ทบ.แฉเขมรยิงมั่ว  BM-21ถล่มพื้นที่พลเรือนไทย  กระสุนเฉี่ยว‘รพ.พนมดงรัก’

ทบ.แฉเขมรยิงมั่ว BM-21ถล่มพื้นที่พลเรือนไทย กระสุนเฉี่ยว‘รพ.พนมดงรัก’

วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ทบ.เผยเขมรยังไม่สิ้นฤทธิ์ งัด BM-21 ยิงถล่ม หลายแนวรบลงพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย เฉี่ยวรพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หึ่ง เขมรยิงมั่วโดนพวกเดียวกันที่ปราสาทคนา บาดเจ็บเพียบ “นฤมล” สั่งปิดสถานศึกษาชายแดนเพิ่มเป็น 1,168 แห่ง เปลี่ยนเป็นศูนย์พักพิง 102 แห่ง พร้อมส่งอาชีวะ ช่วยประชาชนในพื้นที่ ด้าน กกล.บูรพา ออกคำสั่ง ห้าม ประชาชน 4 อำเภอ จ.สระแก้วชายแดนไทย-กัมพูชา ออกนอกเคหะสถานช่วง 1 ทุ่ม ถึงตี 5 เพื่อความปลอดภัย

กองทัพภาคที่ 1 รายงานสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว วันที่10 ธ.ค. 68 ห้วงเวลา 09.00 น.จำนวน 3 แนวรบหลัก ได้แก่ บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา มีการปะทะเป็นระยะด้วย ป. และ ค. บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง มีการปะทะเป็นระยะด้วย ป. และ ค. ฝ่ายกัมพูชาระดมยิง BM-21 ตกลงหมู่บ้าน และ บ้านหนองจาน อ.โคกสูง มีการปะทะเป็นระยะด้วย ป. และ ค. ยังไม่มีรายงานการสูญเสีย


เขมรยิ่งใส่พวกเดียวกัน

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาประจำวันที่ 10 ธันวาคม 2568 เวลา 09.00 น.ตามที่ได้เกิดการสู้รบตามแนวชายไทย-กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ขอสรุปผลการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้

สถานการณ์ ในห้วงคืนที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาระดมโจมตีต่อช่องบก ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืนจังหวัดอุบลราชธานี โดยเฉพาะเนิน 677 ด้วยฝูงโดรนกว่า 80 เที่ยว ใช้จรวด BM21 โจมตีเพื่อเข้ายึดภูมะเขือ ใช้รถถัง และอาวุธเล็งตรง ยิงจากที่ตั้งบนเขาพระวิหารต่อกำลังฝ่ายเราบริเวณสถูปคู่ และห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ

ฝ่ายเรายิงทำลายที่ตั้งแอนตี้โดรน บริเวณทิศใต้ช่องจอมเพื่อสนับสนุนการกวาดล้างกัมพูชาบริเวณสวนมะม่วงที่ปลูกล้ำเส้นปฏิบัติการเข้ามาบริเวณช่องระยี ฝ่ายกัมพูชาใช้ จรวด BM 21 ระดมยิงบริเวณปราสาทคนา โดยไม่คำนึงถึงกำลังฝ่ายเดียวกันที่วางกำลังต้านทานการการเข้าควบคุมพื้นของฝ่ายเรา

จัดดนตรีปลุกขวัญผู้อพยพ

การอพยพประชาชน ปัจจุบันได้ศูนย์พักพิงชั่วคราว รวมทั้งสิ้น จำนวน 696 จุด มีผู้เข้าพักจำนวน 171,681 คน ประกอบด้วย จังหวัด อุบลราชธานี จำนวน 29,865 คน จังหวัดศรีษะเกษ จำนวน 72,907 คน จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 62,846 คน และจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 6,063 คน

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 75 จุด มีผู้เข้าพัก จำนวน 4,350 คน ประกอบด้วย จังหวัด อุบลราชธานี จำนวน 170 คน จังหวัดศรีษะเกษ จำนวน 177 คน จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 3,594 คน และจังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 509 คน

กองทัพภาคที่ 2 ได้กิจกรรมแสดงดนตรี หนังกลางแปลงเพื่อบำรุงขวัญกำลังใจ และการจัดกิจกรรมสันทนาการให้กับเด็กเช่นการแข่งขันกีฬา บ้านบอล วาดภาพระบายสี มุมของเล่นเด็ก เพื่อผ่อนคลายความ ตึงเครียดให้กับพี่น้องประชาชน

เขมรใช้โบราญสถานเป็นฐานทัพ

แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทหารกัมพูชาได้ใช้พื้นที่ “ปราสาทตาควาย” เป็นที่วางกำลังที่ทหารกัมพูชา และตั้งเป็นฐานปฏิบัติการและจุดยิงอาวุธทั้งวิถีตรงและวิถีโค้ง ซึ่งเป็นภัยคุกคามเชิงยุทธวิธีที่มุ่งสร้างความสูญเสียต่อกำลังปฏิบัติการของฝ่ายไทย เป็นการใช้ พื้นที่ “ปราสาทตาควาย” ซึ่งเป็นโบราณสถาน ผิดวัตถุประสงค์จากหลักสากลที่กำหนดให้โบราณสถานต้องปลอดกิจกรรมทางทหาร แต่กลับถูกกัมพูชานำไปใช้ เป็นทางปฏิบัติการทางทหาร จนได้รับความเสียหาย ไม่เป็นการเคารพกติกาสากลโลก

ยิ่งไปกว่านั้น มีข้อมูลบ่งชี้ถึงการนำบุคคลในครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้องในภารกิจที่ควรเป็นของกำลังทหารโดยเฉพาะ อันเป็นแนวปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานความปลอดภัยทางทหารและหลักมนุษยธรรมสากล

“การใช้โบราณสถานเป็นที่ตั้งทางการทหาร ฐานยิงอาวุธ และดำเนินการโดยมิชอบเช่นนี้ เป็นพฤติการณ์ที่สร้างความตึงเครียด ความหวาดระแวง และความรุนแรง โดยไม่จำเป็นและขัดต่อบรรทัดฐานสากลอย่างชัดเจน” แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 กล่าว

แฉเขมรระดมยิงBM21 ล่าสุด

เมื่อเวลา 11.15 น. เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์ข้อความรายงานไทม์ไลน์กัมพูชา ใช้ปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง BM21 ยิงใส่พื้นที่พลเรือนฝั่งไทย จนได้รับความเสียหายเป็นวงกว้างทั้ง 4 จังหวัดชายแดน รวม50 นัด ตำบลกระสุนตก ดังนี้

จ.ศรีสะเกษ จำนวน 17 นัด คือ วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 05.43 น. ที่ ม.2 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 2 นัด เวลา 05.43 น. ที่ ม.9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 2 นัด เวลา 05.48 น. ที่ ม.12 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 5 นัด เวลา 06.10 น. ที่ ม.9 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 1 นัด เวลา 06.40 น. ที่ ม.4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 1 นัด เวลา 07.19 น. ที่ ม.11 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 3 นัด เวลา 07.31 ที่ ม.1 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ 1 นัด เวลา 08.43 น. ที่ ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ 2 นัด

จ.บุรีรัมย์ จำนวน 12 นัด คือ วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 08.30 น. ที่ บ.สายโท 10 อ.บ้านกรวด 2 นัด วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 09.10 น. ที่ ม.7 ต.เขาดินเหนือ อ.บ้านกรวด 5 นัด วันที่ 9 ธ.ค. เวลา 09.10 น .ที่ ม.7 ต.เขาดินเหนือ อ.บ้านกรวด 5 นัด

จ.สุรินทร์ จำนวน 20 นัด คือ วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 08.45 น. ที่ ม.6 ต.โคกกลาง อ.พนมดงรัก 4 นัด วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 09.20 น. ที่ ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิง 3 นัด วันที่ 7 ธ.ค. เวลา 14.05 น. ที่ ม.16 ต.บักได อ.พนมดงรัก 5 นัด 8ธ.ค. 0740 ม. 6 ต.โครกกลาง อ.พนมดงรัก 2 นัด วันที่ 8 ธ.ค.เวลา 08.06 น. ที่ ม.11 ต.บักได อ.พนมดงรัก 2 นัด วันที่ 9 ธ.ค. เวลา 09.45 น. ที่ ต.บักได อ.พนมดงรัก 4 นัด และ ที่ จ.อุบลราชธานี จำนวน 1 นัด คือ วันที่ 7ธ.ค. เวลา 06.55 น. ที่ ต.สีวิเชียร อ.น้ำยืน

โดยปัจจุบัน ยังไม่มีการรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต พื้นที่มีความเสี่ยงสูง อยู่ระหว่างรอการสำรวจ

ทบ.จับตาอย่างไกล้ชิด

กองทัพบก ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า เมื่อเวลา 07.15 น. วันนี้ ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงจรวด BM-21 เข้ามายังพื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่พลเรือนในวงกว้าง ครอบคลุม ตำบลตาเมียง ตำบลบักได และตำบลจีกแดก รวมกว่า 50 นัด โดยตรวจพบว่ามีกระสุนตกบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลพนมดงรัก จำนวน 5 ลูก ภายหลังเกิดเหตุ หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งอพยพผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และประชาชนพลเรือนทั้งหมดเข้าสู่พื้นที่กำบังเรียบร้อยแล้ว เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการป้องกันผลกระทบและดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง

กองทัพบกขอประณามการใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือนของกัมพูชา ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยของไทย และขัดต่อหลักมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง การยิงจรวดหลายลำกล้องเข้าสู่เขตชุมชนและบริเวณสถานพยาบาล ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นภัยอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ กองทัพบกยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการป้องกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามทุกรูปแบบอย่างเหมาะสม ภายใต้กฎการใช้กำลังตามหลักสากล เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนไทยเป็นสำคัญ

สั่งปิดโรงเรียนเพิ่มเป็น1,168แห่ง

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของสถานศึกษาในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายวงกว้างในหลายพื้นที่ ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการต้องสั่งปิดสถานศึกษาเพิ่มเป็น 1,168 แห่ง เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ขณะเดียวกัน โรงเรียนในพื้นที่ปลอดภัย จำนวน 102 แห่ง ได้ถูกจัดตั้งเป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง

กกล.บูรพาประกาศห้ามออกจากบ้าน

วันเดียวกัน มีประกาศกองกำลังบูรพา ที่ 166 / 2568 เรื่อง ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลาที่กำหนด ด้วยพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 กำหนดให้อำนาจแก่ฝ่ายทหารในเขต พื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพ มีความมั่นคง มีความปลอดภัย เกิดความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่ และรอดพ้นจากความหวาดระแวงภัยคุกคามจากภายนอกประเทศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ รวมถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 11(6) แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกพุทธศักราช 2457 จึงกำหนดมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย ดังต่อไปนี้

ข้อ1 ห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานภายในระหว่างระยะเวลา 19.00-05.00 ในพื้นที่ 4 อำเภอ ตามแนวชายแดน ได้แก่ อำเภอตาพระยา อำเภอโคกสูง อำเภออรัญประเทศ และอำเภอคลองหาดข้อ 2ใช้มาตรการตามกฎหมาย ให้การปฏิบัติยังคงเป็นไปตามพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 อย่างเคร่งครัด อำนาจที่ให้นี้ ครอบคลุมถึงการควบคุมพื้นที่ การควบคุมบุคคล การตรวจค้น ที่อาจก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือกระทบต่อความมั่นคง ข้อ3 การมีผลบังคับใช้ประกาศนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนามเป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2568

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top