วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
“จาตุรนต์” สวนแรง ต้องยืนหลักการยกเลิกเกณฑ์ ส.ว. 1 ใน 3 ไม่เช่นนั้นร่าง รธน.ใหม่เสี่ยงล้มทั้งฉบับ ชี้ระบบปัจจุบันเปิดทาง “พวกน้อยลากไป” ใช้อำนาจ 134 เสียง ขวางเสียงประชาชนกว่า 500 เสียง “ณัฐพงษ์” โต้ภูมิใจไทย ข้อตกลงเดิมคือโน้มน้าว ส.ว. ไม่ใช่ฟื้นอำนาจยับยั้งกระบวนการร่าง รธน.ใหม่ ป่วน! ผลโหวต 312 เสียงเห็นให้คงเกณฑ์ ส.ว. 1 ใน 3 แต่“เท้ง”ไม่ยอมรับ เสนอให้นับใหม่ ด้วยการขานชื่อ
วันที่ 11 ธันวาคม 2568 นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกรัฐสภา ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างมาก ชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภากรณีการตัดเกณฑ์ สว.1ใน3 ในการโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนุญ ในมาตรา 256/28 ว่า การที่มีข้อเสนอให้ ผ่อนปรนเงื่อนไขเพื่อหวังให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านในอีก 15 วันข้างหน้า อาจกลายเป็นความเสี่ยงที่ทำให้ร่างฉบับนี้ไม่สามารถเดินหน้าได้จริง แม้ผ่อนให้วันนี้ก็ไม่อาจแน่ใจว่าภายหลังจะผ่านวาระสาม เพราะเงื่อนไขเชิงหลักการยังเปิดช่องให้ถูกคว่ำร่างได้อีก
ส่วนที่มีผู้อภิปรายพยายามทำให้เข้าใจว่ากรรมาธิการต้องการแก้กติกา รายมาตรา ของมาตรา 256 เพื่อยกเลิกเสียง ส.ว. หนึ่งในสาม ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด โดยย้ำว่าร่างของพรรคภูมิใจไทยที่เคยเสนอให้ลดเกณฑ์ ส.ว. จากหนึ่งในสาม เหลือหนึ่งในห้าได้ถูกถอนออกไปแล้ว ดังนั้น รัฐสภาไม่ได้กำลังแก้กติกาการแก้ไขรายมาตรา แต่กำลังวางกติกาใหม่เพื่อเปิดทางสู่ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ
นายจาตุรนต์กล่าวว่าเงื่อนไขปัจจุบันที่ต้องใช้เสียง ส.ว. หนึ่งในสาม หรือ 67 เสียงในทางปฏิบัติไม่ใช่ตัวตัดสินจริง แต่คือกลุ่มที่รวม ส.ว. ได้ 134 เสียงขึ้นไปต่างหากที่สามารถขวางทุกอย่างของรัฐธรรมนูญได้ แม้จะเป็นเพียง 19% ของ 700 เสียง แต่กลับสามารถยับยั้งเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่มีผู้แทนกว่า 500 คนได้ ถือเป็นความวิปริตของระบบ ที่เปิดทางให้เสียงข้างน้อยเพียงหยิบมือมีอำนาจเหนือเสียงประชาชนทั้งประเทศ
นายจาตุรนต์ชี้ว่า การร่างรัฐธรรมนูญใหม่แตกต่างจากการแก้รายมาตรา เพราะต้องผ่านประชามติถึง 3 ครั้ง คือ ประชามติเห็นชอบให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ 2 ประชามติรับร่างของกรรมาธิการร่างฯ และ3ประชามติสุดท้ายเพื่อให้มีผลบังคับใช้
“หากยังคงให้ ส.ว. หนึ่งในสามมีอำนาจขวางขั้นตอนแรก เท่ากับปิดโอกาสไม่ให้ประชาชนทั้งประเทศได้ตัดสินใจตั้งแต่ต้น ซึ่งสวนทางกับหลักประชาธิปไตยและเจตนารมณ์ของประชาชน ไม่ใช่พวกมากลากไป แต่เป็นพวกน้อยลากไปต่างหาก ที่ทำให้ระบบไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างแท้จริงตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
นายจาตุรนต์กล่าวว่า หากกรรมาธิการยอมถอยจากหลักการสำคัญนี้ ก็อาจกลายเป็นเหตุที่ทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่สำเร็จ และทำให้ประเทศต้องติดอยู่กับความล้าหลังเดิมต่อไปอีกยาวนาน พร้อมวิงวอนสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่ายตระหนักว่า การตัดสินใจครั้งนี้มีผลต่อทิศทางของประเทศและอนาคตของประชาชนทั้งประเทศ
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ลุกอภิปรายตอบโต้นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่า เหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยเคยทำข้อตกลงร่วมกับพรรคประชาชน เป็นเพราะเชื่อว่าสามารถ “โน้มน้าว ส.ว.” ให้เห็นชอบการแก้รัฐธรรมนูญได้ ไม่ใช่เพื่อกลับมาคงเสียง ส.ว. 1 ใน 3 ในขั้นสุดท้าย
เขาระบุว่า ข้อถกเถียงเรื่อง “รัฐธรรมนูญเพ้อฝันหรือเป็นจริง” แท้จริงคือการสร้างรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงประชาชนมากที่สุดภายใต้ข้อจำกัด ไม่ใช่การย้อนกลับไปให้ ส.ว. ถืออำนาจยับยั้งกระบวนการอีก โดยเฉพาะเมื่อมาตรา 256/28 ถูกชี้ว่าเป็น “จุดตัดสำคัญ” ของคำว่าพูดแล้วทำ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยยืนยันมาตลอด หากวันนี้กลับลงมติให้คงเสียง ส.ว. 1 ใน 3 ย่อมทำให้สังคมตั้งคำถามว่า “รักษาคำพูดจริงหรือไม่”
นายณัฐพงษ์เตือนว่า หากพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ไม่สามารถยอมรับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยังคงเสียง ส.ว. 1 ใน 3 ได้ และหากผลโหวตวาระสองกลับมาเป็นไปตามที่ ส.ว. ต้องการ การทำรัฐธรรมนูญอาจไม่เดินหน้าจนถึงวาระสาม ซึ่งจะนำไปสู่แรงกดดันให้ นายกรัฐมนตรีต้องยุบสภา
“รัฐสภาต้องไม่ฟังเพียงเงื่อนไขของ ส.ว. บางส่วน แต่ต้องยึดตามข้อตกลงเดิมว่า พูดแล้วต้องทำ”ขณะเดียวกันฝ่ายค้านไม่อาจรับได้หากมีการฟื้นเกณฑ์ ส.ว. 1 ใน 3 ดังนั้น หากพรรคภูมิใจไทยลงมติไปในทางเดียวกับเสียงข้างมาก หรือแม้แต่งดออกเสียง เพื่อให้ร่างผ่านวาระสอง ก็ยังมีเวลาอีก 15 วันในการร่วมกันโน้มน้าว ส.ว. ให้เห็นชอบในวาระสาม
”แต่หากภูมิใจไทยยังยืนยันให้ฟื้นอำนาจ ส.ว. 1 ใน 3 นายณัฐพงษ์ประกาศชัดว่า ฝ่ายค้านรับไม่ได้ และถือเป็นสัญญาณว่าภูมิใจไทยไม่จริงใจต่อการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่“
จากนั้นที่ประชุมได้มีมติ 290 ต่อ 312 เสียง เห็นด้วยกับการแก้ไขของกรรมาธิการเสียงข้างมาก โดยมีงดออกเสียง 6 เสียง ซึ่งหมายความว่า เสียงส่วนใหญ่เห็นตามกรรมาธิการเสียงข้างน้อยให้คงเกณฑ์เสียงสว.1 ใน3 ทามกลางเสียงโห่ดีใจของสว. แต่นายณัฐพงษ์ได้เสนอให้นับใหม่เนื่องจากมีเสียงห่างกันไม่ถึง30 เสียง ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมกำหนดให้ต้องนับโดยเรียงลำดับชื่อ ทั้ง 700 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี