โพลชี้‘อนุทิน’เต็ง  ผู้นำจัดตั้งรัฐบาลใหม่

โพลชี้‘อนุทิน’เต็ง ผู้นำจัดตั้งรัฐบาลใหม่

วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจประชาชน ให้ความสำคัญเรื่องปากท้องสูงสุด “อนุทิน” ยังเต็ง 1 ผู้นำพรรคใหญ่จัดตั้งรัฐบาล ส่วนสวนดุสิตโพล เปิดผลสำรวจประชาชนมองการเมืองไทยตลอดปี’68 แย่ลง

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “สำรวจพรรคใหญ่กับพรรคใหม่” จากการวิเคราะห์ข้อมูลทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ กลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 1,435 ตัวอย่างเก็บข้อมูลระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2568 ภายหลังการประกาศยุบสภาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริบททางการเมืองไทย ผลการสำรวจครั้งนี้สะท้อนทั้ง “ความต้องการเร่งด่วนของประชาชน” “ความตั้งใจจะไปเลือกตั้ง” “ความเชื่อมั่นต่อพรรคการเมืองขนาดใหญ่” และ “การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองเปิดใหม่ในฐานะม้ามืดเชิงนโยบาย” อย่างชัดเจน มี 5 หัวข้อหลักสำคัญ


1.ความต้องการเร่งด่วนของประชาชน พบว่าประชาชนให้ความสำคัญสูงสุดกับการแก้ปัญหาปากท้อง ค่าครองชีพ การค้าขาย ธุรกิจ และการทำมาหากิน คิดเป็นร้อยละ 81.9 สะท้อนว่ามิติทางเศรษฐกิจฐานรากยังคงเป็น “โจทย์หลัก” ของสังคมไทยหลังการยุบสภา รองลงมาคือ การยุติความขัดแย้งและการสู้รบชายแดนโดยเร็ว ร้อยละ 80.5 ซึ่งสะท้อนความกังวลด้านความมั่นคงและผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง ขณะเดียวกัน ประชาชนยังให้ความสำคัญกับการปราบปรามสแกมเมอร์และมิจฉาชีพ ร้อยละ 66.7 ปัญหายาเสพติด ร้อยละ 65.3 และความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 62.4 ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าประชาชนมองปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก

2.ความตั้งใจไปเลือกตั้ง พบว่ากลุ่มตัวอย่างร้อยละ 74.3 ระบุว่า ตั้งใจจะไปเลือกตั้ง ขณะที่ร้อยละ 5.8 ระบุว่า ไม่ไป และร้อยละ 19.9 ยังไม่แน่ใจ ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่า แม้การเมืองไทยจะเผชิญความผันผวน แต่ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงมอง “การเลือกตั้ง” เป็นกลไกสำคัญในการกำหนดทิศทางประเทศ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของกลุ่มที่ยังไม่แน่ใจซึ่งเกือบ 1 ใน 5 ของผู้ตอบทั้งหมด ถือเป็น “กลุ่มชี้ขาด” ที่พรรคการเมืองทุกพรรคต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

3.พรรคการเมืองขนาดใหญ่ พบว่าพรรคภูมิใจไทย ได้รับการระบุสูงสุด ร้อยละ 14.4 รองลงมาคือ พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 12.0 และพรรคประชาชน ร้อยละ 9.9 ขณะที่พรรคอื่นๆ รวมกันร้อยละ 11.5 อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคือกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจไม่ชอบพรรคใดหรือไม่ระบุ มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 52.2 ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด สะท้อนว่า แม้พรรคใหญ่ยังคงนำในเชิงความนิยม แต่ “ฐานเสียงที่ยังลังเล” ยังคงเปิดกว้าง และการแข่งขันทางนโยบายยังไม่ปิดเกม

4.ผู้นำพรรคใหญ่กับการจัดตั้งรัฐบาล พบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับการคาดหมายสูงสุด ร้อยละ 30.1 รองลงมาคือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 17.8 และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ร้อยละ 14.4 ขณะที่กลุ่มอื่นๆ หรือไม่ตอบ มีสัดส่วนร้อยละ 37.7 ผลดังกล่าวสะท้อนภาพ “เต็งหนึ่งหลังยุบสภา” ของนายอนุทินอย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ตัวเลขกลุ่มอื่นๆ ที่ยังสูง สะท้อนว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยยังรอดูทิศทางการเมืองและการนำเสนอนโยบายในช่วงหาเสียง

5.พรรคการเมืองเปิดใหม่ พบว่า สโลแกน “สร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ” ของพรรคปวงชนไทย มีนายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล หัวหน้าพรรค ได้รับความชอบสูงสุดมาเป็นม้ามืดในนโยบายพรรคการเมืองเปิดใหม่ โดยการตอบครั้งที่ 1 อยู่ที่ร้อยละ 48.5 และเพิ่มเป็นร้อยละ 51.7 ในการตอบครั้งที่ 2 รองลงมาคือ สโลแกน “ต้องทำเมกะโปรเจกต์ นิคมการเกษตร พลิกเศรษฐกิจ” ของพรรคเศรษฐกิจ ที่มี พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งได้ร้อยละ 47.3และ48.2ตามลำดับ และ “ก้าวใหม่ให้ไทยสตรอง” ของพรรคไทยก้าวใหม่ ของศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้ร้อยละ 39.6 และ37.8

ด้าน“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “การเมืองไทยในปี 2568” กลุ่มตัวอย่าง 1,194 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 9-12 ธันวาคม 2568 พบว่ากลุ่มตัวอย่างมองภาพรวมการเมืองไทยตลอดปี 2568 แย่ลง ร้อยละ 55 53 โดยเรื่องที่ทำให้รู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมือง คือการจัดการภัยพิบัติที่ไม่เป็นระบบ เช่น น้ำท่วมและแผ่นดินไหว ร้อยละ 67.59 เมื่อพิจารณาความเห็นต่อพรรคการเมืองไทย พบว่ากลุ่มตัวอย่างมองว่าพรรคการเมืองยังเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชน ร้อยละ 59.05 จากการทำงานของพรรคฝ่ายรัฐบาลตลอดปี 2568 สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพได้จริงร้อยละ 56.28 ส่วนพรรคฝ่ายค้าน คือการตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ร้อยละ 64.07

ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนว่าประชาชนมองการเมืองไทยแย่ลง โดยมีปัญหาการจัดการภัยพิบัติและเศรษฐกิจเป็นตัวเร่งความกังวล ขณะที่ยังเห็นว่าพรรคการเมืองทำเพื่อประโยชน์ของตนเองมากกว่า และหากมีการเลือกตั้ง ปัจจัยขี้ขาดการตัดสินใจจะอยู่ที่ผลงานที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นมาตรฐานพื้นฐานของการบริหารประเทศ ทว่าตลอดปี 2568 ยังเป็นสิ่งที่ประชาชนเห็นภาพไม่ชัด และอยากเห็นผลงานจริงมากกว่าการเล่นเกมการเมืองกันไปมา

ขณะที่ ผศ.สรศักดิ์ มั่นศิลป์ รองคณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดสิต วิเคราะห์ว่า จากผลโพลของสวนดุสิตโพล ประชาชนมองการเมืองไทยตลอดปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2567 อับดับหนึ่งเห็นว่าแย่ลง แสดงให้เห็นว่าประชาชนอาจมีความเบื่อหน่ายหรือไม่ชอบบรรยากาศการเมืองที่เป็นอยู่ จากเหตุอุทกภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ในประเทศโดยเฉพาะที่อ.หาดใหญ่ ประชาชนจึงรู้สึกกังวลใจต่อสถานการณ์บ้านเมืองเรื่องนี้มากที่สุด ต่อมาประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าพรรคการเมืองยังเน้นทำเพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าทำเพื่อประชาชนอันเป็นเครื่องเตือนใจว่าพรรคการเมืองควรหันมามองประชาชนให้มากขึ้น ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพให้ได้จริงเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการให้พรรครัฐบาลทำมากที่สุด อันจะส่งผลต่อการเลือกตั้งเป็นเหตุให้นโยบายคนละครึ่งจึงค่อนข้างประสบความสำเร็จ การทำงานของฝ่ายค้านมีผลต่อการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน ส่วนใหญ่ต้องการให้ตรวจสอบรัฐบาลอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งฝ่ายค้านน่าจะทำได้ดีเพราะถึงขั้นรัฐบาลตัดสินใจยุบสภา

อีกด้านหนึ่ง ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองรายไตรมาส ครั้งที่ 4/2568” สำรวจระหว่างวันที่ 4-12 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 2,500 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า

อันดับ 1 ร้อยละ 40.60 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 17.20 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 3 ร้อยละ 12.32 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 10.76 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 6.28 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 6 ร้อยละ 3.88 ระบุว่าเป็น พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 7 ร้อยละ 3.12 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 1.40 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ9 ร้อยละ 1.28 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ร้อยละ2.28 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) , ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคไทยก้าวใหม่) , นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ , นายจตุพร บุรุษพัฒน์ (พรรคโอกาสใหม่) , นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) , นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) , พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง (พรรคประชาชาติ) , ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ (พรรคกล้าธรรม) , นายวราวุธศิลปอาชา (พรรคภูมิใจไทย) , นายชาดา ไทยเศรษฐ์ (พรรคภูมิใจไทย) , นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคประชาธิปัตย์) และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No)ร้อยละ 0.88 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ1 ร้อยละ 32.36 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ2 ร้อยละ 25.28 ระบุว่า เป็น พรรคประชาชน

อันดับ 3 ร้อยละ 11.80 ระบุว่า เป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 4 ร้อยละ 11.04 ระบุว่า เป็น พรรคเพื่อไทย

อันดับ 5 ร้อยละ 9.92 ระบุว่า เป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 6 ร้อยละ 2.76 ระบุว่า เป็น พรรคเศรษฐกิจ

อันดับ 7 ร้อยละ 2.32 ระบุว่า เป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 8 ร้อยละ 2.00 ระบุว่า เป็น พรรคไทยสร้างไทย อันดับ 9ร้อยละ 1.12 ระบุว่า เป็น พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ1.36 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคประชาชาติ , พรรคไทยภักดี , พรรคโอกาสใหม่ , พรรคเพื่อไทรวมพลัง , พรรคกล้าธรรม , พรรคไทยก้าวใหม่ , พรรคชาติพัฒนา , พรรคเสรีรวมไทย และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) ร้อยละ0.04 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top