วันอาทิตย์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ปธ.กกต.ลั่นพร้อมจัดเลือกตั้งสส.
กาบัตร8ก.พ.69
หารือ‘ครม.’สัปดาห์หน้า
‘อนุทิน’ปัดหักหลัง‘ปชน.’
ชี้โหวตรธน.ไม่อยู่ในMOA
‘เท้ง’ยังหวังแก้รธน.สำเร็จ
โปรดเกล้าฯพ.ร.ฎ.ยุบสภา เดินหน้าจัดเลือกตั้งภายใน 45 วัน แต่ไม่เกิน 60 วัน ด้าน “อนุทิน” เปิดใจเหตุยุบสภา อ้าง “เท้ง” บอกไม่ให้ไปต่อ ยันไม่ได้หักหลัง ยึดตาม MOA แต่เรื่องคงอำนาจ สว.โหวตรัฐธรรมนูญ ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง รับสั่งสว.ไม่ได้ แย้มพร้อมหนุนประชามติแก้รัฐธรรมนูญคำถามแรกขณะที่ “ปชน.” พร้อมเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อการเปลี่ยนแปลง-แก้วิกฤตรุมล้อมประเทศ ยอมรับ-ขอโทษประชาชนผลักดันวาระ รธน.ไม่สำเร็จ ยังมีความหวังกระบวนการทำรธน.ใหม่เต็มเปี่ยม ปธ.กกต.ยืนยันว่าพร้อมจัดเลือกตั้งเต็มที่และเตรียมคุยครม.ต้นสัปดาห์หน้า หารือคำถามประชามติ ยอมรับเป็นไปได้หย่อนบัตรวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภา พ.ศ.2568 ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า ด้วยนายกรัฐมนตรี ได้นำความกราบบังคมทูลฯ สมควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพที่ได้รับอาณัติที่ชอบธรรมจากประชาชนเพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นและเรียบร้อยสืบไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา103และมาตรา175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้ มาตรา 1.พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า“พระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2568 มาตรา2.พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3.ให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป มาตรา 4 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปในวันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45วัน แต่ไม่เกิน60วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ มาตรา5 ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
‘อนุทิน’แจงยุบสภา’เท้ง’ไม่ให้ไปต่อ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจยุบสภาว่า ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน ตนและพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลได้ เพราะพรรคประชาชนให้มาเป็นและการแก้ไขรัฐธรรมนูญเราก็พยายามทำมาตลอด ในสัญญาที่มีต่อกันใน MOAทั้ง 4-5 ข้อ พรรคภูมิใจไทยก็ปฏิบัติมาตลอด แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา 256/28 เกี่ยวกับอำนาจสว.ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยมีการพูดกันในเอ็มโอเอมาก่อน แต่เมื่อหัวหน้าพรรคประชาชนแถลงในรัฐสภาว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่ต้องการ พรรคประชาชนก็จะไม่สนับสนุน และขอให้นายกฯยุบสภา
“ท่านโหวตให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านบอกว่าไม่สนับสนุนผมแล้ว ท่านขอให้ผมยุบสภาผมก็ทำตามท่าน เป็นไปตามมารยาท และขั้นตอนที่ควรจะเป็น” นายอนุทิน กล่าว
ไม่มีการหักหลังปชน.-ท้าไปดูเอ็มโอเอ
เมื่อถามว่า ก่อนถึงจุดนี้ได้เจรจากับพรรคปชน.แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีการพูดคุย และประสานกัน ซึ่งคนที่ประสานงานหลัก คือ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่า สาเหตุที่ตัดสินใจยุบสภามาจากการพรรคปชน.เตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา151 หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าชัดเจนที่ท่านต้องการให้ยุบสภา ตนก็ยุบ เพราะท่านให้ตนมาเป็นรัฐบาล ตนก็ให้เกียรติท่าน เมื่อถามว่า การที่พรรคภท.สนับสนุนคงอำนาจ สว.ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ มองว่าเป็นการหักหลังหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีการหักหลังใดๆ ให้ไปดู MOAเขียนไว้อย่างไร ซึ่งMOAไม่มีเรื่องเกี่ยวกับสว.เลย แต่เป็นข้อตกลงที่พรรคภูมิใจไทยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อตกลงที่จะไม่มีการเพิ่มจำนวนสส.และไม่พยายามเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นบริบททางการเมืองที่เราสามารถทำได้ แต่เราก็ไม่ทำ ซึ่งการขอให้มีมติเกี่ยวกับคำถามแก้รัฐธรรมนูญเราก็ทำให้ หากส่งมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตนได้หารือกับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ท่านก็บอกว่าสามารถที่จะกำหนดวันทำประชามติได้ โดยอำนาจคณะรัฐมนตรีที่ยังรักษาการอยู่ ตนก็ทำให้ รักษาเงื่อนไขตามเอ็มโอเอ พร้อมย้ำว่า ไม่มีการหักหลังใดๆทั้งสิ้น
ลต.ไม่เกิน60วัน-รับรอง45วัน-ตั้ง ครม1ด.
นายอนุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงจะให้ความมั่นใจประชาชนตามแนวชายแดนอย่างไรเพราะเมื่อมีการยุบสภาฯแล้วทำให้มีความกังวลว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อว่า รัฐบาลรักษาการก็มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน มีเพียงข้อยกเว้นบางอย่างเท่านั้นแต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ข้อยกเว้นนั้นก็ไปอธิบายกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้และถ้าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อดูตามวางไทม์ไลน์ที่เคยดำเนินการมาเลือกตั้งไม่เกิน 60 วัน การรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 45 วัน การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ทุกรัฐบาลจะหมดวาระไปเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณซึ่งเมื่อนับๆดูก็แค่ 5-6 เดือน”นายอนุทิน กล่าว
‘ปชน.’แถลงพร้อมเดินหน้าเลือกตั้ง
ที่อาคารอนาคตใหม่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) พร้อมด้วย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และ นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงความพร้อมเดินหน้าเลือกตั้งและการผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังมีความชัดเจนเรื่องการยุบสภา โดย นายณัฐพงษ์ ระบุว่า สถานการณ์ล่าสุดที่มีการประกาศยุบสภาไปแล้ว ตนรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่พรรคปชน.ผลักดันไม่สำเร็จและขอโทษต่อประชาชนกับภารกิจในครั้งนี้ แม้ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์สูงสุดได้ ในการเดินหน้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปพร้อมกับการเลือกตั้งในครั้งหน้า อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยเมื่อวานที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภายังมีมติให้มีคำถามประชามติในครั้งที่1 ซึ่งตอนนี้เป็นข้อผูกพันตามกฏหมายตาม พรบ.ประชามติ ที่ได้ส่งครม.แล้ว หวังว่าครม.จะดำเนินการตามข้อกฎหมายที่เป็นอยู่ ในการจัดการเลือกตั้งครั้งหน้าพร้อมกับการจัดทำประชามติในส่วนของคำถามที่1เพื่ออย่างน้อยยังทำให้กระบวนการในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังเดินหน้าได้อยู่ วันนี้ขอประกาศความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตอนนี้พรรคประชาชนมีความพร้อมในการส่งผู้สมัครครบทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศ
หวังปชช.เลือกสส.มาก-แก้รธน.ได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันตั้งคำถามต่อนายกฯโดยตรงว่า เหตุใดพรรคภูมิใจไทยถึงเลือกที่จะลงมติสวนมติวิปรัฐบาลของตัวเอง พรรคประชาชนได้แสดงจุดยืนก่อนหน้านี้มาตลอดแล้ว ด้วยการทำงานผ่านกรรมาธิการหรือการประสานงานกันโดยตลอดระหว่างสมาชิกด้วยกันเอง ว่าพรรคประชาชนไม่สามารถจะยอมรับได้ถ้ามีการผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่ยังคงอำนาจ สว.1ใน3ไว้ ฉะนั้นในเรื่องของการผิดหรือไม่ผิดเอ็มโอเอ ตนอยากให้ถามคำถามในเชิงปฎิบัติกับนายกฯด้วย ส่วนกระบวนการต่อไปในครั้งหน้า อย่างน้อยเงื่อนไขตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็คือคำถามที่ 1 ที่จะต้องมีการจัดทำประชามติก่อน ซึ่งตอนนี้รัฐสภาได้ผ่านญัตติไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นข้อผูกมัดตามกฎหมายที่ครม.รักษาการต้องดำเนินการตาม เพราะฉะนั้นความหวังในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มที่ และในการเลือกตั้งครั้งหน้ายิ่งเสียงของประชาชนเห็นด้วยกับพรรคประชาชนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีโอกาสในการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ความสำเร็จมากขึ้นได้เท่านั้น
‘จุลพันธ์’ฟาด‘ปชน.-ภท.’รับผิดชอบ
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไปไม่ถึงวาระ 3 ถือว่าเกินความคาดหมายหรือไม่ ว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่พูดมาโดยตลอด เพราะเห็นมาตั้งแต่ต้นว่าเอ็มโอเอที่ทำมาจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) มีแต่ทางล้มเหลว เพราะเป็นดีลการเมืองที่พังพินาศที่สุดเท่าที่เคยมีมา และขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และเมื่อเข้าสู่ดีลนี้กันแล้วมีแต่ไปสู่ความผิดพลาด สุดท้ายปรากฏชัดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม
เมื่อถามถึง กรณีที่สถานการณ์มาถึงจุดนี้ดูเหมือนว่าพรรคปชน.กับพรรคภท.โยนความผิดกันไปมา นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ต้องรับผิดชอบทั้งคู่ สำหรับพรรค พท.ต้องแสดงความผิดหวังกับรัฐบาลก่อน เพราะสภาวะประเทศขณะนี้ทั้งสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา เรื่องน้ำท่วมที่ยังแก้ไขไม่เสร็จ รัฐบาลกลับปัดทิ้งภาระความรับผิดชอบ และเลือกที่จะหนีการตรวจสอบผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจและยุบสภา ทิ้งให้ประชาชนเดือดร้อนต่อไป แต่แน่นอนว่ากลไกภาครัฐยังสามารถเดินต่อไปได้ ทหารก็ดูแลชายแดนไป แต่รัฐบาลปัดความรับผิดชอบของตนเอง ยุบสภาหนีการตรวจสอบ
“ซึ่งต้องใช้คำว่า ปล่อยหนูเข้าป่า เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาลสามารถที่จะยุบสภาได้ทัน เพื่อที่จะไม่ต้องตรวจสอบกัน เป็นการเปิดโอกาสให้รัฐบาล ไม่ต้องโดนตรวจสอบ ซึ่งเราผิดหวังทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ และอีกหลายพรรคการเมือง ที่มาลงชื่อไว้กับผม ก็พร้อมที่จะตรวจสอบ เรารอพรรคประชาชนว่าจะเอาอย่างไร”นายจุลพันธ์ กล่าว
ยันปล่อย’หนู’ลอยตัวหนีซักฟอก
เมื่อถามว่า สถานการณ์แบบนี้เหมือนปล่อยให้รัฐบาลลอยตัวเหนือความผิดหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ถูกต้อง ความจริงแล้วกระบวนการถ้ามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สภาก็เดินหน้ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อได้ สภามีหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรีเข้ามาใหม่ หากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลุดออกจากตำแหน่ง ซึ่งยังสามารถเสนอชื่อเข้ามาได้ ไม่ได้ผิดอะไร และการแก้ไขปัญหาประเทศก็เดินหน้าต่อ เมื่อมีรัฐบาลใหม่มาก็ประสานงานต่อแค่นั้น แต่ตอนนี้คือมีสุญญากาศ เมื่อถามย้ำว่า เป็นการเตะหมูเข้าปากหนูใช่หรือไม่ พรรค พท.จะตั้งเกมรับมืออย่างไร นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราไม่ตั้งเกม เพราะเราเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งแล้ว วันนี้ต้องบอกประชาชนว่าอย่าสิ้นหวัง วันนี้ต้องใช้เวทีการเลือกตั้งนำพาประเทศกลับสู่ความถูกต้อง พรรค พท.พร้อมเป็นตัวเลือก
เมื่อถามว่า จะได้เห็นความจริงใจสุดท้ายของรัฐบาล ในการเดินหน้าทำคำถามประชามติหรือไม่ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอะไร สุดท้ายพวกเราที่อยู่ในสภาก็คุยกัน เพื่อที่จะเร่งกระบวนการในการผ่านญัตติเรื่องคำถามประชามติ คำถามที่ 1 ว่า เห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ซึ่งจบด้วยดี
“ตอนนี้ไม่ได้ถามถึงความจริงใจรัฐบาล เมื่อมีคำถามประชามติส่งไปจากรัฐสภาไปยังรัฐบาล ตามกฎหมายรัฐบาลต้องดำเนินการ ดังนั้น ไม่ต้องไปถามหาความจริงใจ ผมว่าความจริงใจเขาหมดตั้งแต่เข้าสู่เอ็มโอเอและกระบวนการลงมติมาตรา 256/28 เมื่อคืนนี้แล้ว วันนี้ไม่ได้มาถามหาความจริงใจ แต่ขอให้ทำตามกฎหมายคือ คำสั่งที่รัฐสภาส่งไปให้ถาม ก็ไปถามซะ” นายจุลพันธ์กล่าว
‘ภูมินทร์-กิตติ-ประเสริฐ-นุชนาถ’ซบ ภท..
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 4 พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์ภาพหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมโพสต์ภาพถ่ายร่วมกับ 3 สส.พรรคเพื่อไทย คือ นายกิตติ สมทรัพย์ อดีต สส.ร้อยเอ็ด เขต 6 , นายประเสริฐ บุญเรือง อดีต สส.กาฬสินธุ์ เขต 2 และ นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร อดีต สส.ศรีสะเกษ เขต 9 พร้อมโพสต์ข้อความว่า “ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยเรียบร้อยแล้วนะครับ”ต่อมา นพ.ภูมินทร์ เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากพรรคเพื่อไทย และได้กรอกใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โดยเตรียมจะยื่นในวันที่ 13ธ.ค.68 รวมถึง นายกิตติ , นายประเสริฐ และ นางนุชนาถ ได้เตรียมยื่นสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วยเช่นกัน
ปชป.พร้อมเดินหน้าสู่สนามเลือกตั้ง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความพร้อมในการเลือกตั้งหลังรัฐบาลประกาศยุบสภา ว่า พรรคมีความพร้อม ไม่มีปัญหาอะไร เราเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภา การเลือกตั้งเกิดขึ้นได้เสมออยู่แล้ว ตนก็ได้กำชับผู้บริหารทุกคนมาตั้งแต่ต้น ว่าเราทำงานแข่งขันกับเวลา แต่ยอมรับว่ามีข้อจำกัดในหลายเรื่อง แม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆแต่ก็มั่นใจ ขณะนี้เราเร่งทำกันมาก ซึ่งก็มีความพร้อม และเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประเทศ ในแง่ผู้สมัครก็เร่งรัดปฏิบัติตามขั้นตอน และเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างครบถ้วน และมีคนรุ่นใหม่ที่สนใจเข้ามาทำการเมืองแบบสุจริตจำนวนมาก ทำให้เราจำเป็นที่จะต้องกลั่นกรองและคัดเลือกให้เหมาะสมที่สุด
เสียดายยังแก้สู้รบเขมร-น้ำท่วมไม่จบ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ห่วงใย และได้ออกแถลงการณ์ไปตั้งแต่เมื่อคืน ซึ่งต้องยอมรับว่า ปัญหาของประเทศในขณะนี้ ทั้งการสู้รบตามแนวชายแดน และการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย หากเรามีการเมืองที่เป็นเอกภาพ มีพลังและมีอำนาจเต็ม ก็จะสามารถผ่านสถานการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดี พร้อมกับยอมรับว่ารู้สึกเสียดาย อาจจะเรียกว่าการชิงไหวชิงพริบทางการเมืองสุดก็แล้วแต่ ทำให้เกิดการชะงักงัน สิ่งที่ตนอยากจะเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ต้องมุ่งมั่นในการดำเนินภารกิจ ทั้ง 2 เรื่องให้เสร็จสิ้นด้วยดี แม้ว่าจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งก็จะมีข้อจำกัดไปโดยปริยาย ปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้กระทั่งรัฐบาลหรือตัวนายกรัฐมนตรี ต้องมาใช้เวลากับการรณรงค์หาเสียง การที่รัฐบาลไม่ได้มีอำนาจเต็ม และต้องรักษาการจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา และการตัดสินใจในนโยบายใหม่ๆ ก็คงทำไม่ได้ และอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ เพราะเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง จะมีเรื่องของกกต.ซึ่งอย่างน้อยที่สุด ถ้าเริ่มต้นวันนี้นายกรัฐมนตรีกับรัฐบาล จะดูแลภารกิจเหล่านี้ว่าจะไม่กระทบ หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะนำเสนอในวันนี้มากกว่า ส่วนเรื่องการเลือกตั้งก็ว่าไปตามกระบวนการของพรรคการเมือง
จัดได้ทั่วปท.หรือไม่ต้องไปถามกกต.
เมื่อถามว่าคิดว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะอาศัยช่วงนี้เป็นรัฐบาลรักษาการณ์ยาว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะไปลากยาวด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ได้ ยกเว้นเท่าที่กฏหมายให้อำนาจไว้ อย่างกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่มีการเลื่อนเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดศรีสะเกษ ก็เป็นไปตามกฎหมาย คือกกต.เห็นแล้วว่าการจะเลือกตั้งในพื้นที่เหล่านั้นมันจัดไม่ได้ หรือไม่สามารถจัดได้ และทำให้เกิดความมั่นใจว่าประชาชนมีส่วนร่วมด้วย ก็เป็นอำนาจของกกต.ที่จะเลื่อนการเลือกตั้ง แต่จะเป็นการทั่วไปยังมองไม่เห็นว่ากฎหมายจะอนุญาตอย่างไร
เมื่อถามว่ามีคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญิวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งทั่วไปต้องเลือกตั้งพร้อมกันทั่งประเทศ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่ามีบทบัญญัติที่พยายามมาปรับ เพื่อแก้สถานการณ์ตรงนั้นอยู่ว่าในกรณีบางพื้นที่ ส่วนวิธีการจะเป็นอย่างไรก็คงเป็นหน้าที่และอำนาจของกกต.ที่จะวินิจฉัย ส่วนการชิงยุบสภากระทันหันมองว่าพรรคภูมิใจไทยเอาเปรียบเพื่อนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนก็ไม่อยากไปถกเถียงว่าใครเป็นคนผิดข้อตกลงหรืออะไร เพียงแต่มันน่าเสียดายตามที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกแถลงการณ์ไปว่าถ้าพรรคการเมืองจะพยามยามหาทางออกร่วมกันผลักดันสิ่งที่เป็นเป้าหมายร่วมกันสักนิดก็จะหลีกเลี่ยงที่จะทำให้บางปัญหาที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศต้องได้รับผกระทบไปด้วย
ถ้าหันหน้าหากันก็แก้ไขรธน.ได้
“ความได้เปรียบเสียเปรียบก็ทราบกันมาอยู่แล้วตามเงื่อนไข ให้ความเป็นธรรมกับนายกฯ เพราะนายกฯพูดมาตลอดว่าถ้าขยับอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อไหร่ เขาก็จะยุบสภา เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาชนก็ไม่ได้บอกว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเคยถูกสอบถามก็บอกว่ารัฐบาลยังไม่มีความผิดร้ายแรง แต่พอมีปัญหาเรื่องตกลงกันไม่ได้ เรื่องสาระของรัฐธรรมนูญเลยทำให้เป็นเหตุขึ้นมา ในใจผมก็นึกว่าถ้าเราเอาเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่มาเป็นตัวตั้งของประเทศแล้วคุยกันเสีย เผื่อหาทางออกได้มันก็น่าจะดีกว่านี้ แต่เมื่อถึงจุดนี้ก็ต้องเดินไปตามกระบวนการ”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ยังสับสนทำไมชิงประกาศยุบสภา
เมื่อถามว่า เสียดายหรือไม่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆที่ค้างอยู่ในสภาฯไม่สามารถออกมาได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ทำให้ตนมีความรู้สักสับสนนิดหน่อยว่า ฝ่ายที่ต้องการผลักดันแก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่อยู่ดีๆก็เลือกเส้นทางทำให้มันจบลง แม้จะเสนอให้ ครม.อนุมัติให้ทำประชามติ แต่จริงๆแล้วตรงนี้ไม่ได้ช่วยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้น เพราะจริงๆแล้วก่อนหน้านี้คำถามที่ไปถามประชาชนจะไปถามพร้อมกับตัวร่างรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้จัดทำใหม่ แม้มีการทำประชามติไปพร้อมการเลือกตั้งแล้วผ่านก็ยังต้องทำประชามติอีกรอบอยู่ดี วันที่ไปแก้รัฐธรรมนูญมาตรา256 จริงๆแล้วก็แปลกใจอยู่ว่าแทนที่จะพยายามหาทางออกก็ไปเลือกเส้นทางที่เหมือนกับมาตั้งต้นกันใหม่
‘โสภณ’มองยังอพยพ ไม่น่าเลือกตั้งได้
นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะกำกับดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคอีสาน ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดการเลือกตั้ง สส. ซึ่งกฎหมายกำหนดให้จัดขึ้นพร้อมกันทั้งหมด 400 เขต แต่ยังมีสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา จะมีปัญหาหรือไม่ ว่า ถ้ามันไม่สงบก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้าคนยังอพยพอยู่อย่างนี้จะเลือกตั้งอย่างไร ซึ่งไม่น่าจะได้ เพราะต้องเลือกตั้งพร้อมกัน เมื่อถามถึงการหาเสียงของพรรค ภท.ในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา นายโสภณ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เราก็ดูแลประชาชน ซึ่งจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ยังไม่รู้ อยู่ที่ กกต.
‘วราวุธ’ลาออกชทพ.15ธ.คซบ.ภท.
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หลังจากที่นายวราวุธศิลปอาชา อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นำอดีต สส.ของพรรคทั้ง 10 คน ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ล่าสุด บรรดาอดีต สส.พรรคชาติไทยพัฒนาทั้ง 10 คน ประกอบด้วย นายวราวุธ, นายประภัตร โพธสุธน อดีตเลขาธิการพรรค , นายสรชัด สุจิตต์ , นายนพดล มาตรศรี , นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ และนายเสมอกัน เที่ยงธรรม อดีต สส.สุพรรณบุรี , นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ นายอนุชา สะสมทรัพย์ และนายศุภโชค ศรีสุขจร อดีต สส.นครปฐม และนายอนุรักษ์ จุรีมาศ อดีต สส.ร้อยเอ็ด ต่างทยอยเดินทางมายังที่ทำการพรรค ชทพ. เพื่อลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคต่อนายทะเบียนพรรคแล้ว และในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม นี้ อดีตสส.ทั้ง 10 คน นำโดยนายวราวุธจะเดินทางไปสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย
รายงานข่าว ระบุว่า หลังจากที่นายวราวุธ ลาออกแล้ว เท่ากับว่ากรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค ต้องพ้นจากการดำรงตำแหน่งและต้องมีการเลือกขึ้นมาใหม่ ภายในระยะเวลา 60 วัน ดังนั้นการปรับโครงสร้างภายในพรรคจะดำเนินการหลังจากนี้ และเมื่อนายวราวุธ ลาออกแล้ว จะให้นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคไปพรางก่อน เพื่อรอการเข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคของน.ส.กัญจนา ศิลปะอาชา
ประธานกกต.พร้อมจัดเลือกตั้ง
นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ประธาน กกต.ให้สัมภาษณ์หลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการการเลือกตั้ง ว่า วันนี้ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งและเมื่อมีการยุบสภา กกต.ก็จะต้องมีการประชุมเพื่อกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งเรามีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีการยุบสภาขึ้น จึงได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ โดยมีการแบ่งเขตตามจำนวนประชากรที่เพิ่มลดในบางจังหวัดแล้ว คาดว่าภายในวันจันทร์หรืออังคารจะมีความชัดเจน ส่วนไทม์ไลน์การเลือกตั้งสำนักงานกกต.ก็เตรียมไว้แล้ว ส่วนวันเลือกตั้งเป็นไปได้ที่จะเป็นวันอาทิตย์ที่ 8ก.พ.69 เหมือนที่สื่อคาดการณ์
เป็นไปได้จัดหย่อนบัตร8ก.พ.69
เมื่อถามว่าสถานการณ์สู้รบไทยกัมพูชา อาจทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในวันเดียวกันตามที่กฎหมายกำหนดมีการเตรียมการอย่างไร นายณรงค์ กล่าวว่า เราก็คาดการณ์ไว้ และได้มีการติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา แต่การจัดการเลือกตั้งต้องจัดพร้อมกันอยู่แล้ว ซึ่งก็จะทำเต็มที่ และยังเชื่อว่าจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ ส่วนเรื่องทำประชามติจะเกิดขึ้นพร้อมกับการเลือกตั้งหรือไม่นั้น ต้องรอ ครม. ก่อน ทราบว่า ครม.จะส่งผู้แทนมาพบ กกต.ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเห็นว่าครม.รักษาการมีอำนาจในการจัดออกเสียงประชามติได้และมีอำนาจที่จะอนุมัติงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว เมื่อถามว่า รู้สึกกดดันกับการทำงานหรือไม่เพราะเข้ามาในช่วงที่ประชาชนมีความคาดหวัง นายณรงค์กล่าวว่า “ไม่กดดันครับ เพราะเป็นหน้าที่ และจะจัดการเลือกตั้งให้ดีที่สุด”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี