว.สาธารณสุข พร้อมดูแลผู้ป่วยในศูนย์อพยพ เผยมีแพทย์เพียงพอ


เมื่อวันที่ 9ธันวาคม2568 สถานการณ์สู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ยังคงมีเสียงปืนใหญ่จากการยิงปะทะต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงตี4 ล่าสุด มีอาวุธหนักคาดว่าเป็น จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ของฝั่งกัมพูชาที่ยิงตอบโต้ทหารไทยตกในพื้นที่พลเรือน ที่บ้านหว้า ต.เขาดินเหนือ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จำนวน 5 ลูก กระจายตามทุ่งนา และหนองน้ำ สะเก็ดระเบิดทำต้นไม้หัก ขาดมากกว่า 10ต้น กระเด็นใส่หลังคาบ้านได้รับความเสียหาย 1หลัง เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความแตกตื่นตกใจให้ทั้งชาวบ้านบางส่วนที่ยังไม่อพยพ และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้านกว่า 30 ชีวิตต่างพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยโกลาหล

ขณะที่นางเปรย หนึ่งในชาวบ้านที่ยังไม่อพยพออกจากพื้นที่และหลบอยู่ในบังเกอร์เกิดภาวะช็อกหมดสติ เนื่องจากมีโรคประจำตัว คือโรคหัวใจ ทางเจ้าหน้าที่ ชรบ.จึงได้แจ้งหน่วยกู้ชีพให้มารีบรับตัวส่ง รพ.ประโคนชัย. เพื่อทำการรักษาอย่างเร่งด่วน ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว

นายล้วน หนึ่งใน ชรบ.ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ช่วงประมาณ 8 โมงกว่า ได้มีกระสุนปืนใหญ่ตกในหมู่บ้าน 4 -5 ลูก ทั้งชาวบ้านและ ชรบ.ต่างพากันหลบในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย. โชคดีที่ไม่มีชาวบ้านบาดเจ็บ แต่มีคุณป้า ซึ่งป่วยด้วยโรคหัวใจมีภาวะช็อก จนต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล ถือเป็นครั้งแรกที่กระสุนปืนใหญ่ตกในหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีเสียงปืนใหญ่จากการยิงปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอด

ชาวบ้านคนหนึ่ง บอกว่า ได้ยินเสียงปืนใหญ่จากการยิงปะทะดังตั้งแต่ตี 4 จนถึงตอนนี้ ก็ไม่คาดคิดว่าจะตกในหมู่บ้าน แต่โชคดียังไม่มีบ้านเรือนเสียหาย และไม่มีใครบาดเจ็บ เพราะส่วนมากอพยพไปศูนย์พักพิงแล้ว ที่เหลือก็จะอยู่เฝ้าบ้าน และสัตว์เลี้ยงเท่านั้น ก็อยากฝากให้รัฐบาลจัดการให้เด็ดขาดรอบนี้เอาให้จบไม่อยากให้สั่งหยุดและเชื่อว่าการเจรจาคงใช้ไม่ได้ผลกับเขมร เพราะถ้าได้ผลเขาคงไม่เปิดฉากยิงมาทหาไทยก่อน ก็อยากฝากให้รัฐบาลดำเนินการขั้นเด็ดขาด จะได้ไม่มีการรบรอบสามอีก เพราะคนที่เดือดร้อนคือชาวบ้านชายแดน

ด้าน นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อสั่งการของนายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ว่านายกฯ ได้ติดตามเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้หน่วยงานด้านความมั่นคง ดูแลความปลอดภัยของประชาชน ปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลัง โดยนายกฯ แถลงภายหลังประชุม สมช.ไปแล้ว ยืนยันว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามมติ สมช.จะปฏิบัติการทางทหารทุกกรณีตามเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และปฏิบัติการทางทหารในเรื่องอื่นตามความจำเป็น

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายการประชุม ครม.นายกฯ กล่าวว่า หากรัฐมนตรีท่านใดว่างเว้นจากภารกิจปกติ อยากให้ช่วยกันสับเปลี่ยนหมุนเวียนลงไปให้ความช่วยเหลือ และให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตามศูนย์พักพิงต่างๆ ในแต่ละจังหวัดด้วย

ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงแผนสั่งปิดโรงเรียนพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาว่าต้องรอข้อมูลฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ก่อนว่าปลอดภัย จึงเปิด โดยวันเดียวกันนี้มีการปิดโรงเรียนแล้ว 990 แห่ง ส่วนโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย สพฐ.ได้จัดเป็นศูนย์พักพิงเพื่อรองรับประชาชน ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่ามีโรงเรียนได้รับความเสียหาย

นางนฤมล กล่าวถึงการเรียนการสอนในช่วงที่ปิดโรงเรียนว่ามีแผนชดเชยอยู่แล้วทั้งการสอนที่เป็นใบงานแบบฝึกหัด (on hand) กับการเรียนการสอนแบบทั่วไป (on site) แต่ถ้าทำไม่ได้ก็จะเปลี่ยนเป็นเรียนระบบออนไลน์ อีกทั้ง สพฐ.ได้เตรียมจัดถุงการเรียนรู้ให้เด็กๆ ที่ศูนย์พักพิงเพื่อไม่ให้ตกหล่นเรื่องการเรียน

ส่วนนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีโรงพยาบาลตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ได้รับผลกระทบ ว่าได้สั่งการให้ ผอ.โรงพยาบาลเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ไปอยู่ในโรงพยาบาลที่ปลอดภัยจากพื้นที่ปะทะ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าเหตุปะทะจะใช้ระยะเวลายาวนานแค่ไหน โดยเตรียมมาตรการรับมือไว้ 3 ระดับ พร้อมสั่งปิดโรงพยาบาลหลายแห่งในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เดิมจากการปะทะครั้งที่แล้ว

ขณะเดียวกันได้ส่งทีมแพทย์ไปประจำที่ศูนย์พักพิงต่างๆ เพื่อดูแลสุขภาพประชาชนหากมีการเจ็บป่วย โดยกระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมที่จะดูแลผู้อพยพทุกศูนย์พักพิง โดยยังสามารถจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ได้ และยังไม่มีรายงานว่าโรงพยาบาลถูกโจมตีจนได้รับความเสียหาย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top